‘พะเยาว์ อัคฮาด’ ยกกรณี ‘ผังล้มเจ้า’ ปี 53 ที่ถูกสร้างมาใส่ร้ายเสื้อแดงสร้างความชอบธรรมในการปราบประชาชนจนมีผู้บาดเจ็บเสียชีวิตจำนวนมาก เตือนสติกองทัพ หลังปลุกประเด็น ‘การแบ่งแยกดินแดน’ ขึ้นมาในปี 57
ภาพโดย แด่เพื่อน ผู้เดือดร้อน
5 มี.ค.2557 เวลาประมาณ 10.00 น. นางพะเยาว์ อัคฮาด มารดา น.ส.กมลเกด อัคฮาด พยาบาลอาสาผู้ถูกยิงเสียชีวิตในเหตุการณ์สลายการชุมนุม นปช. วันที่ 19 พ.ค.53 เดินทางเข้าพบ พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ที่สโมสรกองทัพบก เทเวศร์ เพื่อ ‘ร้องขอชีวิต เตือนสติกองทัพ’ ให้สรุปบทเรียนเมื่อปี 2553 ที่สร้าง ‘ผังล้มเจ้า’ ขึ้นมาสร้างความชอบธรรมในการปราบปรามประชาชนจนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก เนื่องจากล่าสุดกองทัพมีการยกประเด็น ‘การแบ่งแยกดินแดน’ ขึ้นมาเพื่อเตรียมจัดการกับประชาชนกลุ่มหนึ่ง พร้อมทั้งเรียกร้องกองทัพเป็นกลาง ไม่ใช่เป็นของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น รวมทั้งเสนอในห้กองทัพถอนทหารที่ประจำตามจุดตรวจความปลอดภัยต่างๆ ออกจากกรุงเทพฯ ด้วย และปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นหลัก
โดยนางพะเยาว์ได้นำตะเกียงที่ใช้จุดหน้าศพลูกตนเอง จุดไฟเดินเข้าไปในกองทัพบก เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ว่า ‘ที่นี่มันมืด ไม่มีแสงสว่าง’ พร้อมมอบกะลาใส่ดอกไม้ให้รองโฆษกกองทัพบกเพื่อส่งต่อไปยัง พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ว่ากองทัพไม่ควรคลุมประชาชนให้อยู่ในกะลาของกองทัพต่อไป
“มองดูแล้วเหตุการณ์ในวันนี้ ให้ย้อนไปในเหตุการณ์เมื่อปี 53 ลูกดิฉันตายเพราะผังล้มเจ้าที่กองทัพและคณะ ศอฉ.ตั้งขึ้นมา มีคนตายอีกเป็นร้อยบาดเจ็บอีกหลายพันคน แต่พอสุดท้ายสอบไปสอบมาบอกผังล้มเจ้าไม่มีจริง แต่คนที่ตายมันตายจริง ตายจริงเจ็บจริงติดคุกจริง เป็นความผิดพลาดของกองทัพใช่ไหม”
“มาวันนี้เพื่อมาเตือนสติกองทัพ เพราะในปี 57 คุณกำลังใช้เรื่องแบ่งประเทศและกบฏ โดยฝ่ายหนึ่งพยายามยกประเด็นนี้ให้กองทัพสนองตอบในสิ่งที่ตนเองต้องการ และกองทัพก็บ้าจี้ทำตาม แม้จะบอกว่าตัวเองเป็นกลางแต่การกระทำกลับไม่เป็นกลางเหมือนเลือกข้าง เพราะทหารทั้งหมดควรเป็นทหารของประชาชนทั้งประเทศไม่ใช่ทหารของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง” นางพะเยาว์ กล่าว
นางพะเยาว์ กล่าวด้วยว่า กองกำลังทหารเป้าหมายคือเป็นรั้วของชาติ แต่กลับนำรั้วของชาติเข้ามาอยู่ในกรุงเทพ ทำให้เกิดความระแวงว่าทหารจะทำการรัฐประหาร และสถานการณ์ที่เป็นอยู่นี้ประชาชนก็อาจเข้าใจว่ารัฐบาลถูกรัฐประหารเงียบแล้วก็ได้
รองโฆษก ทบ.ยืนยันทหารไม่เลือกปฏิบัติในการทำหน้าที่
เวลา 14.40 สำนักข่าวไทยรายงาน ด้วยว่า พ.อ.วินธัย กล่าวถึงกรณีที่นางพะเยาว์เดินทางมาเข้าพบว่า “ผมได้ชี้แจงไปว่า การปฏิบัติหน้าที่ของทหารในพื้นที่กรุงเทพฯ ดำเนินการภายใต้ศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) โดยทหารตั้งจุดตรวจร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และมีกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในปัจจุบันประมาณ 5,000-6,000 นาย ไม่มีการเพิ่มเติมแต่อย่างใด”
พ.อ.วินธัย กล่าวว่า ส่วนกรณีที่กองทัพภาคที่ 3 ไปแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ที่ประกาศจัดตั้ง สปป.ลานนานั้น ทหารที่ไปแจ้งความไม่ได้ระบุว่าเป็นกลุ่มคนเสื้อแดง เพียงแต่ระบุถึงพฤติกรรมของกลุ่มบุคคลที่เข้าข่ายจะกระทำผิดเท่านั้น เพราะทหารมีหน้าที่ดูแลด้านความมั่นคงของประเทศ และการดำเนินการเป็นไปตามกฎหมาย
“ยืนยันว่าไม่ได้เลือกปฏิบัติ การเคลื่อนไหวของกลุ่ม กปปส.ในกรุงเทพฯ มี ศรส.ดำเนินการ และมีการแจ้งข้อกล่าวหาแล้วกว่า 100 คดี แต่คดี สปป.ล้านนา ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาแต่อย่างใด” พ.อ.วินธัย กล่าว
พ.อ.วินธัย กล่าวว่า มารดาของ น.ส.กมนเกด ยังถามถึงความสูญเสียในเหตุการณ์ปี 2553 ซึ่งได้ทำความเข้าใจว่า ความสูญเสียมีทั้งในส่วนของประชาชนและเจ้าหน้าที่ ซึ่งสร้างความสะเทือนใจต่อประชาชนทั้งประเทศ กองทัพไม่ต้องการให้มีเหตุการณ์อย่างนั้นเกิดขึ้นอีก เรามีนโยบายชัดเจนว่าจะไม่ใช้ความรุนแรง ซึ่งคุณพะเยาว์ได้มอบดอกไม้ และฝากไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ว่า ต้องการให้กองทัพเป็นของประชาชนทุกพวกทุกฝ่าย
‘จิตภัสร์’ นำ กปปส. มอบดอกไม้ให้กำลังใจทหาร
ขณะที่เวลาเดียวกัน จิตภัสร์ กฤดากร ได้นำกลุ่ม กปปส.ประมาณ 60 คน เดินทางมาบริเวณด้านหลังกองบัญชาการกองทัพบก(บก.ทบ.) มอบดอกไม้ให้กำลังใจ ผบ.ทบ. และทหารวางตัวเป็นกลาง รวมทั้งแสดงความขอบคุณที่ดูแลประชาชน โดยมี พล.ต.พลภัทร์ วรรณพักตร์ เลขานุการ ทบ. ออกมารับดอกไม้สีธงชาติด้วยตนเอง
สำหรับกรณี ‘แผนผังล้มเจ้า’ ในปี 2553 นั้นนายสุธาชัย ยิ้มประเสริฐ อาจารย์คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นโจทย์ยื่นฟ้องข้อหาหมิ่นประมาทผู้เผยแพร่ผังล้มเจ้าหลังจากพบชื่อของตนอยู่ในนั้น ต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก อดีตโฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอฉ.) โดยวันที่ 22 มี.ค.54 เป็นการนัดพร้อมเพื่อประนอมข้อพิพาท ซึ่ง พ.อ.สรรเสริญ ยอมรับต่อศาลถึงการเผยแพร่ ‘แผนผังล้มเจ้า’ หลังมีการใส่ร้าย ‘ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์’ ว่าโทร.มาสั่งการ ศอฉ. จึงแถลงตอบโต้พร้อมแจกแผนผังเพื่อให้สังคมพิจารณา แต่ที่แจกไปมิได้หมายความว่าผู้ที่มีชื่อในเอกสารอยู่ในขบวนการล้มล้าง สถาบันฯ แต่ให้สังคมวินิจฉัยเอาเอง ส่วนที่สื่อมวลชนเอาไปขยายผล ผู้ที่มีรายชื่อในผังจะไปฟ้องร้องก็สุดแล้วแต่จะพิจารณา