สพฉ.วิเคราะห์สถิติสงกรานต์พบตายคาที่สูง ระบุผู้ป่วยฉุกเฉินที่ได้รับการช่วยเหลือถูกวิธีผ่านสายด่วน 1669 มีอัตรารอดสูงถึงร้อยละ 97 ย้ำการรณรงค์ลดอุบัติเหตุต้องทำอย่างต่อเนื่อง
19 เม.ย. 2557 นพ.อนุชา เศรษฐเสถียร เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กล่าวว่า จากสถิติการเกิดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2557 ระหว่างวันที่ 11-17 เมษายน พบว่ามีสถิติการเกิดอุบัติเหตุ 2.992 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต 23,494 ราย ลดลงจากปีที่ผ่านมา 3,898 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 14.00 และจำนวนผู้ป่วยฉุกเฉินที่ต้องนอนโรงพยาบาล 5,441 ราย ลดลงจากปีที่ผ่านมา 798 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 13.00 โดยพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดคือรถจักรยานยนต์คิดเป็นร้อยละ 74 ซึ่งในจำนวนนี้ไม่สวมหมวกนิรภัยมากถึงร้อยละ 46.20 นอกจากนี้ผู้ป่วยฉุกเฉินที่ประสบอุบัติเหตุยังดื่มสุรามากถึงร้อยละ 33.2 และกลุ่มอายุที่บาดเจ็บมากที่สุดคือ อายุระหว่าง 21-29 ปี คิดเป็น 20.3 % และช่วงเวลาเกิดเหตุมากที่สุดคือ เวลา 11:01-21:00 น. คิดเป็น 60.8 %
สำหรับการใช้บริการการแพทย์ฉุกเฉินผ่านสายด่วน 1669 ในรอบ 7 วันอันตรายนั้น พบว่าประชาชนใช้บริการผ่านสายด่วน 1669 มากขึ้น และใช้มากที่สุดในวันที่ 13 เมษายน และพบว่าจำนวนผู้ป่วยฉุกเฉินที่ได้รับการนำส่งโดยรถปฏิบัติการฉุกเฉิน มีอัตราการรอดชีวิตสูงถึงร้อยละ 97.04 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการช่วยเหลือที่ถูกวิธี จะช่วยเพิ่มโอกาสการรอดชีวิตของผู้ป่วยฉุกเฉินมากขึ้น แต่ทั้งนี้สาเหตุที่ทำให้ยังมีผู้เสียชีวิตสูง เป็นเพราะมีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุสูงถึงร้อยละ 60.4 แสดงให้เห็นว่าอัตราความรุนแรงของอุบัติเหตุมีเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นสิ่งสำคัญที่เราต้องเร่งรณรงค์คือการสร้างจิตสำนึกให้ผู้ขับขี่ใช้รถใช้ถนนอย่างระมัดระวังมากขึ้น ซึ่งไม่ใช่รณรงค์เฉพาะช่วงเทศกาลแต่จะต้องทำอย่างสม่ำเสมอด้วย เพื่อไม่ให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศที่มีสถิติสูงติดอันดับโลก รวมทั้งต้องหามาตรการที่เข็มแข็งมากขึ้น อาทิ ทบทวนความปลอดภัยของถนน จัดการจุดอันตรายและผลักดันให้มีการปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด และในส่วนของการบริการการแพทย์ฉุกเฉินเองก็ต้องมีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น โดยจะต้องเพิ่มความครอบคลุมของหน่วยบริการให้มากยิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินได้อย่างทันกาล และที่สำคัญจะต้องเร่งการประชาสัมพันธ์รณรงค์ให้ประชาชนใช้บริการจากสายด่วน 1669 มากขึ้นด้วย
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai