- ‘อนาคตใหม่’ ชี้เมื่อผู้ถือกฎหมายคิดว่าตัวเองเป็นนาย ศักดิ์ศรีเราจึงไม่เท่ากัน เสนอเปลี่ยนระบบกล่าวหาเป็นระบบไต่สวน
- ‘สามัญชน’ ชี้ความยุติธรรมกับความเหลื่อมล้ำแปรผันตามกัน ขึ้นเงินเดือนข้าราชการ แต่ค่าแรงขั้นต่ำขยับไม่กี่บาท สวัสดิการไม่เคยมาถึงประชาชน
- ‘เกียน’ โยนโจทย์ลดปัจจัยสร้างอาชญากร ให้โอกาสผู้อพยพพัฒนาตนเอง
- ‘ประชาธิปัตย์’ เสนอปฏิรูปตำรวจ - ยกสถานะ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์เป็นองค์กรอิสระ - E-Justice
- ‘เพื่อไทย’ ชี้คำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 53/60 ทำสมาชิกและสาขาพรรคหาย ขัดหลักนิติธรรม วิจารณ์ คสช. โดน ม. 116 และคำสั่งหัวหน้า คสช. ห้ามชุมนุมเกิน 5 คน ขณะที่ ‘สามมิตร’ รอดฉลุย
เมื่อวันที่ 11 ก.ค. ที่ผ่านมา WAY Dialogue ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) จัดงานเวทีเสวนา ‘ประเทศเหลื่อมล้ำ ความยุติธรรมชำรุด’ ที่อาคารเฉลิมราชกุมารี 60 พรรษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยา ในช่วงที่ 3 ของงานคือการนำเสนอนโยบายพรรคการเมืองเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในกระบวนการยุติธรรม โดย นิรามาน สุไลมาน พรรคอนาคตใหม่, เลิศศักดิ์ คำคงศักดิ์ พรรคสามัญชน, สมบัติ บุญงามอนงค์ พรรคเกียน, ราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ และชวลิต วิชยสุทธิ์ พรรคเพื่อไทย
‘อนาคตใหม่’ เสนอเปลี่ยนระบบกล่าวหาเป็นระบบไต่สวน
นิรามาน สุไลมาน
นิรามาน สุไลมาน พรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า เราอยู่ในสภาวะชะงักงัน ด้านเศรษฐกิจหนักหนาที่สุด ส่วนด้านกระบวนการยุติธรรมเป็นวัฒนธรรมที่ฟังรากลึก คนในพื้นที่ส่วนกลางก็ยังถูกละเมิด แต่การละเมิดเหล่านั้นก็ยังอยู่ภายใต้การที่หลายฝ่ายช่วยกันเฝ้าระวัง แต่พี่น้องชายแดนใต้ประสบปัญหา เช่น ด้านภาษา คุยกันไม่ค่อยเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ เมื่อถูกจับกุมมีการสอบสวน หลายครั้งที่เขาตอบไม่ถูก ตอบไม่ตรงประเด็น ผู้ถือกฎหมายยังไม่เปลี่ยนทัศคติว่าตัวเองเป็นนาย ต้องอยู่ภายใต้การรักษากฎหมายของฉัน แต่ความจริงไม่ว่าท่านเป็นใครท่านมีศักดิ์ศรีเท่ากัน เรามีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเปลี่ยนโครงสร้างสังคมใหม่ ให้ทุกคนเท่ากันและเคารพสิทธิของกันและกัน
