Quantcast
Channel: พันศักดิ์ วิญญรัตน์
Viewing all articles
Browse latest Browse all 14385

จิตภัสร์นำ กปปส. เร่ง สตช. ดำเนินคดีกลุ่มแยกประเทศ พ่วงโกตี๋

$
0
0

กปปส. ร้อง สตช. เร่งดำเนินคดีกลุ่มแยกประเทศพ่วง 'โกตี๋'อ้างใช้อาวุธทำร้าย ปชช.แยกหลักสี่ ด้าน ผบ.ตร.ยันสายข่าวยังไม่พบขบวนการแยกดินแดน ขณะที่ตำรวจ-ทหารเชียงรายเตรียมใช้ ม.116 เอาผิดกลุ่มคนติดป้ายขอแยกประเทศ ฐานปลุกระดม ส่วน คปท. เดินสายยื่นหนังสือ 8 สถานทูต แจงเหตุการต่อต้านรัฐบาล

กปปส. เร่ง สตช. ดำเนินคดีกลุ่มแยกประเทศ-พ่วงโกตี๋ใช้อาวุธทำร้ายประชาชนแยกหลักสี่

ที่มาของภาพ: เพจเวทีราชดำเนิน

6 มี.ค. 2557 - สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์รายงานว่า ช่วงเช้าวันนี้ น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร แกนนำ กปปส. พร้อมมวลชนเวทีสวนลุมพินี เดินทางมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถ.พระราม 1 เพื่อยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขอให้ดำเนินคดีกับผู้ที่มีพฤติกรรมและเจตนาแบ่งแยกประเทศ หลังปรากฎหลักฐานชัดเจนว่า กลุ่มคนเสื้อแดงหลายจังหวัด เช่น เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา นครสวรรค์ และพิษณุโลก ได้ติดป้ายสนับสนุนให้แบ่งแยกประเทศ นอกจากนี้ ยังทำผ้าโพกหัว เขียนข้อความ "สปป.ล้านนา"และมีผู้ปราศรัยทำนองให้มีการแบ่งแยกประเทศหลายคน โดยขอให้ตำรวจ เร่งดำเนินการสืบสวนสอบสวนบุคคลและกลุ่มบุคคลดังกล่าว เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ฐานก่อกบฏแบ่งแยกดินแดน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113 และ 114 พร้อมขอให้เร่งรัดคดีการใช้อาวุธและวัตถุระเบิดกับกลุ่มผู้ชุมนุม เนื่องจาก คดีไม่มีความคืบหน้า

นอกจากนี้ ขอให้เร่งดำเนินคดีกับ นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋ แกนนำคนเสื้อแดงกลุ่ม กวป. กับพวก โดย กปปส. อ้างว่านายวุฒิพงศ์นำมวลชนมาข่มขู่คุกคาม ใช้อาวุธทำร้ายประชาชนบริเวณแยกหลักสี่เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และยังกระทำการหมิ่นสถาบัน เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาด้วย ภายหลังการยื่นหนังสือเสร็จสิ้น ผู้ชุมนุม กปปส. ได้พักรับประทานอาหารด้านหน้า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อนเดินทางกลับเวทีสวนลุมพินี


คปท. เดินสายยื่นหนังสือ 8 สถานทูต แจงเหตุการต่อต้านรัฐบาลในไทย

วันเดียวกัน ไทยรัฐออนไลน์รายงานว่า เครือข่ายประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท. ซึ่งนำโดย นายนิติธร ล้ำเหลือ ที่ปรึกษา คปท. นายอุทัย ยอดมณี ผู้ประสานงาน คปท. และนายอมร อมรรัตนานนท์ โฆษก คปท. ได้นำมวลชนเคลื่อนขบวนรถยนต์ รณรงค์ต่อต้านการแบ่งแยกประเทศ จากถนนพิษณุโลก ข้างทำเนียบรัฐบาล ไปยังสถานทูตประเทศต่างๆ เพื่อยื่นหนังสือรายงานความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศไทยและขอความร่วมมือในการไม่ให้สถานที่พักพิงแก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รวม 8 ประเทศ ประกอบด้วย จีน อังกฤษ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย สิงคโปร์ รัสเซีย และฝรั่งเศส พร้อมอ่านแถลงการณ์โดยมีสาระสำคัญว่า

