13 ก.พ. 2557 มติชนออนไลน์รายงานว่า ที่ห้องพิจารณาคดี 707 ศาลอาญา รัชดา ศาลได้ออกนั่งบัลลังก์ไต่สวนคำร้องของพนักงานสอบสวน ศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) ที่ขอขยายเวลาควบคุมตัว นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม แกนนำ กปปส. หลังจากที่ถูกจับและควบคุมตัวในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งจะครบกำหนดการควบคุมตัวในวันที่ 16 ก.พ. นี้
โดยนายสนธิญาณได้แถลงต่อศาลว่า ระหว่างการเคลื่อนไหวทางการเมืองตนเองต้องทำธุรกิจ 7-8 บริษัท ไม่คิดจะทำอะไรที่เป็นภัย ชุมนุมโดยสงบตามสิทธิรัฐธรรมนูญ ไม่มีพฤติกรรมฝ่าฝืนและไม่ขัด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ขณะที่ถูกตำรวจจับกุมตัวได้นั้น กำลังจะเซ็นเช็คของบริษัท ก็ปฏิบัติตัวตามปกติเช่นทุกวัน
ส่วนการขึ้นเวทีปราศรัยก็ได้รับเชิญขึ้นเวที 4-5 ครั้ง เนื่องจากตนเองเป็นสื่อมวลชนจึงปราศรัยในเนื้อหาเกี่ยวกับการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล รวมทั้งความเสียหายจากระบอบทักษิณ ทั้งนี้ หากศาลจะกรุณาปล่อยตัว ตนก็ยินยอมที่จะปฏิบัติตามเงื่อนไขของศาลทุกประการ
ขณะที่ พ.ต.ท.เทพพิทักษ์ แสงกล้า พนักงานสอบสวน ศรส. แถลงต่อศาลขอคัดค้านการปล่อยตัวผู้ต้องหา เนื่องจากนายสนธิญาณเป็นกรรมการ กปปส. และมีพฤติการณ์ขัดขวางการเลือกตั้งที่ผ่านมา ซึ่งแสดงเจตนารมณ์ต่อสู้คัดค้านรัฐบาลจนถึงปัจจุบัน หากปล่อยตัวไปอาจกระทำการหรือร่วมกระทำการจนก่อให้เกิดสถานการณ์ฉุกเฉินได้อีก พร้อมนำหลักฐานเป็นข่าวจากหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งมาให้ศาลพิจารณาด้วย
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การควบคุมตัวตามประกาศมาตรา 11 (1) ของ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 กฎหมายห้ามมิให้มีการควบคุมผู้นั้น โดยปฏิบัติเยี่ยงผู้กระทำผิดอาญา หากแต่เป็นการควบคุมเพื่อประโยชน์ในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินเท่านั้น จึงต้องกระทำเพียงเท่าที่จำเป็นเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของกฎหมายดังกล่าว กรณีได้ความตามทางไต่สวนว่าการควบคุมผู้ต้องหา ผ่านมาเป็นระยะเวลา 4 วัน โดยมีการซักถามข้อมูลและข้อเท็จจริงต่างๆ พอสมควรแล้ว
ซึ่งผู้ต้องหาก็ให้ความร่วมมืออย่างดี ฉะนั้น การที่ผู้ร้องอ้างว่ายังมีกรรมวิธีซักถามเพื่อหาข้อยุติในข้อเท็จจริงหรือเปลี่ยนแปลงปรับเปลี่ยนทัศนคติและพฤติการณ์ของผู้ต้องหาต่อเนื่องไปอีก ซึ่งเมื่อคำนึงถึงระยะเวลาการควบคุมที่ผ่านมาแล้ว การควบคุมตัวเพื่อซักถามข้อเท็จจริงอีก เห็นว่าเป็นเรื่องเกินความจำเป็นไม่ต้องด้วยเงื่อนไขของกฎหมายที่จะควบคุมผู้ต้องหาไว้ต่อไปอีก
ส่วนข้ออ้างของผู้ร้องที่หวั่นเกรงว่าหากปล่อยผู้ต้องหาไปอาจจะไปกระทำการหรือสนับสนุนให้เกิดสถานการณ์ฉุกเฉินและผู้ต้องหามีท่าทีจะเข้าร่วมการชุมนุมต่อไปนั้น เห็นว่าข้อหวั่นเกรงดังกล่าวเป็นเรื่องของอนาคต เมื่อนำมาชั่งน้ำหนักกับสิทธิเสรีภาพของบุคคลที่ควรได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ ถือไม่ได้ว่ามีความจำเป็นเพียงพอที่จะควบคุมตัวไว้อีก
ศาลจึงมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลาการควบคุมตัวผู้ต้องหาต่อไปอีก ให้ยกคำร้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า เจ้าหน้าได้จับกุมตัวนายสนธิญาณและควบคุมตัวไว้ตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ. จะครบกำหนดควบคุมตัวได้ 7 วันตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในวันที่ 16 ก.พ. โดยเจ้าหน้าที่จะต้องปล่อยตัวนายสนธิญาณภายในวันดังกล่าว ที่ บก.ตชด.ภาค 1 จ.ปทุมธานี ต่อไป
ก่อนหน้าเวลา 10.00 น. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พ.ต.อ.วิสูตร ฉัตรชัยเดช รอง ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (บก.สปพ. หรือ 191) ได้คุมตัวนายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม หนึ่งในแกนนำ กปปส. และอดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวทีนิวส์ ผู้ต้องหาในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งถูกจับกุมได้ที่ร้านชาบูตง ภายในห้างเซ็นทรัลลาดพร้าว ชั้นใต้ดิน วันที่ 10 กุมพาพันธ์ เพื่อมายื่นคำร้องต่อศาลอาญาขอขยายระยะเวลาควบคุมตัวตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินเพิ่มอีก 7 วัน
พ.ต.อ.วิสูตรกล่าวว่า นำตัวนายสนธิญาณ มาขอศาลขยายระยะเวลาควบคุมตัวเพิ่มอีก 7 วัน เนื่องจากต้องสอบปากคำเพิ่มเติมในบางประเด็น นายสนธิญาณก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ส่วนการยื่นประกันตัวยังไม่สามารถยื่นได้ เพราะยังอยู่ในการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทางผู้ต้องหาก็ทราบขั้นตอนดีอยู่แล้ว
"ยืนยันว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้คอยดูแลและอำนวยความสะดวกให้นายสนธิญาณเป็นอย่างดี นายสนธิญาณอยู่ในการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ก็ไม่มีอาการเครียด สามารถรับประทานอาหารได้ นอนหลับสบาย และไม่วิตกกังวลแต่อย่างใด โดยขอให้ประชาชนและกลุ่ม กปปส. ไว้วางใจได้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดูแลอย่างนายสนธิญาณเป็นอย่างดี"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการควบคุมตัวนายสนธิญาณมาศาลเจ้าหน้าที่ใช้กำลังหน่วยอรินทราช บก.สปพ. 5 นาย พร้อมอาวุธครบมือ คอยคุ้มกันความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ขณะที่นายสนธิญาณมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส มีการโบกมือทักทายผู้สื่อข่าว ไม่มีอาการเครียดหรือวิตกกังวลแต่อย่างใด