หมายเหตุ– หลังจาก ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประธานคณะรักษาความสงบแห่งชาติ คสช. ได้เอ่ยปากเชิญคนไทยที่ต่อต้าน คสช. และลี้ภัยอยู่ในต่างประเทศ ให้กลับมา เพื่อร่วมแก้ปัญหาบ้านเมือง โดยพล.อ.ประยุทธ์ยืนยันที่จะให้ อภัยและให้ความเป็นธรรม ไม่ควรจะขัดแย้งกัน แต่ควรจะมาร่วมมือกันนำพาประเทศไปสู่อนาคตที่ดีกว่าในวันข้างหน้า และนี่คือท่าทีของคนไทยที่คัดค้าน คสช. ซึ่งขณะนี้หลบหนีอยู่ในต่างประเทศทั้งในเอเชีย ยุโรป และอเมริกา
นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ
เลขาธิการ องค์กรเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย
อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย
คิดอย่างไรต่อคำเชิญของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่จะให้กลับประเทศ
เป็นคำพูดของเผด็จการทหาร ที่ล้มรัฐบาลของประชาชน โดยร่วมมือกับ กปปส.และพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งไม่เห็นหัวประชาชน และไม่ฟังเสียงประชาชน แล้วจะเชื่อคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ได้อย่างไร
พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันจะให้ความเป็นธรรม เมื่อเดินทางกลับมา
ความเป็นธรรม ที่พล.อ.ประยุทธ์พูดคืออะไร ในเมื่อพล.อ.ประยุทธ์เองนั่นแหละที่ชิงความเป็นธรรมจากประชาชนไป คำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์จึง ไม่มีสัจจะอะไรทุกคนทราบดีว่า ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ สัมภาษณ์หลายครั้งว่า ปัญหาการเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง และยืนยันจะไม่มีการปฎิวัตร การที่ พล.อ.ประยุทธ์เข้ามาแก้ปัญหาความขัดแย้ง โดยเชิญทั้งสองฝ่ายมาไกล่เกลี่ยเพื่อหาทางออกให้กับประเทศ แต่เมื่อไม่สามารถตกลงกันได้ ก็ทุบโต๊ะ ทำการปฎิวัตร แสดงว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีการเตรียมการวางแผนล่วงหน้าร่วมกับกปปส. ไว้ก่อนแล้ว นี่คือการโกหก ไหนว่าจะแก้ปัญหาบ้านเมืองโดยไม่มีการปฎิวัตร ดังนั้น การที่ผมตัดสินใจหนีออกมา เพราะไม่เชื่อมั่น พล.อ.ประยุทธ์ ที่ไม่มีสัจจวาจาอะไร
ถ้าจะกลับประเทศไทย มีเงื่อนไขอย่างไร
ผมจะกลับประเทศไทย ก็ต่อเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ และคณะ คสช.จะต้องพ้นไปจากอำนาจ และ คณะ คสช. ต้องเป็นฝ่ายมารายงานตัวกับ คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะเป็นรัฐบาล เพราะ พล.อ.ประยุทธ์เป็นกบฎ
จะกลับประเทศไทยเมื่อไหร่
เมื่อประชาชนคนไทยได้ประชาธิปไตยกลับคืนมา แล้วนำไปสู่การ เลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรม ทหารจะต้องถอนตัวออกจากการเมือง
ถ้าไม่กลับตามคำเชิญอาจจะถูกมองว่าไม่จริงใจที่จะแก้วิกฤติของประเทศ
คำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นการสร้างภาพให้ตัวเองมากกว่า และผมก็ไม่เชื่อด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์จะให้อภัย เพราะยังมีการตั้งข้อหา มีการยึดทรัพย์ ยึดหนังสือเดินทาง หรือการสั่งระงับการทำธุรกรรมทางการเงินสำหรับคนที่ไม่เห็นด้วยกับ คสช. ผมจึงไม่เชื่อว่า คสช.จะให้ความเป็นธรรมและให้อภัยพวกผม
ขณะนี้ประเทศไทย อยู่ภายใต้อำนาจเผด็จการทหาร พูดความจริงก็ไม่ได้ ผมจึงต้องออกมาให้พ้นอำนาจเผด็จการทหารที่กดหัวประชาชนอยู่ และเพื่อบอกให้ชาวโลกได้รับรู้ จะเคลื่อนไหวกดดันให้ คสช. ยอมคืนอำนาจกลับสู่ประชาชน และคืนประชาธิปไตยกลับมา
การที่ พล.อ.ประยุทธ์ เชิญชวนให้กลับมา เพื่อร่วมแก้ปัญหาของบ้านเมืองนั้น เป็นการพูดเพื่อสร้างภาพให้เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีจิตใจเมตตา ให้อภัย แต่แท้จริงแล้ว เป็นการพูดเพื่อเป็นข้ออ้างนำมา กดขี่พวกผมให้หนักขึ้นอีก โดยจะนำไปอ้างว่า ให้โอกาสแล้ว แต่ไม่กลับมา ไม่หวังดีกับประเทศเป็นเพียงคำพูดที่ฉาบยาพิษของ พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อที่จะใช้อำนาจเผด็จการทำลายล้างพวกผมต่อไปมากกว่า
000
จรัล ดิษฐาภิชัย
อดีตคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
คิดอย่างไรกับ คำเชิญของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาที่จะให้อภัย คืนความเป็นธรรมให้เพื่อร่วมแก้ปัญหาบ้านเมืองไปด้วยกัน
เป็นคำเชิญที่เป็นการโฆษณาชวนเชื่อมากว่า และเท่ากับเป็นการโจมตีคนที่หนีออกไปต่างประเทศว่ามีความผิด เมื่อกลับมาก็จะยกโทษให้ หรือแก้ความผิดให้ ซึ่งไม่ใช่ แต่คนที่มีความผิดคือ พล.อ.ประยุทธ์ มากกว่าที่ทำการัฐประหาร ล้มล้างระบอบประชาธิปไตย ดังนั้นคำเชิญนี้ จึงไม่มีความจริงใจ ถ้าจริงใจ พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องคืนความเป็นประชาธิปไตยให้กับประชาชน เลิกการจับกุมประชาชนที่คัดค้าน คสช. ปล่อยตัวถูกต้องขังตามประกาศ คสช. หยุดการละเมิดสิทธิมนุษยชน ยกเลิกการปิดกั้นสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชน ยกเลิกการส่งทหารเข้าไปค้นบ้าน จับกุม ประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับ คสช. นี่คือ จุดเริ่มต้นของการให้อภัยและการสร้างความร่วมมือให้เกิดขึ้นในการพัฒนาประเทศ
การที่พล.อ.ประยุทธ์ พูดว่า จะสู้กันต่อไปทำไม แสดงว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เข้าใจเรื่อง วิถีทางตามระบอบประชาธิปไตย เขาต้องการให้คนไทยอยู่ในความสงบไม่มีความขัดแย้งเกิดขึ้น ซึ่งการต่อสู้ในระบอบประชาธิปไตยจะจบแบบนี้ไม่ได้
จะจบแบบไหนถึงจะยอมรับได้
ชัยชนะของการต่อสู้เพื่อระบอบประชาธิปไตย คือจะต้องได้ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์กลับคืนมา ไม่ใช่ จะจบกันที่ศาลโดยการให้อภัยโทษกันแล้วจบแต่จะต้องจบลงด้วยการที่ประชาชนได้สิทธิเสรีภาพอย่างแท้จริง ตามระบอบประชาธิปไตย
พล.อ.ประยุทธ์ บอกว่า ประชาธิปไตยของไทยที่ผ่านมามีความพกพร่องและสร้างปัญหามากมาย
ระบอบประชาธิปไตยถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า มีจุดเด่น จุดด้อย ในทุกประเทศ แต่จุดอ่อน หรือจุดด้อยเหล่านั้น ก็สามารถแก้ไขได้ในตัวของมันเอง แต่ไม่ใช่การยกเลิกแล้วไปเริ่มต้นใหม่ เราเริ่มต้นใหม่กันโดยรัฐประหารมาแล้วไม่รู้กี่ครั้ง และการที่ ทหารออกมาทำรัฐประหารอีกครั้งในยุคนี้ ทหารเองก็ไม่มีความเป็นกลางด้วย
000
สุนัย จุลพงศธรส.ส. อาวุโส พรรคเพื่อไทย
คิดอย่างไรต่อ คำเชิญของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ขอบคุณสื่อที่โทรมาสัมภาษณ์ และถ้า พล.อ.ประยุทธ์ มีเจตนาที่จะสร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้นจริง จะต้องไม่สั่งการให้ทหารมาก่อกวนสื่อที่ตีพิมพ์คำสัมภาษณ์ของผมในครั้งนี้
เรื่องคำเชิญให้กลับมาพัฒนาประเทศชาติร่วมกัน ของ พล.อ.ประยุทธ์ นั้น ถ้าว่าตามสำนวนไทยเรียกว่า “ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ” มากกว่า เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีความจริงใจที่จะสร้างความสามัคคีและแก้ปัญหาของคนในชาติเพื่อพัฒนาประชาธิปไตย เป็นการโกหกประชาชน เพราะประการที่หนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ โกหกว่า ตัวเองและทหารเป็นกลาง แท้จริงแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ร่วมมือกับ คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ และพรรคประชาธิปัตย์ สร้างสถานการณ์ให้บ้านเมืองเกิดจลาจลแล้ว ทำการรัฐประหาร พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ทำหน้าที่ทหารเพื่อรับใช้ประชาชนเลย
ประการที่สอง พล.อ.ประยุทธ์ หลอกลวงให้ทั้ง 2 ฝ่ายมาพูดคุยเพื่อปรองดองกัน แต่แท้จริงแล้วเป็นการหลอกจับทั้งหมดก่อนทำรัฐประหาร
ประการที่สาม พล.อ.ประยุทธ์ ขอให้พวกผมกลับมา แล้วทำไมวันรัฐประหารถึงได้ส่งทหารไปจับกุมผมและส.ส.อีกหลายถึงบ้าน และจะจับลูกเมียพวกผมด้วยนี่คือการแสดงเจตนาว่าเป็นคนร่วมชาติเดียวกันหรือไม่
ประการที่สี่ พล.อ.ประยุทธ์บอกว่าให้กลับมาเพื่อร่วมกันสร้างบ้านสร้างเมือง แต่พฤติกรรมของพล.อ.ประยุทธ์ที่ทำอยู่เวลานี้ เป็นการทำลายบ้านเมืองมากกว่า เช่น การยกเลิการเลือกตั้งท้องถิ่นทั่วประเทศ และการปิดปากสื่อทั้งหมดทุกแขนง ซึ่งผู้นำรัฐประหารที่ผ่านมาไม่เคยทำเช่นนี้
พฤติกรรมของ พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งหมดแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ไม่มีความจริงใจต่อการสร้างประชาธิปไตย ไม่เห็นคนไทยเป็นคนในชาติเดียวกัน
พล.อ.ประยุทธ์ อาจจะหลอกตัวเอง หรือหลอกลูกน้องตัวเองได้ แต่หลอกพวกผมไม่ได้
ตั้งใจจะลี้ภัยอยู่ต่างประเทศนานแค่ไหน
ไม่แน่ใจว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะพังก่อน ก่อนที่จะผมจะกลับหรือไม่
จากผลการสำรวจประชาชนส่วนมากต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี
โพลจริง หรือ โพลสอพลอ กันแน่ ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ เชื่อโพล ก็ขอให้รีบออกรัฐธรรมนูญแล้วลงสมัครรับเลือกตั้ง ก็จะรู้เองว่าเป็นที่พึงพอใจของประชาชนคนไทยจริงหรือไม่