กปปส. ร้อง สตช. เร่งดำเนินคดีกลุ่มแยกประเทศพ่วง 'โกตี๋'อ้างใช้อาวุธทำร้าย ปชช.แยกหลักสี่ ด้าน ผบ.ตร.ยันสายข่าวยังไม่พบขบวนการแยกดินแดน ขณะที่ตำรวจ-ทหารเชียงรายเตรียมใช้ ม.116 เอาผิดกลุ่มคนติดป้ายขอแยกประเทศ ฐานปลุกระดม ส่วน คปท. เดินสายยื่นหนังสือ 8 สถานทูต แจงเหตุการต่อต้านรัฐบาล
กปปส. เร่ง สตช. ดำเนินคดีกลุ่มแยกประเทศ-พ่วงโกตี๋ใช้อาวุธทำร้ายประชาชนแยกหลักสี่
ที่มาของภาพ: เพจเวทีราชดำเนิน
6 มี.ค. 2557 - สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์รายงานว่า ช่วงเช้าวันนี้ น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร แกนนำ กปปส. พร้อมมวลชนเวทีสวนลุมพินี เดินทางมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถ.พระราม 1 เพื่อยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขอให้ดำเนินคดีกับผู้ที่มีพฤติกรรมและเจตนาแบ่งแยกประเทศ หลังปรากฎหลักฐานชัดเจนว่า กลุ่มคนเสื้อแดงหลายจังหวัด เช่น เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา นครสวรรค์ และพิษณุโลก ได้ติดป้ายสนับสนุนให้แบ่งแยกประเทศ นอกจากนี้ ยังทำผ้าโพกหัว เขียนข้อความ "สปป.ล้านนา"และมีผู้ปราศรัยทำนองให้มีการแบ่งแยกประเทศหลายคน โดยขอให้ตำรวจ เร่งดำเนินการสืบสวนสอบสวนบุคคลและกลุ่มบุคคลดังกล่าว เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ฐานก่อกบฏแบ่งแยกดินแดน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113 และ 114 พร้อมขอให้เร่งรัดคดีการใช้อาวุธและวัตถุระเบิดกับกลุ่มผู้ชุมนุม เนื่องจาก คดีไม่มีความคืบหน้า
นอกจากนี้ ขอให้เร่งดำเนินคดีกับ นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋ แกนนำคนเสื้อแดงกลุ่ม กวป. กับพวก โดย กปปส. อ้างว่านายวุฒิพงศ์นำมวลชนมาข่มขู่คุกคาม ใช้อาวุธทำร้ายประชาชนบริเวณแยกหลักสี่เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และยังกระทำการหมิ่นสถาบัน เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาด้วย ภายหลังการยื่นหนังสือเสร็จสิ้น ผู้ชุมนุม กปปส. ได้พักรับประทานอาหารด้านหน้า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อนเดินทางกลับเวทีสวนลุมพินี
คปท. เดินสายยื่นหนังสือ 8 สถานทูต แจงเหตุการต่อต้านรัฐบาลในไทย
วันเดียวกัน ไทยรัฐออนไลน์รายงานว่า เครือข่ายประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท. ซึ่งนำโดย นายนิติธร ล้ำเหลือ ที่ปรึกษา คปท. นายอุทัย ยอดมณี ผู้ประสานงาน คปท. และนายอมร อมรรัตนานนท์ โฆษก คปท. ได้นำมวลชนเคลื่อนขบวนรถยนต์ รณรงค์ต่อต้านการแบ่งแยกประเทศ จากถนนพิษณุโลก ข้างทำเนียบรัฐบาล ไปยังสถานทูตประเทศต่างๆ เพื่อยื่นหนังสือรายงานความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศไทยและขอความร่วมมือในการไม่ให้สถานที่พักพิงแก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รวม 8 ประเทศ ประกอบด้วย จีน อังกฤษ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย สิงคโปร์ รัสเซีย และฝรั่งเศส พร้อมอ่านแถลงการณ์โดยมีสาระสำคัญว่า
