13 ส.ค.2557 มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนออกแถลงการณ์ ร่วมกันเรียกร้องให้ยกเลิกกฎอัยการศึก เนื่องจากโดยทั่วไปแล้วจะมีการประกาศใช้กฎอัยการศึกก็ต่อเมื่อเกิดสถานการณ์ที่เห็นได้ชัดว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งยวด และการยังคงมีผลบังคับใช้อยู่ในปัจจุบันนั้นนับเป็นเรื่องที่เกินความจำเป็นเพราะในเวลานี้ไม่ปรากฏว่ามีภัยคุกคามใดๆ ที่น่าวิตกกังวลอีกทั้งกระบวนการในการจัดตั้งฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารของคณะรัฐประหารก็กำลังเดินหน้าไป แม้ว่าจะมีการคัดค้านหรือการวิพากษ์วิจารณ์อยู่บ้างก็เป็นเพียงการแสดงความเห็นตามปรกติ
แถลงการณ์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
เรื่อง ร่วมกันเรียกร้องให้ยกเลิกกฎอัยการศึก
นับตั้งแต่การรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557ได้มีการประกาศกฎอัยการศึกและบังคับใช้มาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในขณะนี้จะมีรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวและสภานิติบัญญัติแห่งชาติแล้วแต่ก็ไม่มีความชัดเจนเลยว่าจะมีการยกเลิกกฎอัยการศึกเมื่อใด
โดยทั่วไปแล้วจะมีการประกาศใช้กฎอัยการศึกก็ต่อเมื่อเกิดสถานการณ์ที่เห็นได้ชัดว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งยวดที่จะต้องจำกัดสิทธิและเสรีภาพบางประการของประชาชนเพื่อประโยชน์ของสังคมส่วนรวม เช่น เกิดสงคราม หรือมีการจลาจลเกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง และเนื่องจากเป็นกฎหมายที่จะส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางและรุนแรง การประกาศกฎอัยการศึกจึงต้องวางอยู่บนเงื่อนไขที่ว่าสถานการณ์ที่จำเป็นนั้นเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นหรือได้เกิดขึ้นแล้ว
สำหรับการประกาศใช้กฎอัยการศึกในครั้งนี้ซึ่งเกิดขึ้นก่อนการรัฐประหารและยังคงมีผลบังคับใช้อยู่ในปัจจุบันนั้น นับเป็นเรื่องที่เกินความจำเป็นเพราะในเวลานี้ไม่ปรากฏว่ามีภัยคุกคามใดๆ ที่น่าวิตกกังวลอีกทั้งกระบวนการในการจัดตั้งฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารของคณะรัฐประหารก็กำลังเดินหน้าไป แม้ว่าจะมีการคัดค้านหรือการวิพากษ์วิจารณ์อยู่บ้างก็เป็นเพียงการแสดงความเห็นตามปรกติที่ผู้คนในสังคมอารยะทั่วไปกระทำกัน ซึ่งไม่ได้จะนำไปสู่ภัยอันตรายหรือการจลาจลวุ่นวายใดๆ
ที่สำคัญในขณะนี้ได้มีการแต่งตั้งสภานิติบัญญัติขึ้นมาทำหน้าที่บัญญัติกฎหมาย ซึ่งการบัญญัติกฎหมายไม่ว่าจะมีเนื้อหาที่ดีสักเพียงใดก็ตาม ย่อมหลีกเลี่ยงไม่พ้นที่จะส่งผลกระทบต่อประชาชนบางกลุ่มซึ่งอาจเป็นจำนวนมากหรือน้อยก็ได้ ดังนั้น ประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบหรือมีส่วนได้ส่วนเสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม หรือประชาชนที่มีความเห็นจากมุมมองที่แตกต่าง ก็ควรจะมีสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานในการแสดงความคิดเห็นหรือการผลักดันความต้องการของตนเองโดยไม่ต้องมีความเกรงกลัวว่าจะถูกลงโทษโดยปราศจากความผิดจากบทบัญญัติในกฎอัยการศึก
อนึ่ง ผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดภายใต้กฎอัยการศึกย่อมจะต้องถูกนำตัวไปพิจารณาในศาลทหาร ซึ่งมีความแตกต่างเป็นอย่างมากจากกระบวนการตามปรกติของศาลยุติธรรม รวมทั้งมีข้อจำกัดเป็นอย่างมากในการต่อสู้คดี การนำตัวบุคคลผู้ถูกกล่าวหาขึ้นพิจารณาในศาลทหารภายใต้ข้อจำกัดเช่นนี้ย่อมเป็นการยากมากที่ผู้ถูกกล่าวหาจะได้รับความสะดวกในการต่อสู้และได้รับความเป็นธรรมในการพิจารณาคดี การดำรงอยู่ของกฎอัยการศึกจึงสร้างความหวาดกลัวแก่ประชาชนทั่วไปไม่มากก็น้อย
ในห้วงเวลาที่ผ่านมา สังคมไทยต้องเผชิญกับความเห็นที่แตกต่างและความขัดแย้งทางการเมืองมามากแล้วแม้ว่าในปัจจุบันอาจไม่มีการปรากฏตัวของบุคคลที่มีความเห็นขัดแย้งหรือการเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าความขัดแย้งดังกล่าวจะยุติลงไปอย่างสิ้นเชิง วิถีทางที่น่าจะดีที่สุดในการเผชิญหน้ากับความเห็นที่แตกต่างทางการเมืองเพื่อลดความขัดแย้งในระยะยาวก็คือการเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายสามารถแสดงความเห็นของตนเองได้ภายใต้กรอบของการเคารพและยอมรับในความเป็นมนุษย์ของฝ่ายอื่นที่มีความเห็นแตกต่างไปจากตน ไม่มีสังคมใดในโลกนี้ที่ไม่มีความขัดแย้ง ปัญหาสำคัญคือจะจัดการกับความขัดแย้งนั้นอย่างไร การใช้อำนาจบังคับให้ประชาชนหยุดแสดงความเห็นอาจกระทำได้ในบางช่วงเวลาเท่านั้น หากบีบบังคับให้หยุดแสดงความคิดเห็นเป็นเวลานาน ความตึงเครียดก็จะทวีขึ้นจนระเบิดออกมาในวันใดวันหนึ่ง ซึ่งบทเรียนจากหลายประเทศก็ปรากฏให้เห็นมาโดยตลอด
หากปรารถนาที่จะสร้างสังคมที่เอื้อให้คนทุกกลุ่มทุกฝ่ายสามารถอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และต้องการกลับคืนไปสู่ระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่มีความปรารถนาดีต่อสังคมไทยได้ร่วมกันผลักดันให้เกิดการยกเลิกกฎอัยการศึกโดยเร็ว เพื่อให้ทุกคนสามารถใช้สิทธิและเสรีภาพในการร่วมกำหนดชะตากรรมของตนเองและสังคมต่อไปได้อย่างเต็มภาคภูมิและก้าวไปสู่การแก้ไขปัญหาอื่นๆ ร่วมกันในอนาคตข้างหน้า
13 สิงหาคม 2557
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน