คปท. ใช้แท่งปูนปิดหน้าพรรคเพื่อไทยเพื่อต้านการแยกประเทศ - จิตภัสร์นำมวลชน กปปส. ขอบคุณ ทบ. ดำเนินคดีกลุ่มแยกดินแดน - เอกนัฏ พร้อมพันธุ์เชื่อใช้ตัวย่อ "สปป.ล้านนา"คือจ้องแยกประเทศแน่นอน ถ้าเป็น "สมัชชาปกป้องประชาธิปไตยล้านนา"ต้องใช้ตัวย่อ "สปล."สุเทพเตือนถ้า นปช. เข้า กทม. จะเจอทหารแล้วจะรู้ว่าพุงหรือกระสุนอะไรจะเหนียวกว่ากัน
กปปส. ปิดล้อมสรรพากร และขอบคุณกองทัพที่ดำเนินคดีกลุ่มแยกประเทศ
6 มี.ค. 2557 - ความเคลื่อนไหวของ กปปส. เวทีสวนลุมพินีเมื่อวานนี้ (5 มี.ค.) นั้น ได้มีการเคลื่อนขบวนไปกดดันรัฐบาลและหน่วยงานราชการ โดยขบวนของวิทยา แก้วภาดัย นำผู้ชุมนุม กปปส. ไปปิดล้อมกรมสรรพากร ซอยอารีย์ ส่วน น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร นำผู้ชุมนุมไปให้กำลังใจกองทัพบก ที่ บก.ทบ. ถ.ราชดำเนิน ทั้งนี้เป็นการมอบดอกไม้เพื่อให้กำลังใจ ผบ.ทบ. และกำลังพลของกองทัพบกที่ได้ดูแลประชาชนมาร่วมชุมนุม ทำให้ผู้ชุมนุมไม่ได้รับอันตรายจากกลุ่มผู้ไม่หวังดี และขอบคุณกองทัพบกที่ดำเนินคดีกับกลุ่มคนที่เคลื่อนไหวแบ่งแยกดินแดน
คปท. ใช้แท่งปูนปิดพรรคเพื่อไทยติดป้ายหยุดแยกประเทศ ก่อนไปกรมโยธาธิการ-กรมสรรพากร
ส่วนเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท. สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ รายงานว่า คปท. เดินทางมาหน้าที่ทำการพรรคเพื่อไทย เพื่อเรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย แสดงความรับผิดชอบต่อแนวคิดแบ่งแยกดินแดน พร้อมแสดงสัญลักษณ์ต่อต้าน โดยนำป้าย "หยุดขบวนการแบ่งแยกประเทศไทย"ปิดทับป้ายที่ทำการพรรคเพื่อไทย จากนั้นนำมวลชนเคลื่อนขบวนไปยังจุดอื่น โดยไม่ระบุสถานที่
ทั้งนี้มีรายงานด้วยว่าการ์ด คปท. ได้นำแท่งปูนมาปิดล้อมทางเข้าออกพรรคเพื่อไทยด้วย จากนั้นนายอุทัย ยอดมณี และนายนิติธร ล้ำเหลือ แกนนำ คปท. ได้นำผู้ชุมนุมไปที่กรมโยธาธิการและผังเมือง ถ.พระราม 6 และ กรมสรรพสามิต ถ.นครชัยศรี เพื่อนำแท่งปูนมาปิดทางเข้าออกไม่ให้ข้าราชการเข้ามาปฏิบัติหน้าที่อีก และมีการติดป้ายว่า "มวลมหาประชาชนขอความร่วมมือพี่น้องข้าราชการเลิกเป็นเครื่องมือรับใช้ระบอบทักษิณ"
ใน เอเอสทีวี ผู้จัดการรายงานด้วยว่า แกนนำ คปท. ได้ประกาศว่าหากพบว่ามีการยกแท่งปูนออกจะกลับมาใหม่ จะนำแท่งปูนวางเพิ่มขึ้นอีก 3 เท่า
เอกนัฏเรียกร้องตำรวจเอาผิดผู้ก่อเหตุร้ายต่อการชุมนุม มิเช่นนั้นจะนำมวลชนไปเยี่ยม
เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษก กปปส. (ที่มา: เพจเวทีราชดำเนิน/แฟ้มภาพ)
ขณะเดียวกัน เพจเวทีราชดำเนินของทีมโฆษก กปปส. รายงานการแถลงข่าวประจำวันของ กปปส. ที่สวนลุมพินี โดยนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษก กปปส. กล่าวถึงเหตุปาระเบิดใส่บ้านพักของนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณและนางทยา ทีปสุวรรณ แกนนำ กปปส. ว่าเป็นการคุกคามแกนนำและเชื่อว่าไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เป็นการเชื่อมโยงการที่แกนนำ กปปส. ทั้งสองคนเป่านกหวีดใส่คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภรรยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และหลังจากเกิดเหตุปาระเบิด นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายของ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมานได้โพสต์เฟซบุ๊กโดยพยายามกล่าวหาว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการสร้างสถานการณ์ทั้งที่ที่ผ่านมามีการคุกคามแกนนำมาโดยตลอด ทั้งการกราดยิงบ้านพักของนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย นายอิสสระ สมชัย และ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก ซึ่งเชื่อว่าเป็นการคุกคามประชาชนในการต่อสู้กับทรราช เพราะนอกจากแกนนำยังมีการคุกคามคนที่ออกมาแสดงความคิดเห็นที่สวนทางกับรัฐบาล อาทิ นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น และ นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ "ขอเรียกร้องตำรวจในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) เร่งสืบหาคนผิดและนำตัวมาดำเนินคดีให้ได้ ใน 1-2 วัน หาก สตช.ไม่แจ้งความคืบหน้าของคดีความรุนแรงที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม กปปส.ก็จะนำมวลชนไปเยี่ยม"
เชื่อ "สปป.ล้านนา"จ้องแยกประเทศแน่นอน ถ้าเป็น "สมัชชาปกป้องประชาธิปไตยล้านนา"ต้องย่อว่า "สปล."
ส่วนเรื่องการแยกประเทศ นายเอกนัฏแถลงว่า ล่าสุดที่นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ ประธาน นปช. ปฏิเสธว่า นปช.ไม่มีส่วนร่วมแบ่งแยกประเทศ และอ้างว่า สปป.ล้านนา ไม่ได้มาจาก "สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนล้านนา"แต่เป็น "สมัชชาปกป้องประชาธิปไตย"หรือการอ้างว่าเป็นการแสดงความคิดเห็นของบุคคลที่มีอารมณ์ขมขื่น ซึ่งการกล่าวอ้างของนางธิดาโกหก เพราะมีหลักฐานชัดเจน ปฏิเสธไม่ได้ เช่น คำว่า สปป.ล้านนาย่อมาจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนล้านนา เมื่อกองทัพแจ้งความก็อ้างว่า สปป.ล้านนา มาจากสมัชชาปกป้องประชาธิปไตยล้านนาที่ใช้ตัวย่อ สปล.
เอกนัฏอ้างว่า การที่ผู้ชุมนุมรอต้อนรับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 28 ก.พ. โดยใช้ผ้าโพกหัวคำว่า "สปป.ล้านนา"เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามก็บอกว่าย่อจากคำว่า "สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนล้านนา"และนายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล แกนนำรักเชียงใหม่ 51 ให้สัมภาษณ์ว่าแนวทางแบ่งแยกประเทศคุยมากว่า 6 เดือนแล้ว และเป็นไปได้สูง รวมทั้งการปราศรัยของแกนน นปช. จ.แพร่ บนเวทีนปช.ลั่นกลองรบ เมื่อวันที่ 23 ก.พ. ทั้งหมดเป็นหลักฐานผูกมัดว่ามีขบวนแบ่งแยกดินแดนจริง การกล่าวของนางธิดาเป็นการโกหก ปกปิดเบื้องลึกเรื่องนี้ จึงเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดการกับขบวนการเหล่านี้ และวันที่ 6 มี.ค. น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร แกนนำ กปปส. จะไปยื่นหนังสือต่อ ผบ.ตร. ให้ดำเนินการเรื่องนี้
อนึ่งตามที่นายเอกนัฏกล่าวพาดพิงถึงนายเพชรวรรต แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ว่าเตรียมแบ่งแยกประเทศนั้น ล่าสุดในการให้สัมภาษณ์ของนายเพชรวรรต ได้ยืนยันว่าไม่เคยให้สัมภาษณ์ว่ามีแนวทางแยกประเทศ และข่าวที่มีการนำเสนอก่อนหน้านี้มีความคลาดเคลื่อน (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)เช่นเดียวกับกลุ่ม สปป.ล้านนา ที่มีการแถลงชี้แจงแล้วว่าชื่อเต็มคือ "สมัชชาปกป้องประชาธิปไตยล้านนา"และไม่มีแนวทางแยกประเทศ (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)
10 มี.ค. เตรียมเปิดเวทีสวนลุมพินี ถกการปฏิรูป 6 หัวข้อ
นอกจากนี้นายเอกนัฏ กล่าวด้วยว่า วันที่ 10 มี.ค. กปปส.จะเปิดเวทีปฏิรูปอย่างจริงจังใน 6 หัวข้อ ประกอบด้วย ปฏิรูปการเมือง การต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น การกระจายอำนาจ การปรับโครงสร้างตำรวจ ปัญหาความเหลือมล้ำทางสังคมและปฏิรูประบบราชการ โดยจะเชิญนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญที่เคยศึกษาประเด็นการปฏิรูปเข้ามาแสดงความคิดเห็นในแนวทางปฏิรูป โดยจะจัดหัวข้อสัมมนาวันละหัวข้อ และจะมีแกนนำรับผิดชอบได้แก่ นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ นายพุฒิพงษ์ ปุณณกัณฑ์ และตน จะเป็นผู้ประสานงานในส่วนของ กปปส.
สุเทพเตือนถ้า นปช. มากรุงเทพฯ จะต้องเจอทหาร แล้วจะรู้ว่าพุงหรือกระสุนอะไรจะเหนียวกว่ากัน
ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 5 มี.ค. สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ได้โพสต์สเตตัสในเฟซบุ๊คของเขา เกี่ยวกับกรณีที่จะมีการดำเนินคดีแกนนำ นปช. ในข้อกล่าวหาว่าเป็นกบฎ ต้องการแยกประเทศล้านนาว่า
"เรื่องที่เป็นข่าวติดต่อกันมาหลายวันจนกระทั่งได้มีการดำเนินคดีทางกฎหมายขึ้น นั่นก็คือ เรื่องกบฏแบ่งแยกดินแดน ผมขอทวนให้พี่น้องฟังว่าเข้าพูดเรื่องครั้งแรกที่โคราช ประชุมเสร็จ ไอ้ณัฐวุฒิ จตุพร ธิดา ก็ออกมาแถลงเจื้อยแจ้วว่า ยิ่งลักษณ์ จะต้องไม่ลาออก ไม่ต้องสนใจศาลและพวกเขาก็จะร่วมสนับสนุน ยิ่งลักษณ์ เต็มที่ เขาพูดถึงแม้แต่มีกองกำลังติดอาวุธนั้นเมื่อถึงวันเวลาเขาจะยกมา กทม. มาทำสงครามกลางเมือง มาชิงเมืองหลวง
ถ้าเขาสู้ไม่ได้เขาก็จะแยกประเทศ แล้วถ้ายังสู้ไม่ได้อีกเขาก็จะไปตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นที่ต่างประเทศ แล้วหลังจากนั้นเขาก็ติดป้ายตาม จังหวัดต่างๆ ที่ระบุชัดเลยว่าเขาต้องการแบ่งแยกประเทศ ที่เขาเอาไปติดที่พิษณุโลกเขาบอกว่า"ประเทศนี้ไม่ความยุติธรรม กูขอแยกเป็นประเทศล้านนา"คนที่พิษณุโลกเขาไม่ยอมให้มีการแบ่งแยกประเทศก็ขึ้นป้ายบอกว่า "กูไม่ยอมให้แบ่งแยกประเทศ"ก็ตอบโต้กันไป
วันนี้คนสั่งการเรื่องนี้ถูกดำเนินคดีครับ เมื่อวานนี้ครับ พลโท ปรีชา จันทร์โอชา ให้เจ้าหน้าที่ไปแจ้งความกับตำรวจให้ดำเนินคดีกับพวกที่จะแบ่งแยกประเทศ เรื่องนี้พี่น้องครับ ตามปกติที่มีคนคิดเป็นกบฏต่อแผ่นดิน มันเป็นหน้าที่ของรัฐบาล หน้าที่ของ ตำรวจที่มีหน้าที่ต้องจัดการ แต่ในกรณีนี้รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ไม่จัดการอะไร เพราะ พวกที่ทำมันเป็นสมุนบริวารของมัน
เมื่อไม่มีคนจัดการ ทหารจึงต้องออกมาดำเนินการ และท่านก็ได้อธิบายว่าที่ต้องให้ดำเนินคดี เพราะ คนเหล่านี้ทำความผิดตามมาตรา 113 คือ ต้องการแบ่งแยกอาณาจักร ต้องระวังโทษประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต และผิดมาตรา 114 ที่มีคนที่มีการเตรียมอาวุธ และยุยงเพื่อให้เกิดการกบฏก็มีความผิดด้วย ที่นี้ก็เป็นเรื่องสิครับออกมาแก้ตัวกันใหญ่เลยว่า ที่พูดนั้นเป็นแค่วาทกรรม ไม่ได้มีการคิดที่จะแบ่งแยกประเทศ
พี่น้องเห็นไหมครับหัวหน้าพรรคเพื่อไทย รมว.มหาดไทย มีหน้าที่ต้องไปดำเนินคดีไปปราบปราม แล้วก็มาทำเป็นหัวหมอพูดว่านี่ไม่ได้ยุนะ นี่แกคงคิดว่าเราพี่น้อง ปชช.คนไทยฟังแกไม่รู้เรื่องหรือยังไง แล้วจะบอกให้ว่าที่มันจะเกิดสงครามกลางเมือง
ผมก็จะบอกให้ว่าพวกมึงนั่นแหละ และผมจะบอกให้ว่าถ้าวันไหนที่ยกกำลังมาผมก็จะพาพี่น้องกลับบ้าน เพราะพวกเรายึดหลักสู้แบบอหิงสา เราสู้แบบผู้ดี แต่พี่น้องอย่าตกใจไปว่าแล้วพวกมันจะไม่ยึดประเทศไปเหรอ เพราะเรามีคนที่เขากินภาษีประชาชน พร้อมจัดการพวกนี้อยู่แล้ว รัฐบาลอาจจะไม่ทำ ตำรวจเลวๆบางคนก็อาจไม่ทำ แต่ทหารเขาไม่ปล่อยให้พวกมันมาทำอะไรพวกเราหรอกครับ เขาต้องทำหน้าที่ของเขาในการที่จะออกมาปกป้องประเทศ และการที่ พลเอกปรีชา จันทร์โอชา ออกมาฟ้องนี่ เขาแสดงให้เห็นว่านี่เตือนแล้ว แต่ถ้ายังไม่เชื่อก็ลองมาดูว่าพุงหรือกระสุนมันจะเหนียวกว่ากันถ้ายังไม่เชื่อก็ลองมาดูว่าพุงหรือกระสุนมันจะเหนียวกว่ากัน"
โฆษก สตช. เผยดำเนินคดีแล้วหลายจังหวัดกรณีติดป้ายผ้าขอแยกประเทศ
สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์รายงานด้วยว่า พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีผู้ติดป้ายผ้าแบ่งแยกประเทศ ในพื้นที่ภาคเหนือ ว่า ในส่วนของความผิดที่มีความชัดเจน อาทิ การแขวนป้ายผ้าข้อความ ที่มีลักษณะไปในการสร้างความแตก ได้มีการเก็บรวบรวมหลักฐานในพื้นที่เชียงใหม่ พะเยา และพิษณุโลก ตั้งแต่วันที่ 1-2 มีนาคม โดยไม่ได้นิ่งเฉย ส่วนกรณีมณฑลทหารบกที่ 33 จังหวัดเชียงใหม่ ส่งทหารเข้าร้องทุกข์ดำเนินคดี ตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบหลักฐาน หลังรับแจ้งความ ถ้าพบว่า เข้าข่ายกระทำความผิด จะเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำ หากพบความผิดจะดำเนินคดีตามกฎหมาย