ในโอกาสครบรอบ 4 ปี ของการลุกขึ้นต่อต้านระบอบทักษิณและรัฐบาลยิ่งลักษณ์ จากการรวมตัวของคน 2-3 ล้านคน ในการสนับสนุนประชาธิปไตย แต่ยังพบว่าเหล่านักการทูตและผู้สื่อข่าว ยังมีความเข้าใจผิดในหลายประการ ด้วยเหตุนี้จึงขอชี้แจงข้อเท็จจริง เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจระหว่างกันเพื่อความปรารถนาดี โดยระบุว่าประเทศไทยแม้จะมีการเลือกตั้ง แต่ไม่ใช่การเลือกตั้งที่สมบูรณ์อย่างเช่นประเทศอื่น เพราะไทยต้องเผชิญกับรัฐบาลทักษิณและยิ่งลักษณ์ ที่สร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงด้วยระบบประชานิยมและเปลี่ยนระบอบข้าราชการ ให้มารับใช้ฐานอำนาจของตัวเอง โดยการใช้ญาติมิตร พวกพ้อง แทรกซึมไปยังหน่วยงานต่างๆ จนไปถึงศาลและองค์กรอิสระที่เป็นหน่วยตรวจสอบถ่วงดุลรัฐบาล ตลอดจนองค์กรโทรทัศน์และสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ ให้เผยแพร่ข่าวสารเพื่อประโยชน์ของตัวเอง

นอกจากนี้ยังมีการคอร์รัปชันและทุจริตงบประมาณครั้งยิ่งใหญ่ รวมทั้งกรณีการเสียชีวิตที่กรือเซะและตากใบ เชื่อมโยงกับปี 2551 ที่กลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านระบอบทักษิณ ต้องถูกกองกำลังไม่ทราบฝ่ายโจมตีอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ในขณะนี้มีความต้องการแบ่งแยกประเทศไทย โดยกลุ่มที่สนับสนุนรัฐบาล

อย่างไรก็ตาม ในการเคลื่อนขบวนมวลชนไปยังสถานทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย ถนนวิทยุ ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสถานทูต ไม่อนุญาต ให้เข้าไปยื่นหนังสือเช่นสถานทูตอื่นๆ นายอุทัย จึงฉีกแถลงการณ์ทิ้ง พร้อมอ้างว่า การกระทำของสถานทูตสหรัฐฯ ที่ไม่รับฟังคำชี้แจง เหมือนไม่ให้เกียรติคนไทยรวมถึงที่ผ่านมา กลุ่ม คปท. ได้มายื่นหนังสือต่อสถานทูตสหรัฐฯหลายครั้ง แต่พบว่าไม่เคยให้เกียรติคนไทยเลย จึงแสดงให้เห็นว่า เลือกที่จะรับใช้ระบอบทักษิณและรัฐบาลชุดนี้ รวมไปถึงสถานทูตดังกล่าวยังเป็นที่บ่มเพาะกลุ่มนายทุนของตระกูลชินวัตรด้วย

ด้านนายนิติธร กล่าวว่า หากเมื่อใดที่เสร็จกิจกรรมอื่นแล้ว คปท.จะนำรูปปั้นเทพีเสรีภาพ ใส่โลงศพมาวางไว้หน้าสถานทูต เพื่อแสดงสัญลักษณ์เพราะถือว่าเสรีภาพของสหรัฐฯได้สิ้นสุดลงแล้ว
 

ต่อกรณีการเคลื่อนไหวของ คปท.ไปที่สถานทูตจีนนั้นนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า คิดว่ามาจากกรณีที่กรมการค้าต่างประเทศได้ทำการเซ็นสัญญาซื้อขายข้าวกับจีน เพราะคนจีนต้องการซื้อข้าวไทยเนื่องจากต้องการช่วยเหลือชาวนา ถ้า คปท.เคลื่อนไหวในประเด็นที่ว่าจีนให้การสนับสนุนรัฐบาลนั้นคงจะไม่ถูกต้องจึงอยากให้ชาวนาทั้งประเทศรู้ด้วยว่าผู้ชุมนุมมีความหวังดีจริงหรือไม่ แต่เชื่อว่าการเคลื่อนไหวของคปท. ไม่มีผลให้จีนล้มเลิกการซื้อข้าวจากไทย ขอให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. เตือนผู้ชุมนุม เพราะกำลังทำให้สัมพันธ์กับมิตรประเทศเสียหาย

 

ตำรวจ-ทหารเชียงรายประชุมลับเล็งเอาผิดชาย-หญิง 6 คนติดป้ายขอแยกประเทศ

ส่วนกรณีติดป้ายขอแยกประเทศที่สะพานลอยหน้าห้างเซ็นทรัลเชียงราย และสะพานลอยหน้าตลาดป่าก่อดำ จ.เชียงรายเมื่อวันที่ 26 และ 28 ก.พ. นั้น ล่าสุด มติชนออนไลน์รายงานด้วยว่าเมื่อวันที่  6 มี.ค. กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย พล.ต.ต.วันชัย สุวรรณศิริเขต ผบก.ภ.เชียงราย พร้อมด้วย พ.อ. บัญชา ดุริยพันธ์ รองผู้บังคับการจังหวัดทหารบกเชียงราย  ตำรวจสันติบาล นำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันหารือกรณีดังกล่าว

โดยก่อนหน้านี้ทางตำรวจและทหารได้เข้าแจ้งความตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 "ทำให้ปรากฎแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร"ทั้งนี้มีหลักฐานจากกล้องวงจรปิดของเอกชนในที่เกิดเหตุ พบเป็นชาย 2 คน และหญิง 4 คน ส่วนใหญ่สวมเสื้อแดง มีการนำรถกระบะไปจอดและหอบป้ายขึ้นไปติดที่กลางสะพานลอย

ทั้งนี้ที่ประชุมได้มีการแต่งตั้งให้ พ.ต.อ.ทวีชัย ประทีปอุษานนท์ รอง ผบก.ภ.เชียงราย เป็นหัวหน้าทีมในการดูแลในคดีดังกล่าวคาดว่าจะใช้ระยะเวลาคลี่คลายคดีอีกประมาณ 1 สัปดาห์

 

ผบ.ตร.ระบุการข่าวสันติบาลไม่พบขบวนการแบ่งแยกดินแดน แต่จะตรวจสอบป้ายขอแยกประเทศ

ขณะเดียวกัน สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์รายงานว่า พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่าจากการข่าวของสันติบาล ไม่ยืนยันว่า มีขบวนการแบ่งแยกดินแดนในประเทศไทย แต่ต้องตรวจสอบการติดป้ายผ้าแบ่งแยกประเทศ หรือจัดตั้ง สปป.ล้านนา ในหลายพื้นที่ โดยตำรวจได้รับแจ้งความดำเนินคดีแล้ว โดยกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค ได้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง และยังอยู่ในขั้นตอนการสอบสวน แต่หลักฐานยังไม่ชัดเจน หรือชี้ชัดถึงตัวผู้กระทำผิด

ส่วนกรณีการเนรเทศนายสาธิต เซกัล ประธานกลุ่มประชาคมสีลม และนายกสมาคมธุรกิจอินเดีย-ไทย หลังศูนย์รักษาความสงบ หรือ ศรส.ลงนามเนรเทศออกจากประเทศ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ทราบว่าขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาคนเข้าเมืองเสร็จสิ้นแล้ว ขั้นตอนต่อไปเป็นอำนาจของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ส่วนกรณีนายสาธิต ยื่นถวายฎีกาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ต้องตรวจสอบก่อนว่า ตำรวจจะสามารถดำเนินการผลักดันออกนอกประเทศได้เลยหรือไม่

 

นายกรัฐมนตรีขอให้ทุกฝ่ายหยุดพูดเรื่องแยกประเทศ ยืนยันทหารไม่ทำรัฐประหาร

นอกจากนี้ สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์รายงานด้วยว่า ด้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า อยากให้ทุกฝ่ายยุติการพูดเรื่องการแบ่งแยกดินแดน เพื่อไม่ให้เกิดความแตกแยกในสังคม เชื่อว่าคนไทยทุกคนไม่ต้องการเห็นประเทศแตกแยก และไม่ต้องการให้เกิดขึ้น ส่วนการพบปะหารือผู้นำเหล่าทัพ เป็นเรื่องปกติของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในการหารือสถานการณ์บ้านเมือง โดยยืนยันว่า ทหารไม่ปฏิวัติแน่นอน เพราะไม่เกิดประโยชน์และไม่เป็นที่ยอมรับของต่างชาติ

ส่วนที่มีการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความอายุรัฐบาล นายกรัฐมนตรี เห็นว่า ต้องรอการตีความจากศาลรัฐธรรมนูญ ยืนยันว่า จะปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญเป็นหลัก เนื่องจากยังไม่มีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ จึงต้องทำหน้าที่รักษาการต่อไป

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

Viewing all articles
Browse latest Browse all 14385

Trending Articles