ในโอกาสครบรอบ 4 ปี ของการลุกขึ้นต่อต้านระบอบทักษิณและรัฐบาลยิ่งลักษณ์ จากการรวมตัวของคน 2-3 ล้านคน ในการสนับสนุนประชาธิปไตย แต่ยังพบว่าเหล่านักการทูตและผู้สื่อข่าว ยังมีความเข้าใจผิดในหลายประการ ด้วยเหตุนี้จึงขอชี้แจงข้อเท็จจริง เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจระหว่างกันเพื่อความปรารถนาดี โดยระบุว่าประเทศไทยแม้จะมีการเลือกตั้ง แต่ไม่ใช่การเลือกตั้งที่สมบูรณ์อย่างเช่นประเทศอื่น เพราะไทยต้องเผชิญกับรัฐบาลทักษิณและยิ่งลักษณ์ ที่สร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงด้วยระบบประชานิยมและเปลี่ยนระบอบข้าราชการ ให้มารับใช้ฐานอำนาจของตัวเอง โดยการใช้ญาติมิตร พวกพ้อง แทรกซึมไปยังหน่วยงานต่างๆ จนไปถึงศาลและองค์กรอิสระที่เป็นหน่วยตรวจสอบถ่วงดุลรัฐบาล ตลอดจนองค์กรโทรทัศน์และสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ ให้เผยแพร่ข่าวสารเพื่อประโยชน์ของตัวเอง
นอกจากนี้ยังมีการคอร์รัปชันและทุจริตงบประมาณครั้งยิ่งใหญ่ รวมทั้งกรณีการเสียชีวิตที่กรือเซะและตากใบ เชื่อมโยงกับปี 2551 ที่กลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านระบอบทักษิณ ต้องถูกกองกำลังไม่ทราบฝ่ายโจมตีอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ในขณะนี้มีความต้องการแบ่งแยกประเทศไทย โดยกลุ่มที่สนับสนุนรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม ในการเคลื่อนขบวนมวลชนไปยังสถานทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย ถนนวิทยุ ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสถานทูต ไม่อนุญาต ให้เข้าไปยื่นหนังสือเช่นสถานทูตอื่นๆ นายอุทัย จึงฉีกแถลงการณ์ทิ้ง พร้อมอ้างว่า การกระทำของสถานทูตสหรัฐฯ ที่ไม่รับฟังคำชี้แจง เหมือนไม่ให้เกียรติคนไทยรวมถึงที่ผ่านมา กลุ่ม คปท. ได้มายื่นหนังสือต่อสถานทูตสหรัฐฯหลายครั้ง แต่พบว่าไม่เคยให้เกียรติคนไทยเลย จึงแสดงให้เห็นว่า เลือกที่จะรับใช้ระบอบทักษิณและรัฐบาลชุดนี้ รวมไปถึงสถานทูตดังกล่าวยังเป็นที่บ่มเพาะกลุ่มนายทุนของตระกูลชินวัตรด้วย
ด้านนายนิติธร กล่าวว่า หากเมื่อใดที่เสร็จกิจกรรมอื่นแล้ว คปท.จะนำรูปปั้นเทพีเสรีภาพ ใส่โลงศพมาวางไว้หน้าสถานทูต เพื่อแสดงสัญลักษณ์เพราะถือว่าเสรีภาพของสหรัฐฯได้สิ้นสุดลงแล้ว
ต่อกรณีการเคลื่อนไหวของ คปท.ไปที่สถานทูตจีนนั้นนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า คิดว่ามาจากกรณีที่กรมการค้าต่างประเทศได้ทำการเซ็นสัญญาซื้อขายข้าวกับจีน เพราะคนจีนต้องการซื้อข้าวไทยเนื่องจากต้องการช่วยเหลือชาวนา ถ้า คปท.เคลื่อนไหวในประเด็นที่ว่าจีนให้การสนับสนุนรัฐบาลนั้นคงจะไม่ถูกต้องจึงอยากให้ชาวนาทั้งประเทศรู้ด้วยว่าผู้ชุมนุมมีความหวังดีจริงหรือไม่ แต่เชื่อว่าการเคลื่อนไหวของคปท. ไม่มีผลให้จีนล้มเลิกการซื้อข้าวจากไทย ขอให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. เตือนผู้ชุมนุม เพราะกำลังทำให้สัมพันธ์กับมิตรประเทศเสียหาย
ตำรวจ-ทหารเชียงรายประชุมลับเล็งเอาผิดชาย-หญิง 6 คนติดป้ายขอแยกประเทศ
ส่วนกรณีติดป้ายขอแยกประเทศที่สะพานลอยหน้าห้างเซ็นทรัลเชียงราย และสะพานลอยหน้าตลาดป่าก่อดำ จ.เชียงรายเมื่อวันที่ 26 และ 28 ก.พ. นั้น ล่าสุด มติชนออนไลน์รายงานด้วยว่าเมื่อวันที่ 6 มี.ค. กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย พล.ต.ต.วันชัย สุวรรณศิริเขต ผบก.ภ.เชียงราย พร้อมด้วย พ.อ. บัญชา ดุริยพันธ์ รองผู้บังคับการจังหวัดทหารบกเชียงราย ตำรวจสันติบาล นำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันหารือกรณีดังกล่าว
โดยก่อนหน้านี้ทางตำรวจและทหารได้เข้าแจ้งความตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 "ทำให้ปรากฎแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร"ทั้งนี้มีหลักฐานจากกล้องวงจรปิดของเอกชนในที่เกิดเหตุ พบเป็นชาย 2 คน และหญิง 4 คน ส่วนใหญ่สวมเสื้อแดง มีการนำรถกระบะไปจอดและหอบป้ายขึ้นไปติดที่กลางสะพานลอย
ทั้งนี้ที่ประชุมได้มีการแต่งตั้งให้ พ.ต.อ.ทวีชัย ประทีปอุษานนท์ รอง ผบก.ภ.เชียงราย เป็นหัวหน้าทีมในการดูแลในคดีดังกล่าวคาดว่าจะใช้ระยะเวลาคลี่คลายคดีอีกประมาณ 1 สัปดาห์
ผบ.ตร.ระบุการข่าวสันติบาลไม่พบขบวนการแบ่งแยกดินแดน แต่จะตรวจสอบป้ายขอแยกประเทศ
ขณะเดียวกัน สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์รายงานว่า พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่าจากการข่าวของสันติบาล ไม่ยืนยันว่า มีขบวนการแบ่งแยกดินแดนในประเทศไทย แต่ต้องตรวจสอบการติดป้ายผ้าแบ่งแยกประเทศ หรือจัดตั้ง สปป.ล้านนา ในหลายพื้นที่ โดยตำรวจได้รับแจ้งความดำเนินคดีแล้ว โดยกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค ได้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง และยังอยู่ในขั้นตอนการสอบสวน แต่หลักฐานยังไม่ชัดเจน หรือชี้ชัดถึงตัวผู้กระทำผิด
ส่วนกรณีการเนรเทศนายสาธิต เซกัล ประธานกลุ่มประชาคมสีลม และนายกสมาคมธุรกิจอินเดีย-ไทย หลังศูนย์รักษาความสงบ หรือ ศรส.ลงนามเนรเทศออกจากประเทศ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ทราบว่าขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาคนเข้าเมืองเสร็จสิ้นแล้ว ขั้นตอนต่อไปเป็นอำนาจของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ส่วนกรณีนายสาธิต ยื่นถวายฎีกาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ต้องตรวจสอบก่อนว่า ตำรวจจะสามารถดำเนินการผลักดันออกนอกประเทศได้เลยหรือไม่
นายกรัฐมนตรีขอให้ทุกฝ่ายหยุดพูดเรื่องแยกประเทศ ยืนยันทหารไม่ทำรัฐประหาร
นอกจากนี้ สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์รายงานด้วยว่า ด้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า อยากให้ทุกฝ่ายยุติการพูดเรื่องการแบ่งแยกดินแดน เพื่อไม่ให้เกิดความแตกแยกในสังคม เชื่อว่าคนไทยทุกคนไม่ต้องการเห็นประเทศแตกแยก และไม่ต้องการให้เกิดขึ้น ส่วนการพบปะหารือผู้นำเหล่าทัพ เป็นเรื่องปกติของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในการหารือสถานการณ์บ้านเมือง โดยยืนยันว่า ทหารไม่ปฏิวัติแน่นอน เพราะไม่เกิดประโยชน์และไม่เป็นที่ยอมรับของต่างชาติ
ส่วนที่มีการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความอายุรัฐบาล นายกรัฐมนตรี เห็นว่า ต้องรอการตีความจากศาลรัฐธรรมนูญ ยืนยันว่า จะปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญเป็นหลัก เนื่องจากยังไม่มีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ จึงต้องทำหน้าที่รักษาการต่อไป