กระบวนการยุติธรรมไทยให้อำนาจพนักงานสอบสวนล้นฟ้า การใช้ดุลยพินิจไม่มีประเทศไหนให้อำนาจเท่าประเทศไทย ดังนั้นต้องมีกรอบในการให้เขาใช้อย่างจำกัด ถึงเวลารึยังที่จะเปลี่ยนระบบกล่าวหาเป็นระบบไต่สวน ก่อนที่จะไปจับกุมต้องมีพยานหลักฐานชัดเจน
ความไม่โปร่งใสในกระบวนการมีอยู่ แต่หน่วยงานแรกที่ต้องปะทะสังสรรค์กับประชาชนคือตำรวจก็ต้องคุยกับประชาชนอย่างดีก่อนที่จะจับกุม แต่ข้อเท็จจริงคือตำรวจจะใช้พฤติกรรมก้าวร้าวต่อผู้จับกุม เข้าใจว่าต้องใช้วิธีการฉับพลัน แต่นั่นคือปลายเหตุ ต้นเหตุของปัญหามันคือความฟอนเฟะของสังคม มันเต็มไปด้วยสิ่งที่เป็นมลพิษทางศีลธรรม
อยากจะเห็นสังคมวันนี้เริ่มต้นฟื้นฟูศีลธรรมของทุกศาสนา นอกจากยืนหยัดในระบอบประชาธิปไตยต่อสู้กับระบบเผด็จการ หากท่านกุมอำนาจแล้วเอาเปรียบเขา ท่านไม่ใช่ลูกผู้ชายชาติทหาร วันนี้สังคมกำลังเรียกร้องให้ คสช. ลงจากอำนาจ คืนความสุขให้ประชาชน เลือกตั้งให้เร็วที่สุด แล้ววันนั้นประชาธิปไตยจะเบ่งบาน เงินในกระเป๋าพ่อแม่พี่น้องจะมากขึ้น ทุกพรรคการเมืองมาร่วมกันสร้างสรรค์ประชาธิปไตยเพื่อชาติพันธุ์ต่อไปครับ
‘สามัญชน’ชี้ความยุติธรรมกับความเหลื่อมล้ำแปรผันตามกัน
เลิศศักดิ์ คำคงศักดิ์
เลิศศักดิ์ คำคงศักดิ์ พรรคสามัญชน กล่าวว่า อยากจะวิจารณ์นโยบายของรัฐบาลชุดนี้ สัปดาห์ที่ผ่านมา ครม. เสนอ ขึ้นเงินเดือนข้าราชการยุติธรรม 10% และมีเงินเดือนย้อนหลัง 4 ปีคือตั้งแต่มีรัฐประหาร ซึ่งต้องใช้งบประมาณจ่ายเงินเดือนย้อนหลัง 450 ล้านบาท ย้อนหลังไปเมื่อเดือนมกราคม หน่วยงานด้านแรงงานของรัฐอนุมัติค่าจ้างขั้นต่ำทั่วประเทศต่ำสุด 308 บาท สูงสุด 330 บาท โดยเฉลี่ยเพิ่มเป็น 316 บาท
ประเด็นอยู่ที่ ครม. อ้างว่าขึ้นเงินเดือนข้าราชการยุติธรรมเพื่อให้เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจและค่าครองชีพที่สูงขึ้นและเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ทั้งที่มีเงินเดือน 80,000 กว่าบาท มีเงินประจำตำแหน่ง 50,000 กว่าบาท แต่อ้างเหตุผลนี้ ขณะที่กระบวนการแรงงานหลายกลุ่มเรียกร้องแทบตายหลายปีเพื่อต้องการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยให้ปรับค่าจ้างขั้นต่ำอย่างต่ำที่ 450 บาทต่อวัน เพื่อให้เกิดค่าจ้างที่เป็นธรรมพียงพอต่อการดูแลครอบครัว
จะเห็นว่าผู้ปกครองมีทัศนคติที่ไม่ค่อยดีต่อผู้เป็นแรงงาน การเรียกร้องขึ้นค่าจ้างของแรงงาน ผู้ปกครองก็มีท่าทีเหยียดหยามแรงงานว่าเป็นภาระของชาติ แต่มีท่าทีอีกแบบต่อข้าราชการ ทั้งที่แรงงานคือผู้สร้างผลกำไรและความมั่งคั่งให้แก่นายจ้างและรัฐ แต่กลับไม่ได้รับผลกำไรจากความมั่งคั่งที่เกิดจากหยาดเหงื่อแรงงานของพวกเขาเลย นี่แหละความเหลื่อมล้ำ นโยบายแรกของสามัญชน น่าจะลดเงินเดือนข้าราชการศาล
คำถามคือทำไมคนในกระบวนการยุติธรรมจึงส่วนที่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำขึ้น จนทำให้กระบวนการยุติธรรมชำรุด ก็เพราะการค้าความยุติธรรมด้วยการเอาตนเองและองค์กรในกระบวนการยุติธรรมที่ตัวเองสังกัดมาค้ำบัลลังก์รัฐประหารด้วยการไม่ตรวจสอบและถ่วงดุลการใช้อำนาจของรัฐบาลเผด็จการทหาร คสช. เพราะเหตุที่หวังมาตลอดว่าเขาจะขึ้นเงินเดือนให้แก่ตนเองเป็นเรื่องที่น่าละอายยิ่งนัก อำนาจที่มาจากรัฐประหารทำงานเองไม่ได้ถ้ามี่อำนาจตุลาการค้ำจุลอยู่ ผลที่เกิดขึ้นทำให้กระบวนการยุติธรรมละเลยการทำหน้าที่ แต่ส่งเสริมอำนาจที่มาจากรัฐประหารกระทำการลิดรอนสิทธิเสรีภาพประชาชนแทน
เหตุที่บ้านเรามีทัศนคติเช่นนี้เพราะเรามีรัฐบาลที่ออกกฎหมายตามอำเภอใจ ตรวจสอบไม่ได้ กลไกการตรวจสอบถ่วงดุลจากกระบวนการยุติธรรมก็ง่อยเปลี้ยไปหมดจากหลายสาเหตุ การขึ้นเงินเดือนก็คงเป็นสาเหตุหนึ่งด้วย คนพวกนี้ดูดผลกำไรและความมั่งคั่งไปจากสังคม แทนที่ประชาชนจะได้ผลประโยชน์ในรูปสวัสดิการและการบริการสาธารณะ จากผลกำไรและความมั่งคั่งที่เกิดจากรายได้และการลงแรงของแรงงาน แต่กลับต้องเก็บไว้จ่ายเงินเดือนแกคนพวกนี้ เราจึงไม่มีสวัสดิการและบริการสาธารณะที่ดีต่อคุณภาพชีวิตของพวกเรา มีคนกลุ่มหนึ่งดูดผลกำไรไปจากพวกเรา เป็นเรื่องน่าเศร้าที่คนกลุ่มนั้นคือคนในกระบวนการยุติธรรม
ยังมีคนอีกกลุ่มที่อยู่นอกเหนือจากแรงงานในโรงงาน ขณะที่ค่าการศึกษาของลูกสูงมาก ราคาพืชผลการเกษตรกลับตกต่ำมาก และสาเหตุที่พืชผลราคาตกเนื่องจากการกักตุนสินค้าด้านพืชผลการเกษตรในโกดังของบริษัทใหญ่เพื่อรอเทขายทำกำไร เช่น โรงงานยางพาราขนาดใหญ่แถววังสะพุง กดราคายางพาราไปที่กิโลกรัมละ 18 บาท บางช่วง 15 บาท คุณภาพชีวิตตกต่ำจากที่เคยมีเงินเก็บ ก็ต้องกู้ยืมเงินในและนอกระบบมากขึ้น
ความเหลื่อมล้ำของราคาพืชผลก็เป็นอีกอย่างหนึ่งระหว่างอำนาจเงินมหาศาลของบริษัทกับประชาชนที่ต้องการขายผลผลิตเพื่อหล่อเลี้ยงชีวิต ซึ่งมีรัฐเป็นผู้ควบคุมกำกับดูแลกลไกราคาที่ไร้ประสิทธิภาพมาก
ขณะที่สถานการณ์ถือครองที่ดินมีการกระจุกตัวสูงมาก ที่ดินส่วนใหญ่อยู่ในการถือครองของคนส่วนน้อย ผู้คนจำนวนมากขาดแคลนที่ดินทำกิน ปี 2555 พบว่าสัดส่วนการถือครองที่ดินระหว่างผู้มีการถือครองที่ดินมากที่สุด 10% มีส่วนการถือครองที่ดิน 61% และผู้ถือครองที่ดินน้อยที่สุด 10% หลัง ห่างกันถึง 854 เท่า ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นความเหลื่อมล้ำของคนรวยที่มีโอกาสถือครองที่ดินและคนจนที่ไม่มีโอกาสถือครองที่ดินจากการบีบของนโยบายและกฎหมาย
แน่นอนว่าปัญหานี้เป็นปัญหาต่อเนื่องยาวนานของรัฐบาลหลายสมัย แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่านโยบายทวงคืนผืนป่าของรัฐบาลชุดนี้มีแนวโน้มจะทำให้การถือครองที่ดินระหว่างคนรวยและคนจนถ่างกว้างขึ้นไปอีก เพราะเป็นคำสั่งที่ขับไล่คนตัวเล็กตัวน้อยให้ต้องสูญเสียที่ดินทำกินในเขตป่า
นอกจากนี้หลังรัฐประหาพบคดีความที่เกิดจากความขัดแย้งจากการผลักดันนโยบาย โครงการพัฒนา และกฎหมายที่ไม่เป็น สัดส่วนของรัฐฟ้องคดีความต่อประชาชนเพิ่มขึ้นด้วยกฎหมายชุมนุมและคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/58 มีตัวอย่างคดีและการถูกข่มขู่คุกคามที่ไม่ได้เป็นคดีที่ทำให้ประชาชนไม่สามารถลุกขึ้นมาชุมนุมได้จำนวนมาก ตัวอย่างคดีจากกฎหมายชุมนุมล่าสุดเดือน พ.ค. กลุ่มชาวบ้านอำเภอวานรนิวาส ร่วมกันออกมาคัดค้านการขุดเจาะสำรวจแร่โปแตสหลุมที่ 4 ของบริษัทจากทุนจีน จำนวน 2 คนถูกฟ้องข้อหาชุมนุมโดยไม่แจ้ง และข่มขืนใจเหมือง อีก 7 คนถูกฟ้องข้อหาข่มขืนใจเหมือง หลักฐานที่เอามาฟ้องคดีเอามาจากรูปถ่ายที่ทหารตำรวจถ่ายส่งให้กับเหมือง กฎหมายชุมนุมจึงเป็นเครื่องมือของรัฐในการฟ้องคดีกลั่นแกล้งเพื่อปิดปากประชาชนธรรม และส่งเสริมผลประโยชน์ของบริษัทและขยายความมั่นคงของรัฐมากเสียจนไปละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนแทน กรณีคดีจากคำสั่ง คสช. 3/58 ปัจจุบันมีผู้ถูกฟ้องคดี 421 คน การแทรกแซงของคำสั่งดังกล่าว ส่งผลให้ประชาชนไม่สามารถชุมนุมทางการเมืองหรือไม่ใช่การเมืองได้โดยง่าย กฎหมายและคำสั่งดังกล่าวได้ปิดกั้นสิทธิและการแสดงความเห็นด้วยการห้ามทำกิจกรรมเกือบทุกรูปแบบที่ ผลคือทำให้รัฐดำเนินโครงการหรือนโยบายขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว โดยไร้การตรวจสอบจากประชาชน สิ่งนี้คือความเหลื่อมล้ำอีกประการหนึ่ง
สรุปก็คือความยุติธรรมกับความเหลื่อมล้ำแปรผันตามกัน บ้านเมืองใดมีความเหลื่อมล้ำสูงความชำรุดของกระบวนการยุติธรรมก็มีผลตามไปด้วย บ้านเมืองใดมีความชำรุดของกระบวนการยุติธรรมสูง ความเหลื่อมล้ำก็สูงเช่นเดียวกัน
‘เกียน’โยนโจทย์ลดปัจจัยสร้างอาชญากร
สมบัติ บุญงามอนงค์
สมบัติ บุญงามอนงค์ พรรคเกียน กล่าวว่า ครั้งหนึ่งตอนตนเริ่มต้นงานพัฒนาเปนอาสาสมัคร ตนไปสัมภาษณ์ผู้นำชุมชนในสลัมแห่งนึง ตนถามว่าพี่คิดว่ามีความชอบธรรมอะไรในการไปอยู่ในที่ดินเอกชนที่ไม่ใช่ที่ของพี่ เขาเล่าเรื่องนึงให้ตนฟังว่า เมื่อหลายปีก่อนเขาเป็นทหารเกณฑ์ที่ชายแดน มีจดหมายจากภรรยาของเขาซึ่งกำลังตั้งท้องลูคนที่สอง ภรรยาเขาบอกว่าบ้านที่เราอยู่กำลังจะถูกไล่ที่ เขาในฐานะสามีเกิดคำถามว่า ในขณะที่เขายืนอยู่ที่ชายแดนและถูกอธิบายว่าเขาจะป้องแผ่นดินนี้ เขาปกป้องแผ่นดินนี้ให้ใคร ในเมื่อลูกและเมียของเขาไม่มีแม้แต่แผ่นดินจะอยู่ ดังนั้นเวลาเราอธิบายตามกฎหมาย แน่นอนบุคคลเหล่านี้เป็นผู้บุกรุก แต่ถ้าถามเรื่องความยุติธรรม โดยสามัญสำนึกมันไม่ยุติธรรมเลย มันต้องกาอะไรรบางอย่างมาคลี่คลายเงื่อนไขนี้ กฎหมายจึงไม่ใช่ความยุติธรรม
เรื่องที่สอง ตนไปใช้ชีวิตบนดอยอยู่ 7 ปี วันหนึ่งเด็กถามพ่อว่า นกที่บินอยู่บนสะพานเป็นนกสัญชาติไทยหรือพม่า พ่อตอบไม่ได้ เพราะมันบินข้ามไปมา ตนมีคำถามคล้ายกันตอนอยู่ที่ที่ว่าการอำเภอเชียงราย ทำไมเด็กชาวเขาที่วิ่งเล่นอยู่แถวนั้นจึงเป็นเด็กไม่มีสัญชาติ ชุดอธิบายคือเด็กคนนั้นเกิดที่ไทยแต่พ่อแม่ที่ไม่ใช่คนไทย ตนบอกว่าถ้าตนเกิดประเทสไทย พ่อแม่ตนไม่ได้เกิดไทย ทำไมตนมีสัญชาติไทยตั้งแต่เกิด ความต่างระหว่างพ่อตนกับพ่อของเด็กชาวเขา คือ พ่อตนพอขึ้นฝั่งก็ไปทำใบสำคัญต่างด้าวซึ่งตอนนั้นรัฐมีนโยบาย ทำให้พ่อตนมีถานะเป็นผู้เข้าเมือง แต่ขณะที่ขาวเขาไม่มีและกลายเป็นผู้หลบหนีเข้าเมือง
กฎหมายสมมติฐานว่า ลูกของคนที่เข้าเมืองโดยมิชอบด้วยกฎหมายเป็นคนที่มิชอบด้วยกฎหมาย เรามีปัญหาที่ข้อกฎหมายไม่ถูกสันนิษฐานไปตามข้อเท็จจริง แต่ปัจจุบันเรื่องพวกนี้ก็เริ่มคลี่คลาย แต่ขณะเดียวกันก็มีผู้อพยพลี้ภัยสงครามอีกมากที่ต้องอยู่ในสถานะผู้หลบหนีเข้าเมือง และเขาหลี้ภัยความตายมา เช่น คนโรฮิงญา คนซีเรีย คนพวกนี้อยูในซอกหลีบทอับที่เรามองไม่เห็น
ข้อเสนอว่าเราจะแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างไร กระบวนการยุติธรรมเรามักจะพูดช่วงกลางและท้าย ไม่ได้ดูที่ต้นเหตุ กรมราชทัณฑ์บอกว่ามีคนในคุก 300,000 กว่าคน แต่ศักยภาพคุกไทยรับได้ 100,000 กว่าคน สองในสามถูกคดียาเสพติด เราต้องกลับไปที่จุดเริ่มต้นว่าอะไรที่ผลิตคนเหล่านี้
ย้อนไปที่เรื่องผู้อพยพ ฝ่ายความมั่นคงมองว่าเป็นปัญหาหากเปิดกว้างให้แก่ผู้อพยพเข้ามามากๆ แต่ตนอธิบายว่า คนที่ตนสัมภาษณ์ซึ่งเป็นคนขนยาให้หว้าแดง เขาเป็นชาวเขาและเป็นเด็กกำหร้า เขียนไม่ด่านไม่ออก คนที่ไม่ได้รับการพัฒนาและถูกปิดกั้น โดยที่คุณเองก็ผลักเขาออกไปนอกประเทศไม่ได้ คนพวกนี้จะเป็นภัยของคุณในอนาคต คุณต้องให้สัญชาติเด็กที่คุณไม่มีปัญญาผลักคนพวกนี้ออกไป ดังนั้นรัฐไทยต้องให้โอกาสในการพัฒนาเขา 10 กว่าปีผ่านไปพอเขาได้สัญชาติเขาทำงานเรื่องเป็นราว เป็นบุคคลมีคุณภาพของสังคมได้ มีสองคนทำงานกับตนอยู่
ทำอย่างไรจะทำให้ปัจจัยที่สร้างอาชญากรลดลง อาชญากรไม่ได้มาจากขุมนรก แต่มาจากสภาพการณ์ทางสังคม เป็นผลผลิตจากสังคมแท้ๆ เราละเลยที่จะพูดถึงรากของปัญหาจริงๆ มีคนเสนอให้สอนเรื่องศีลธรรม ตนเห็นด้วย เพียงแต่ต้องเป็นการสอนศีลธรรมที่ทันสมัย ตนเห็นด้วยกับการเรียนปรัชญา หรือการเรียนแบบ critical thinking ตั้งแต่ชั้นประถม เช่นที่บ้านกาญจนา เขาเอาข่าวมาให้เด็กอภิปรายกัน เกิดการเรียนรู้ รู้จักคุณค่าของชีวิต ถ้ามนุษย์ไม่เข้าใจชีวิต ไม่เข้าใจคุณค่ามนุษย์ มันง่ายมากที่จะประกอบอาชญากรรม
‘ปชป.’ ปฏิรูปตำรวจ -ยกสถานะ ส.นิติวิทยาศาสตร์เป็นองค์กรอิสระ -E-Justice
ราเมศ รัตนะเชวง
ราเมศ รัตนะเชวงรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นโยบายเรื่องกระบวนการยุติธรรม ปัญหาความเหลื่อมล้ำนอกจากเกิดจากกฎหมาย เจ้าหน้าที่ในกระบวนการก็มีส่วนเกี่ยวข้องมาก การบังคับใช้กฎหมาย การมองประชาชนด้วยสายตาไม่เป็นธรรม เลือกปฏิบัติ เหตุผลเพราะประชาชนใส่เสื้อผ้าไม่ดี เอาฐานะของประชาชนมาเลือกปฏิบัติ พรรคจะกำจัดสิ่งเหล่านี้ออกไปให้ได้
ปัญหาเรื่องการประมง ได้รับความเดือดร้อนจากกฎหมาย คสช. ถ้าหากมีการเลือกตั้ง กฎหมายเหล่านี้พรรคจะสังคายนาให้หมด
