22 พ.ค.56 คณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนด้านกฎหมายและการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งมีกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งมีนายไพบูลย์ วราหะไพฑูรย์ เป็นประธาน เสนอต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ให้หารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะสภาทนายความและศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ร่วมกำหนดแนวทางแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้มีที่ปรึกษากฎหมายทำหน้าที่ตามกฎหมายได้เพียงพอในระดับหนึ่ง เพื่อป้องกันมิให้กระทบต่อสิทธิเด็ก เนื่องจากปัจจุบันนี้มีความขาดแคลนที่ปรึกษาฯ เนื่องจากศาลเยาวชนและครอบครัวกลางได้จัดอบรมที่ปรึกษากฎหมาย ไปแล้วเพียง 2 รุ่น ดังนั้น จึงมีทนายความที่ผ่านการอบรมเป็นที่ปรึกษากฎหมายจำนวนหนึ่ง ซึ่งยังไม่เพียงพอที่จะไปทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษากฎหมายของเด็กและเยาวชนซึ่งเป็นผู้ต้องหา อยู่ร่วมกับเด็กและเยาวชนในการแจ้งข้อกล่าวหาและการสอบปากคำในชั้นสอบสวน
ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2553 จะกำหนดให้มีที่ปรึกษากฎหมายของเด็กและเยาวชนที่เป็นผู้ต้องหาหรือเป็นจำเลยเพื่อทำหน้าที่ให้ความช่วยเหลือในทางกฎหมายและในการดำเนินคดี โดยกฎหมายกำหนดให้ที่ปรึกษากฎหมายจะต้องเป็นทนายความที่ผ่านการอบรมเรื่องวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว ความรู้เกี่ยวกับจิตวิทยา การสังคมสงเคราะห์ และความรู้อื่นที่เกี่ยวข้องตามที่กำหนดในข้อบังคับของประธานศาลฎีกา
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้พบว่ามีการฟ้องคดีต่อศาลปกครองเพื่อขอให้เพิกถอนข้อบังคับของประธานศาลฎีกาว่าด้วยการอบรม ระเบียบปฏิบัติของที่ปรึกษากฎหมาย การจดแจ้งและลบชื่อออกจากบัญชี พ.ศ. 2556 ด้วย