8 พ.ค.2557 ศาลอุทธรณ์ อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลยดำ อ.2072/2554 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายเอกชัย (สงวนนามสกุล) เป็นจำเลยในความผิดตามมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญาและตามพ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551 จากกรณีที่เขาขายซีดีสารคดีการเมืองของสำนักข่าว ABC ของประเทศออสเตรเลีย และเอกสารวิกิลีกส์ฉบับแปลไทยในที่ชุมนุมของกลุ่มแดงสยาม เมื่อเดือนมีนาคม 2554 โดยพิพากษาแก้ไขมาตราของพ.ร.บ.ภาพยนตร์ฯ ที่ศาลชั้นต้นใช้ลงโทษ จากมาตรา มาตรา 54 วรรคหนึ่ง, 82 เป็นมาตรา มาตรา38 วรรคหนึ่ง, 79 ส่วนโทษปรับนั้นให้คงตามศาลชั้นต้นพิพากษาคือ 66,666 บาท สำหรับโทษจำคุกตามมาตรา 112 นั้น ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นที่ให้จำคุก 5 ปี และปรับลดโทษ 1 ใน 3 เหลือจำคุก 3 ปี 4 เดือน เนื่องจากจำเลยให้การเป็นประโยชน์ในการพิจารณาคดี
อานนท์ นำภา ทนายความจำเลยกล่าวว่า เอกชัยซึ่งถูกจำคุกมาตั้งแต่วันที่ศาลชั้นต้นตัดสิน (28 มี.ค.56) ยังคงยืนยันที่จะต่อสู้คดีในชั้นศาลฏีกา อย่างไรก็ตาม เนื่องจากคดีนี้ต้องห้ามฎี
ทั้งนี้ เอกชัย วัย 38 ปี เดิมมีอาชีพขายหวยบนดิน หลังการรัฐประหารในปี 2549 เอกชัยเริ่มสนใจการเมือง และชื่นชอบแนวทางของสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ เมื่อไปชุมนุมในเดือนมีนาคม 2554 เขาได้นำซีดีสารคดีการเมืองไทยของสำนักข่าว ABC และเอกสารวิกิลีกส์ทำสำเนาไปขายชุดละ 20 บาทในที่ชุมนุม จนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบล่อซื้อและจับกุม จากนั้นราว 2 เดือนถัดมา คดีก็เข้าสู่การพิจารณาของศาล โดยเอกชัยเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาไม่กี่คนที่สามารถประกันตัวได้ตั้งแต่ชั้นสอบสวน โดยถูกคุมขังอยู่เพียงสัปดาห์กว่าๆ
ภายหลังการจับกุมเขาเคยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงมูลเหตุจูงใจในการขายซีดีและเอกสารดังกล่าวว่าต้องการให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ซึ่งมุมมองจากสื่อต่างประเทศนั้นเป็นสิ่งน่าสนใจและอาจดีกว่าสื่อไทยซึ่งต่างเลือกข้างกันหมด
ในระหว่างต่อสู้คดี ทนายจำเลยได้ร้องขอให้ศาลออกหมายเรียกพยานสำคัญ 2 ปากคือ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ และพล.อ.อ.สิทธิ เศวตศิลา แต่หลังจากผู้พิพากษาหารือกับทนายจำเลยก็ยอมที่จะไม่เรียกพยานทั้ง 2 ปากดังกล่าว (อ่านรายละเอียด) จากนั้นวันที่ 28 มี.ค.2556 ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย 5 ปีแต่ลดโทษให้เหลือ 3 ปี 4 เดือนเนื่องจากให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี (อ่านรายละเอียด)
ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก ศูนย์ข้อมูลกฎหมายและคดีเสรีภาพ โดยไอลอว์