มีประเด็นน่าสนใจคือ ความเชื่อมโยงระหว่างกฎหมายกับสังคมไม่มี ไม่มีการรับฟังความเห็นของประชาชน พรรคจะมีนโยบายเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการร่างกฎหมาย โดยการเสนอกฎหมายเพิ่มเติมให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากขึ้นในการร่างกฎหมายทุกฉบับ
นโยบายอีกอย่างคือ จะแก้ไขปรับปรุงกฎหมายที่มีความไม่เป็นธรรมกับประชาชน เช่น พ.ร.บ. ว่าด้วยการชุมนุมสาธารณะ เช่น ประชาชนเดือดร้อนจากเกษตรจะออกมาเรียกร้อง ก็ควรได้รับสิทธิ
รัฐบาล คสช. บอกว่าจะแก้ไขเรื่องการทุจริต แต่รัฐบาลชุดนี้ทำสวนทางกันหมดทุกกรณี คุณออกกฎหมายมากี่ฉบับที่ลิดรอนการตรวจสอบการป้องกันการทุจริต เมื่อประชาธิปัตย์เข้าไปในสภารอบหน้าเราจะแก้ พ.ร.บ. ว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้าง ไม่ให้มีการปกปิด เปิดให้มีการตรวจสอบ
ประเด็นถัดมาเรื่ององค์กรกระบวนการยุติธรรม เราจะให้ประชาชนเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมอย่างเท่าเทียมกัน เราจะปฏิรูปองค์กรตำรวจอย่างแน่นอน แต่ก็ต้องยอมรับว่าตำรวจที่ดีก็มี
นโยบายแยกการสอบสวนออกจาก สน.ตำรวจแห่งชาติเพื่อให้เป็นอิสระ แยกระบบปฏิบัติงานความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน จะมีนโยบายให้ทุกสถานีตำรวจประกาศผลงานเพื่อให้ประชาชนตรวจสอบถ่วงดุล และมีนโยบายออกกฎหมายแยกว่าเมื่อประชาชนร้องทุกข์ต้องรับเป็นเลขคดี และประชาชนที่ตกเป็นผู้ต้องหาจะต้องแจ้งรายละเอียดชัดเจน เหตุผลเพราะประชาชนจะได้ใช้สิทธิในกระบวนการยุติธรรมขั้นต้นแสดงหลักฐานยืนยันได้ และชั้นพนักงานสอบสวนไปจนถึงกระบวนการศาลจะต้องบันทึกภาพและเสียงครบถ้วน
สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ คดีล่าสุดที่ตัดสินประหารชีวิตไม่มีหลักฐานของนิติวิทยาศาสตร์เลย ดังนั้นต้องอออกกฎหมายยกสถานะนิติวิทยาศาสตร์ให้เป็นองค์กรอิสระ เพื่อช่วยเหลือประชาชนโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
การแจ้งความดำเนินคดี ควรมีอัยการเข้ามาถ่วงดุล และจะออกนโยบายหากตำรวจแจ้งความกับประชาชน ตำรวจคู่กรณีไม่มีหน้าที่สอบสวนคดีนี้ ส่วนในขั้นตอนอัยการต้องมีระเบียบชัดเจนเปิดเผยคำสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องให้ประชาชนทราบ และที่สำคัญพรรคมีนโยบายการชะลอฟ้องในคดีลหุโทษ อัยการต้องกลั่นกรองข้อหาและการออกหมายจับ คนที่ถูกคดีและอยู่ในคุกจะต้องมีระยะเวลากำหนดชัดเจนในการดำเนินคดีให้เสร็จ และสุดท้ายประชาชนยื่นฟ้องทางอินเตอร์เน็ตได้ ประชาธิปัตย์จะมีนโยบาย E-Justice เพื่อลดต้นทุนให้แก่ประชาชน
‘เพื่อไทย’ ชี้คำสั่ง คสช. ขัดหลักนิติธรรมตอกย้ำยุติธรรมชำรุด
ชวลิต วิชยสุทธิ์
ชวลิต วิชยสุทธิ์พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า 4 ปีนี้ประชาชนจนลง หนี้สินเพิ่ม ร้านค้าทยอยปิด จีดีพีที่เพิ่มขึ้นเพิ่มแค่ข้างบนไม่กี่บริษัท นี่คือความเหลื่อมล้ำที่เกิดจากการรัฐประหารซึ่งมีมาต่อเนื่อง ทำอย่างไรจะหมดไป
พ.ร.ก. พรรคการเมือง มีผลบังคับใช้แล้ว แต่กลับมีคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 53/60 มาทับ ทำให้สมาชิกของพรรคการเมืองแต่ละพรรคต้องมายืนยันตัวตน ส่งผลให้สมาชิกพรรคและสาขาพรรคบางแห่งหายไปโดยปริยาย พรคคประชาธิปัตย์สมาชิกหายไปเป็นล้าน สาขาพรรคหายไปเป็นร้อย จนบัดนี้ก็ยังไม่มีการแก้ไข เมื่อคำสั่งถือเป็นกฎหมาย หลักนิติธรรมบอกว่ากฎหมายไม่มีผลย้อนหลังไปถึงโทษแก่บุคคล แต่อันนี้เป็นโทษ สมาชิกหาย สาขาพรรคหาย ขัดหลักนิติธรรม นี่คือกระบวนการยุติธรรมที่ชำรุดหรือไม่
รัฐบาลชุดนี้อยู่มา 4 ปี ทุกปีเพื่อไทยจะต้องวิจารณ์การทำงานของรัฐบาลในรอบปี ทำเป็นปกติ ไม่เคยถูกดำเนินการอะไร พอครบ 4 ปี พรรคเพื่อไทยตั้งโต๊ะวิจารณ์ผลงานรัฐบาล เพราะในสภาไม่ได้ตรวจสอบอะไรเลย มีแค่การยกมืออย่างเดียว พิจารณางบประมาณผ่านไปโดยรวดเร็วทั้งที่เป็นเงินภาษีอากรของประชาชนและเรามีสิทธิตรวจสอบ ปีนี้ทางพรรคเตรียมการวิจารณ์โดยใช้สมาชิก 8 คน 3 คนโดนข้อหามาตรา 116 และคำสั่งห้ามชุมนุมเกิน 5 คน และอีก 5 คนก็โดนข้อหาห้ามชุมนุมเกิน 5 คน
ขณะที่ ‘สามมิตร’ พลังดูด ไปตามจังหวัดเป้าหมายอย่างเปิดเผย แจ้งทีวีก่อนด้วย เกินห้าคนแน่นอน ให้ข่าวว่าไปเจรจาการเมือง แต่ไม่โดนข้อหาอะไรเลย อย่างนี้กระบวนการยุติธรรมชำรุดไหมครับ ยังมีเรื่องแบบนี้อีกมาก
ยกตัวอย่างทีมฟุตบอลหมูป่า ทำไมเขาได้รับความสนใจ ความเอื้ออาทร เมตตาสงสาร มนุษยธรรม แต่นี่คนไทยทุกคนประสบกับตัวเอง อยากให้ครั้งนี้มันถล่มทลายเลยได้ไหม เหมือนกับอองซานซูจี ตนไม่ได้บอกว่าให้มาเลือกพรรคเพื่อไทย แต่อยากให้ทุกคนดูพรรคที่อยู่ในแนวทางประชาธิปไตย
ติดตามความเคลื่อนไหว ประชาไท แอด LINE ไอดี @prachatai (มีแอทนำหน้า) และเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai