ธันย์ฐวุฒิ ทวีวโรดมกุล หรือ หนุ่ม เรดนนท์ อดีตผู้ต้องขังคดี112 ร้ององค์กรสิทธิมนุษยชนสากล กรณีคนในครอบครัวถูกเจ้าหน้าที่ ข่มขู่ คุกคาม ต่อกรณีที่ตนไม่ไปรายงานตัว ตามคำสั่งของ คสช. ให้เหตุผล คสช. ไม่มีความชอบธรรมได้อำนาจจากปลายกระบอกปืน ไม่เป็นที่ยอมรับจากนานาอารยะประเทศ จึงไม่เข้ารายงานตัว
ธันย์ฐวุฒิ ผู้ใช้นามแฝงในโลกออนไลน์ว่า"หนุ่ม เรดนนท์"วัย 42 ปี อดีตผู้ต้องขังคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตาม กม.อาญา ม.112 ที่ถูกตัดสินให้ถูกจำคุก 13 ปี โดยได้ถูกจองจำอยู่ในเรือนจำเป็นเวลา 3 ปี 3 เดือน 15 วัน และได้รับพระราชทานอภัยโทษออกมา เขียนจดหมายเปิดผนึกถึงองค์กรสิทธิมนุษย์ชนทั่วโลก ระบุว่าหลังจากที่ตนเองได้หลบซ่อนตัวไม่ไปรายงานตัวตามคำสั่งของคณะรัฐประหาร คสช. ครอบครัวของตน อาทิ บิดา มารดาที่ชราภาพ พี่น้อง รวมทั้งบุตรชายของธันย์ฐวุฒิ ได้ถูกคุกคาม ข่มขู่ โดยเจ้าหน้าที่รัฐที่ปฏิบัติหน้าที่ภายใต้อำนาจของ คสช.ตามกฎอัยการศึก
เหตุการณ์การคุกคามดังกล่าวได้เกิดขึ้นโดยการที่ได้มีการส่งเจ้าหน้าตำรวจ ทหาร เข้าไปพบครอบครัวของเขา โดย จนท. ได้แจ้งว่าจะดำเนินกิจกรรมเช่นนี้ตลอดไปจนกว่า ธันย์ฐวุฒิจะเข้าไปรายงานตัวกับทาง คสช. โดยการไปพบครอบครัวของเจ้าหน้าที่จะเข้าไปแทบจะทุกวัน โดยในบางวันจะไปถึง 2 เวลาเช้าเย็น
ธันย์ฐวุฒิ ได้ระบุต่อว่าผลจากการคุกคามดังกล่าวได้สร้างความตึงเครียดกับสมาชิกในครอบครัวจนเป็นผลให้มารดาของธันย์ฐวุฒิล้มป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาล
อนึ่ง ธันย์ฐวุฒิ ได้ให้เหตุผลในการที่จะปฏิเสธไม่เข้าไปรายงานตัวเนื่องจากว่า "คสช. ไม่มีความชอบธรรม และอำนาจที่พวกเขาได้มานั้น เป็นอำนาจจากปลายกระบอกปืน ไม่เป็นที่ยอมรับจากนานาอารยะประเทศ"
๐๐๐๐
(เนื้อความ)
จดหมายเปิดผนึก ถึงองค์กรสิทธิ์ทั่วโลก กรณีครอบครัวของผู้ไม่ไปรายงานตัวตามคำสั่ง คสช. ถูกข่มขู่ คุกคาม
28 กรกฎาคม 2557
เรื่อง ขอให้ช่วยปกป้อง คุ้มครอง สิทธิมนุษยชน กรณีคนในครอบครัว ของผู้ที่ไม่ไปรายงานตัว ตามคำสั่งของ คสช. ถูกข่มขู่ คุกคาม
เรียน ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน, คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งเอเชีย - Asian Human Rights Commision (AHRC), Human Rights Watch, Amnesty International
กระผม นายธันย์ฐวุฒิ ทวีวโรดมกุล อายุ 42 ปี เชื้อชาติไทย สัญชาติไทย เป็นอดีตผู้ต้องขังคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ที่ถูกตัดสินให้ถูกจำคุก 13 ปี และถูกจองจำอยู่ในเรือนจำเป็นเวลา 3 ปี 3 เดือน 15 วัน และได้พ้นโทษออกมา เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2556 โดยการได้รับพระราชทานอภัยโทษรายบุคคล
ภายหลังจากที่กระผมได้พ้นโทษออกมาแล้ว ก็ได้เริ่มต้นประกอบอาชีพเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ โดยไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวในเรื่องของสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้กระผมต้องถูกจองจำอีกเลย กระผมเพียงแต่เข้าไปมีส่วนร่วมบ้าง ในกิจกรรมเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย บ้างเป็นครั้งคราว ตามสิทธิที่ประชาชนทุกคนบนแผ่นดินนี้พึงมี
ภายหลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ทำการยึดอำนาจการบริหาร จากรัฐบาลที่มาจากเลือกตั้งของประชาชน เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ได้มีการเรียกบุคคลเข้าไปรายงานตัวจำนวนมาก รวมทั้งตัวกระผมด้วยเช่นกัน ด้วยคำสั่งฉบับที่ 5/2557 ลงวันที่ 24 พฤษภาคม 2557
จากคำสั่งดังกล่าว กระผมเลือกที่จะหลบซ่อน ไม่ไปรายงานตัว เพราะคิดว่า คสช. ไม่มีความชอบธรรม และอำนาจที่พวกเขาได้มานั้น เป็นอำนาจจากปลายกระบอกปืน ไม่เป็นที่ยอมรับจากนานาอารยะประเทศ
แต่หลังจากที่ผมได้หลบซ่อนตัวได้ระยะหนึ่ง บิดา มารดา ที่ชราภาพ พี่น้อง รวมทั้งลูกชายของกระผม ได้ถูกคุกคาม ข่มขู่ โดยเจ้าหน้าที่รัฐที่ต้องปฏิบัติงานภายใต้กฎอัยการศึก ของ คสช. โดยการส่งเจ้าหน้าตำรวจ ทหาร แวะเวียนเข้าไปแทบจะทุกวัน บางวัน 2 เวลาเช้าเย็น สร้างความทุกข์ทรมาน ให้กับคนในครอบครัวกระผม โดยเฉพาะมารดาของผม ถึงขั้นเครียดจนต้องเข้าโรงพยาบาล โดยเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปพบครอบครัวกระผมกล่าวว่า จะไปพบเช่นนี้ตลอดไปจนกว่ากระผมจะเข้าไปรายงานตัวกับทาง คสช.
พฤติกรรมดังกล่าวนี้ เป็นการกระทำที่ผิดหลักสิทธิมนุษยชนอย่างชัดเจน เพราะมีการใช้อำนาจกับบุคคลที่ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรง ซึ่งเป็นเรื่องน่าละอายมาก ที่คณะผู้ยึดอำนาจ ใช้กระทำกับบุคคลที่เป็นเพียงประชาชนคนธรรมดา
กระผมจึงขอเรียกร้องมายังท่าน ได้โปรดช่วยเหลือ ปกป้อง คุ้มครองคนในครอบครัวของกระผม ให้ได้รับความปลอดภัยด้วย อีกทั้งขอให้ท่านช่วยผลักดัน ให้มีการหยุดการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐที่เข้าไปคุกคาม ข่มขู่ คนในครอบครัวกระผม รวมถึงครอบครัวอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งของ คสช. ในทันที
กระผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การร้องขอของกระผมนี้ จะได้รับการพิจาณาจากท่าน
ขอแสดงความนับถือ
นายธันย์ฐวุฒิ ทวีวโรดมกุล
ประชาชนไทยที่ไม่ยอมรับอำนาจเผด็จการ