กสท.ระบุ อาร์เอสต้องอยู่ภายใต้ประกาศ Must Have คือ ต้องถ่ายทอดสดตลอดการแข่งขัน 64 นัด ออกอากาศผ่านช่องฟรีทีวีเท่านั้น หากต้องการนำรายการดังกล่าวไปถ่ายทอดสดผ่านโทรทัศน์ในรูปแบบอื่น ต้องได้รับอนุญาตจาก กสท.ก่อน
17 มี.ค.2557 พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (รองประธาน กสทช.) ในฐานะประธานกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (ประธาน กสท.) กล่าวว่า จากกรณีบริษัทอาร์เอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้ได้ลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 รอบสุดท้าย ยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองกลางเพื่อขอให้เพิกถอนประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์รายการโทรทัศน์สำคัญที่ให้เผยแพร่ได้เฉพาะในบริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไป พ.ศ. 2555 (Must Have) โดยศาลมีคำสั่งลงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2556ยกคำร้องของบริษัทฯ ดังนั้น ประกาศ Must Have จึงยังมีผลบังคับใช้กับการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 รอบสุดท้าย ทุกนัด โดยผ่านช่องทางการให้บริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไป หรือ ฟรีทีวี เท่านั้น
ทั้งนี้ บริษัท อาร์เอส อินเตอร์ฯ ซึ่งได้รับลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2014 รอบสุดท้าย แต่ไม่ใช่ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ ดังนั้น บริษัทอาร์เอส อินเตอร์ฯจึงไม่ใช่ผู้ที่อยู่ในบังคับของประกาศ Must Have ขณะที่ บริษัท อาร์เอสฯซึ่งเป็นผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ที่ไม่ใช้คลื่นความถี่ ประเภทช่องรายการ (ช่อง 8) และเป็นผู้ที่จะได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ในระบบดิจิตอล หมวดหมู่ความคมชัดปกติ หากต้องการนำรายการดังกล่าวมาออกอากาศในบริการโทรทัศน์ของตน จะต้องอยู่ภายใต้ประกาศ Must Have คือ ต้องถ่ายทอดสดตลอดการแข่งขัน 64 นัด ออกอากาศผ่านช่องฟรีทีวีเท่านั้น หากต้องการนำรายการดังกล่าวไปถ่ายทอดสดผ่านโทรทัศน์ในรูปแบบอื่น เช่น ดาวเทียมหรือเคเบิ้ล จะต้องได้รับอนุญาตจาก กสท.ก่อน
ดังนั้น การที่บริษัทอาร์เอสฯออกมาให้ข่าว โดยยืนยันที่จะถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 รอบสุดท้ายผ่านฟรีทีวี ช่อง 7 ในระบบอนาล็อกเดิมหรือ ช่อง 8 ในระบบดิจิตอล หมวดหมู่ทั่วไปความคมชัดปกติ เพียง 22 นัด จึงเป็นการโฆษณาและให้ข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชนไม่สอดคล้องกับประกาศ Must Haveที่ยังมีผลบังคับใช้อยู่ การให้ข้อมูลดังกล่าวจึงเป็นการจูงใจประชาชนให้ซื้ออุปกรณ์รับสัญญาณดาวเทียมเพื่อรับชมการแข่งขัน ซึ่งเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคตามมาตรา 31 แห่งพ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. 2553
จากกรณีดังกล่าว ทางที่ประชุม กสท.จึงมีมติดังนี้
1.แจ้งเตือนให้ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ ทั้งผู้ให้บริการโครงข่ายดาวเทียมหรือเคเบิ้ล และผู้ให้บริการช่องรายการ ปฏิบัติตามประกาศ Must Have โดยเคร่งครัด พร้อมแจ้งมาตรการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง กรณีไม่ปฏิบัติตามที่ได้รับแจ้งเตือน
2.มีหนังสือแจ้งเตือนให้บริษัทอาร์เอสฯ ปฏิบัติตามประกาศ Must Have โดยเคร่งครัดและให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลที่มีลักษณะขัดหรือแย้งกับประกาศ Must Have แก่ประชาชน พร้อมแจ้งมาตรการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง กรณีไม่ปฏิบัติตามที่ได้รับแจ้งเตือน
3.มีหนังสือแจ้งเตือนให้บริษัท เค มาสเตอร์ จำกัดให้ปฏิบัติตามประกาศ Must Haveและประกาศ กสทช. เรื่อง มาตรฐานของสัญญาการให้บริการโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิก พ.ศ. 2556 โดยเคร่งครัด พร้อมแจ้งมาตรการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง กรณีไม่ปฏิบัติตามที่ได้รับแจ้งเตือน
4.ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองเพื่อให้มีคำสั่งให้บริษัท อาร์เอส อินเตอร์ฯ และบริษัทในเครือระงับการให้ข้อมูลต่อประชาชนเกี่ยวกับการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2014 รอบสุดท้าย ที่เป็นการขัดหรือแย้งกับประกาศ กสทช. พร้อมแจ้งมาตรการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง กรณีฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามที่ได้รับแจ้งเตือน