22 เม.ย.2557 เครือข่ายกะเหรี่ยงเพื่อวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม และองค์กรเครือข่าย รวม 23 องค์กร ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งหาตัว ‘บิลลี่’ พอละจี รักจงเจริญ รวมทั้งเร่งหาตัวผู้กระทำผิด และเรียกร้องอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสั่งหัวหน้าอุทยานแก่งกระจานออกจากพื้นที่ เพื่อให้การสอบสวนเป็นไปอย่างเป็นธรรมและโปร่งใส
สืบเนื่องจากกรณีที่นายพอละจี รักจงเจริญ หรือ บิลลี่ แกนนำกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย หายตัวไปอย่างลึกลับตั้งแต่วันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา หลังถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานควบคุมตัว โดยนายพอละจีมีบทบาทสำคัญในการปกป้องสิทธิของชาวกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย จากกรณีเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เข้าทำการอพยพชาวบ้านออกจากพื้นที่ป่า และทำการรื้อถอน เผาบ้านพัก และยุ้งข้าวของชาวบ้านเมื่อปี 2554
ในขณะที่มีรายงานข่าวว่า เมื่อวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนกรณีการหายตัวไปของนายบิลลี่ โดยนายชัยวัฒน์ ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการหายตัวไปของนายบิลลี่แต่อย่างใด
.................................................
แถลงการณ์
กรณีผู้นำกะเหรี่ยงนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งพื้นที่แก่งกระจานหายตัวไป
ข่าวการหายตัวไปของนายพอละจี รักจงเจริญ หรือ (บิลลี่) ซึ่งเป็นผู้นำชาวกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย ตำบลห้วยแม่เพรียง อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน 2557 จนถึงวันนี้ยังไม่พบตัวนายบิลลี่ ที่ผ่านมานายบิลลี่ มีบทบาทสำคัญในการร่วมปกป้องสิทธิชนเผ่าพื้นเมืองชาวกะเหรี่ยงที่หมู่บ้านของตนเองมาโดยตลอด โดยเฉพาะเมื่อครั้งที่เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ได้อพยพชาวบ้านที่อยู่ในป่า ทำการรื้อถอนและเผาบ้าน ตลอดจนเผายุ้งข้าวของชาวบ้านดังเป็นข่าวในช่วงปี 2554จากกรณีดังกล่าวนายบิลลี่ได้ร่วมกับชาวบ้านร้องเรียนถึงคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ศาลปกครอง และสภาทนายความอีกทั้งนายบิลลี่ก็เป็นพยานให้กับศาลปกครองในเรื่องนี้ด้วย และต้องไปให้ปากคำแก่ศาลปกครองในวันที่ 19 พฤษภาคม 2557 นี้พร้อมกับผู้ร้องเรียนในหมู่บ้านการต่อสู้เรียกร้องดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้แก่เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานเป็นอย่างมาก
จากการหายตัวไปของนายพอละจี รักจงเจริญ หรือ (บิลลี่) ครั้งนี้ มีเหตุการณ์ที่ไม่ชอบมาพากลหลายประการ พวกเราเครือข่ายกะเหรี่ยงเพื่อวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม (KNCE) เครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย (คชท.) ร่วมกับองค์กรพัฒนาเอกชนและเครือข่ายภาคประชาชนที่เกี่ยวข้อง
จึงขอเรียกร้องดังนี้
1. ขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งดำเนินการสอบสวนหาผู้กระทำผิดและตามหาตัวนายพอละจี รักจงเจริญ ให้พบโดยเร็วที่สุด
2.ขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดูแลคุ้มครองครอบครัวนายพอละจี รักจงเจริญ และผู้นำชุมชนในพื้นที่ระหว่างที่ดำเนินการสอบสวนหาข้อเท็จจริง
3. ขอให้อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช มีคำสั่งให้นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ออกจากพื้นที่อย่างเร่งด่วน เพื่อให้การสอบสวนเป็นไปอย่างเป็นธรรม โปร่งใส และลดความหวาดกลัวของคนในพื้นที่ อีกทั้งเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจของนายชัยวัฒน์ด้วย
จากข้อเรียกร้องดังกล่าวพวกเราหวังว่าหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการให้อย่างเร่งด่วนและขอให้คนในสังคมร่วมกันติดตาม ตรวจสอบ เพื่อธำรงความเป็นธรรมในสังคมไทยต่อไป
พวกเราเครือข่ายกะเหรี่ยงเพื่อวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม เครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย และภาคีองค์กรพัฒนาเอกชนและเครือข่ายภาคประชาชนที่เกี่ยวข้อง เห็นว่าหากปัญหานี้ไม่ได้รับการสอบสวนและคลี่คลายให้กระจ่างในเวลาอันสมควร จำเป็นต้องยกระดับการร้องเรียนขึ้นสู่กลไกระหว่างประเทศ เช่น คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ คณะกรรมการอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทุกรูปแบบ(CERD) และเวทีถาวรว่าด้วยประเด็นชนเผ่าพื้นเมืองแห่งสหประชาชาติ (UNPFII)เป็นต้น พวกเราจะติดตามผลการร้องเรียนกับท่านอย่างใกล้ชิด
จนกว่าจะพบนายพอละจี รักจงเจริญ (บิลลี่) ต่อไป
ด้วยจิตคาราวะ
เครือข่ายกะเหรี่ยงเพื่อวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม และเครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย
ร่วมกับ ภาคีองค์กรพัฒนาเอกชนและเครือข่ายภาคประชาชนที่เกี่ยวข้อง
วันที่ 22 เมษายน 2557 ณ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่
รายชื่อภาคีองค์กรและเครือข่ายที่ร่วมแถลงการณ์
1. มูลนิธิชนเผ่าพื้นเมืองเพื่อการศึกษาและสิ่งแวดล้อม (IPF)
2. มูลนิธิเพื่อประสานความร่วมมือชนเผ่าพื้นเมืองแห่งเอเชีย (AIPP)
3. มูลนิธิภูมิปัญญาชาติพันธุ์ (WISE)
4. มูลนิธิภูมิปัญญาชนเผ่าพื้นเมืองบนพื้นที่สูง (IKAP)
5. มูลนิธิช่วยเหลือเด็กชายแดนจังหวัดตาก
6. มูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (ภาคเหนือ)
7. มูลนิธิพุทธเกษตร เชียงใหม่
8. มูลนิธิรักษ์ไทย (สำนักงานภาคเหนือ)
9. มูลนิธิพัฒนาภาคเหนือ
10. ศูนย์สังคมพัฒนา สังฆมณฑลเชียงใหม่
11. สมาคมศูนย์รวมการศึกษาและวัฒนธรรมของชาวไทยภูเขาในประเทศไทย (IMPECT)
12. สมาคมเพื่อการศึกษาและวัฒนธรรมชาวอาข่า จังหวัดเชียงราย
13. สมาคมปกาเกอะญอเพื่อพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม
14. สมาคมปกาเกอะญอเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
15. สมาคมม้ง
16. สมาพันธ์ชาวกะเหรี่ยงแห่งสยาม
17. คณะคริสตจักรกะเหรี่ยงแบ๊บติสท์ (KBC)
18. เครือข่ายกองบุญข้าว
19. กลุ่มอนุรักษ์บนพื้นที่สูงอำเภอจอมทอง
20. เครือข่ายกลุ่มเกษตรกรภาคเหนือ (คกน.)
21. เครือข่ายพิทักษ์สิทธิมนุษยชนชาติพันธุ์ (คพสช.)
22. เครือข่ายสตรีชนเผ่าแห่งประเทศไทย (IWNT)
23. เครือข่ายสื่อชนเผ่าพื้นเมือง (IMN)
ลำดับเหตุการณ์การหายตัวไปของนายพอละจี รักจงเจริญ (บิลลี่)
วันที่ 17 เมษายน 2557
เวลา 10.00 น. นายพอละจี รักจงเจริญ(บิลลี่) ออกเดินทางจากหมู่บ้านโป่งลึก-บางกลอย เข้าสู่ตัวเมือง (อ.แก่งกระจาน)
เวลา 14.00 น. ชาวบ้านได้ทราบข่าวอย่างไม่เป็นทางการว่า เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จับกุมและนำตัวไปสอบสวน โดยยังไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน
วันที่ 18 เมษายน 2557
เวลา 06.00 น. นายพอละจี รักจงเจริญ(บิลลี่) ยังไม่กลับเข้าบ้าน
เวลา 08.00 น. ชาวบ้านโป่งลึก-บางกลอย เริ่มออกตามหา
เวลา 21.00 น. นายกระทง โชควิบูลย์ ผู้ใหญ่บ้านบางกลอย หมู่ 1 ต. ห้วยแม่เพรียง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี แจ้งความไว้ที่สถานที่ตำรวจภูธรแก่งกระจาน
นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่กระจานยอมรับว่าได้จับตัวนายพอละจี รักจงเจริญ (บิลลี่)ไปจริง เพราะได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ว่าจับกุมผู้บุกรุกป่าและพบของกลางเป็นน้ำผึ้งเป็นจำนวนหนึ่ง จึงมารับตัวไปเพื่อสอบสวนและตักเตือน ต่อมาได้ปล่อยตัวไปที่แยกหนองมะข้า หลังจากนั้นก็ไม่ได้รับข่าวจากนายพอละจีอีกเลย
วันที่ 19 เมษายน 2557
เวลา 13.00 น. ภรรยาและเครือญาติของนายพอละจี รักจงเจริญ (บิลลี่) มาแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจภูธรแก่งกระจาน และออกค้นหาตามสถานที่ต่าง ๆ ที่นายพอละจีเคยไป จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่พบตัวนายพอละจี
วันที่ 21 เมษายน 2557
ภรรยาของนายพอละจี จงเจริญ ชาวบ้านและผู้แทนเครือข่ายกะเหรี่ยงเพื่อวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม เขตตะนาวศรี ยื่นหนังสือต่อนายมณเฑียร ทองนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี ที่ศาลากลางจังหวัดเพชรบุรี และ พล.ต.ต. พีรชาติ รื่นเริง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี และที่กองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี เพื่อขอความเป็นธรรมและให้เจ้าหน้าที่ช่วยติดตามเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน