‘ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ เปิดใจหลังมีมติศาล รธน. ขอบคุณข้าราชการและประชาชน ตลอดการทำงาน 2 ปี 9 เดือน 2 วัน ในการสร้างความเสมอภาคสังคม ระบุขอเดินข้างประชาชนตามเส้นทางของระบอบประชาธิปไตย
7 พ.ค. 2557 ภายหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีที่ร่วมมีมติโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี ออกจากตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) สิ้นสภาพรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เรียกประชุมผู้เกี่ยวข้องทันที ที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม
โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ แถลงว่า “เรียนพี่น้องประชาชนชาวไทยที่เคารพรักทุกท่าน ตลอดระยะเวลาที่รัฐบาลนี้ได้ปฏบัตหน้าที่และตัวดิฉันได้ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรีก็ได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ในการที่จะขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลตามที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา เพื่อการพัฒนาประเทศและความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจในการสร้างความสมดุลให้กับระบบเศรษฐกิจที่จะเพิ่มความแข็งแรงทั้งเศรษฐกิจภายในและภายนอกประเทศ ทางด้านสังคมที่รัฐบาลนี้มุ่งสร้างความเสมอภาคและความเท่าเทียมกัน การแก้ปัญหาของความเหลื่อมล้ำของสังคมและการลดช่องว่าระหว่างผู้ที่มีรายได้น้อยและผู้มีรายได้มาก เพื่อให้พี่น้องประชาชนรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
และเรื่องโครงสร้างพื้นฐานในการที่จะยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศเพื่อให้ยืนทัดเทียมกัน รวมถึงการพัฒนาให้ประเทศไทยเรานั้นมีบทบาทที่จะยืนอยู่เวทีของอาเซียนเพื่อเป็นศูนย์กลางของการก้าวไปสู่เศรษฐกิจอาเซียน
ดิฉันขอยืนยันว่าตลอดระยะเวลาที่ดิฉันปฏิบัติงานและทำงานมาตลอดรัฐบาลนี้ ดำเนินด้วยความตั้งใจทุ่มเทในการทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน ทุ่มเททำงานตามที่พี่น้องประชาชนให้ความไว้วางใจในการเลือกรัฐบาลนี้ขึ้นมา
เราได้ยึกหลักในการบริหารราชการแผ่นดินด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและไม่เคยมีพฤติกรรมที่ส่อไปในทางทุจริตตามที่กล่าวหาแต่อย่างใด หรือแม้กระทั่งการเอื้อประโยชน์ในแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือการฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฏหมายอย่างที่ได้กล่าวหา
นอกจากนี้ในการดำเนินการขับเคลื่อนนโยบายยังให้ความสำคัญกับการจัดการเรื่องการแก้ปัญหาทุจริตอย่างเสมอมา
ดิฉันขอถือโอกาสนี้ ขอขอบคุณพี่น้องข้าราชการที่ได้ให้การสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลนี้ตลอด 2 ปีกว่าที่ผ่านมา และที่สำคัญดิฉันขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ให้ความไว้วางใจให้ดิฉันและคณะรัฐมนตรีได้มีโอกาสได้รับใช้พี่น้องประชาชนตลอดมา และกำลังใจที่ให้ตลอดเวลาในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นช่วงของความยากลำบากเพียงใด ไม่ว่าจะเป็นช่วงของความเดือดร้อน การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ สังคมหรือแม้กระทั่งเหตุการณ์ทางการเมืองใดๆ ก็ได้รับกำลังใจจากพี่น้องประชาชนเสมอมา นั่นคือสิ่งที่ทำให้ดิฉันมีกำลังใจในการทำงานและปฏิบัติหน้าที่ด้วยความทุ่มเทอย่างเสมอมา
และทุกครั้งที่ดิฉันได้ทำงาน วันนี้ดิฉันก็ได้ทำงานมาทั้งหมดเป็นเวลา 2 ปี 9 เดือน 2 วัน ทุกๆนาที ทุกๆวัน ของ 2 ปี 9 เดือน 2 วันนั้น บนนาทีของความภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งจากพี่น้องประชาชน และก้าวเข้ามาสู่การเป็นนายกรัฐมนตรีด้วยวิถีทางของประชาธิปไตย ดิฉันภูมิใจที่ได้ทำหน้างานอยู่ในหน้าที่นี้ ด้วยความตั้งใจและทุ่มเท
ต่อไปนี้ไม่ว่าดิฉันจะอยู่ในสถานะใด ดิฉันก็จะขอเดินตามเส้นทางของระบอบประชาธิปไตย จะขอยึดมั่นในหลักของนิติรัฐ นิติธรรม จะยึดมั่นในการสร้างความเสมอภาคอย่างเท่าเทียมกันของสังคม
และสุดท้าย ดิฉันขอยืนยันว่าไม่ว่าดิฉันจะอยู่ตำแหน่งไหนดิฉันขอยืนเคียงข้างพี่น้องประชาชนคนไทยตลอดไป”