เมื่อไม่นานมานี้ มีข่าวใหญ่หนึ่งซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญในสังคมลาว คือการลงทุนก่อสร้างทางรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อแขวงสะหวันนะเขด กับเมืองลาวบาว เขตชายแดนเวียดนาม มูลค่า 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ของบริษัทไจแอนท์ คอนโซลิเดต จำกัด โดยมีสถาบันการเงินสัญชาติบริติช เวอร์จิน ไอแลนด์ คือ ริช แบงโก เบอร์ฮัดเป็นผู้สนับสนุนเงินกู้ ซึ่งได้ลงนามในบันทึกข้อตกลง ณ โรงแรมดอกจำปา นครหลวงเวียงจัน เมื่อวันที่ 10 เมษายน ที่ผ่านมา โดยมี บุนจัน สินละวง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงโยธาธิการ, กิลเบิร์ต ฮวง โฮ กุน ตัวแทนจาก ริช แบงโก เบอร์ฮัด, โมฮัมหมัด ฟาห์ซาวี ประธานบริษัทไจแอนท์ คอนโซลิเดต เป็นผู้ร่วมลงนาม และมีเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำสปป. ลาว ท่านฟิลิป มาโลน และเอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำสปป. ลาว ท่านดะโต๊ะ ตัน ไต ฮิง ให้เกียรติร่วมเป็นพยานการลงทุนครั้งประวัติศาสตร์นี้
โครงการรถไฟดังกล่าวถูกออกแบบให้เชื่อมต่อเฉลียงตะวันตก-ตะวันออก (West-East Corridor) ที่จะเชื่อมโยงภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โมฮัมหมัด กล่าวว่าโครงการนี้จะเปลี่ยนลาวจาก Land-locked country ให้เป็น Land-linked country และช่วยลดค่าขนส่ง ย่นระยะเวลาเดินทางให้แก่ทั้งภาคธุรกิจขนส่งและประชาชนชาวลาว โดยเส้นทางดังกล่าวจะเริ่มต้นที่เมืองสะหวันนะเขต ตรงข้ามจังหวัดมุกดาหารของไทย ไปจรดเขตเมืองดานังของเวียดนาม โดยโครงการดังกล่าวกำลังอยู่ในขั้นออกแบบ และจะเริ่มเจาะสำรวจก่อสร้างภาคสนามในเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ ส่วนการก่อสร้างจริงยังไม่ได้มีการเปิดเผยกรอบเวลาแน่ชัด
ทางด้านท่านสมสะหวาด เล่งสะหวัด รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจของลาวก็ยังยืนยันว่า แผนการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อกับจีนยังมิได้ล้มเลิกไป และจะต้องดำเนินการต่อให้แล้วเสร็จตามมติที่ประชุมใหญ่สมัยวิสามัญของสภาแห่งชาติลาวครั้งที่ 7 เมื่อ 18 ตุลาคม 2012 ที่ผ่านมา โดยทางการลาว จะเปลี่ยนมากู้ยืมเงินในการก่อสร้างทั้งหมด 100% จากทางการจีน แต่ว่าจนถึงขณะนี้ ยังไม่สามารถกำหนดระยะเวลาได้ว่าจะมีการลงนามในสัญญากู้ยืมเมื่อใด เนื่องจากต้องรอนโยบายจากรัฐบาลชุดใหม่ของจีน ซึ่งท่านสมสะหวาด ชี้แจงว่า
“เดี๋ยวนี้ยังต้องรอทางประเทศจีนปรับปรุงการจัดตั้งภายในหลังการประชุมใหญ่(พรรคคอมมิวนิสต์)ของฝ่ายจีนเสียก่อน และต้องคิดถึงรายละเอียดทางเทคนิกอย่างถี่ถ้วน ซึ่งเราก็ยังยืนยันว่า ลาวจะต้องเดินหน้าก่อสร้าง(รถไฟความเร็วสูง) อย่างแน่นอน เพราะว่าทั้งพรรคและรัฐบาลของทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันเป็นแน่ชัดแล้ว”
แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ทางจีนได้ทำการศึกษาความเป็นไปได้ และได้เริ่มออกแบบก่อสร้างทางรถไฟไปแล้วนั้น ปรากฏว่าทางจีนได้ประสบปัญหาการหาบริษัทที่จะเข้ามาลงทุนในโครงการ และสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาดังกล่าว เนื่องจากต้องใช้ระยะเวลาถึง 38 ปี ในการหารายได้คืนทุนได้อย่างครบถ้วน หากทางการลาวยังประสงค์จะลงทุนสร้างรถไฟความเร็วสูงดังกล่าวต่อไป ก็ต้องกู้ยืมเงินจากธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าของจีน ทั้งหมด 7,000 ล้านดอลลาร์ โดยรัฐบาลลาวต้องค้ำประกันเงินกู้ 100% เต็ม และมีเงื่อนไข 4 ประการที่ต้องปฏิบัติตาม คือ ต้องตั้งบริษัทขึ้นมาบริหารโครงการและมีสถานะเป็นลูกหนี้ของธนาคารจีน, จ่ายดอกเบี้ย 2% ต่อปี เป็นเวลา 30 ปี โดยมีระยะปลอดการชำระหนี้ 10 ปีแรก พร้อมกันนี้ ต้องค้ำประกันเงินกู้ดังกล่าวด้วยรายรับและทรัพย์สินทั้งหมดในโครงการ(รวมที่ดินสองข้างทางรถไฟ 500 เมตร) ตลอดจนการที่รัฐบาลลาวต้องค้ำประกันด้วยรายรับจากสัมปทานหมืองแร่ 2 แห่ง ที่เป็นการลงทุนของจีนในลาวอีกด้วย
เรียบเรียงจาก
http://www.kpl.net.la/english/news/edn1.htm