กลุ่มนักดนตรีเชียงใหม่เพื่อเสรีภาพจัด “ร้องเพลงรอเลือกตั้ง” ข่วงประตูท่าแพ หนุนเลือกตั้ง 2 ก.พ.57 ฟังเสียงประชาชน ลดความรุนแรง
28 ม.ค. 2557 เวลา 18.00 น. บริเวณข่วงประตูท่าแพ จังหวัดเชียงใหม่ กลุ่มศิลปินในนาม “กลุ่มนักดนตรีเชียงใหม่เพื่อเสรีภาพ” ได้จัดกรรม “ร้องเพลงรอเลือกตั้ง” เพื่อสนับสนุนการเลือกตั้ง 2 ก.พ.57 โดยมีการร้องและเล่นดนตรีจากกลุ่มศิลปินนักดนตรีหลายกลุ่มในจังหวัดเชียงใหม่
รูปแบบกิจกรรมในครั้งนี้มีการสลับกันเล่นดนตรีและอ่านบทกวี โดยมีวงดนตรีหลากหลายแนวเข้าร่วมกิจกรรม เช่น วงสุดสะแนน, นายไปรษณีย์, วง paper space, วงพู่กัน, หรือกลุ่มแนวร่วมศิลปินปี่ซอพื้นบ้านเพื่อการพัฒนาประชาธิปไตย เป็นต้น นอกจากนั้นระหว่างกิจกรรมดนตรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่าผู้ร่วมกิจกรรมยังได้มีการนำเทียนมาจุดและจัดวางเป็นรูปกากบาทในกรอบสี่เหลี่ยม เพื่อสื่อถึงสิทธิในการเลือกตั้ง โดยมีชาวเชียงใหม่ร่วมกิจกรรมราว 100 คน และมีนักท่องเที่ยวที่เดินผ่านไปมาให้ความสนใจค่อนข้างมาก
อรุณรุ่ง สัตย์สวี นามปากกาของกวีและนักดนตรีวงสุดสะแนน กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่างานนี้เริ่มมาจากการได้คุยกันสองสามคน แล้วรู้สึกร่วมกันว่าเราเป็นนักดนตรี เราน่าจะทำอะไรสักอย่างเล็กๆ ร่วมกัน ก็ส่งข่าวชวนเพื่อนฝูงที่เห็นร่วมกันมาจัดกิจกรรมดนตรีเล็กๆ โดยอยากจะบอกผู้คนว่ายังมีคนที่ต้องการเลือกตั้งอยู่ ในระหว่างที่มีคนบอกว่าควรจะปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง แต่เราเห็นว่าคนที่จะมาปฏิรูปต้องเป็นคนที่ถูกเลือกโดยประชาชนส่วนใหญ่ ไม่ใช่ใครก็ได้
อรุณรุ่งเห็นว่าในตอนนี้ทางรัฐบาล กกต. หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องมีวิธีป้องกันความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้น พร้อมกับผลักดันการเลือกตั้ง และมีวิธีการปกป้องคนที่จะออกไปใช้สิทธิด้วย ไม่ใช่รัฐบาลนิ่งเฉยแบบในการเลือกตั้งล่วงหน้าที่ผ่านมา แล้วปล่อยให้ประชาชนเอาตัวรอดเอง โดยพื้นฐานการแก้ปัญหาความขัดแย้งถ้าไม่ได้เป็นไปตามระบบ จะยิ่งขัดแย้งกันมากขึ้น และอาจนำไปสู่สงครามกลางเมือง แต่การเลือกตั้งเป็นการให้ทุกๆ ฝ่ายที่ขัดแย้งกันอยู่เข้ามาใช้ระบบในการตัดสิน และจะลดความขัดแย้งลงได้
ต่อปัญหาว่าแม้จะเลือกตั้งไป ความขัดแย้งก็ยังอยู่และตั้งสภาไม่ได้อยู่ดี อรุณรุ่งเห็นว่ามันเหมือนกับเชือก ถ้าเราเห็นขดเชือกมันยุ่งๆ อยู่ ถ้าเราบอกว่าแก้ปมนี้แล้วจะไปเจอปมนี้ ปมนี้ไปเจอปมนี้ แก้ไม่มีที่สิ้นสุด แต่ถ้าถอดใจไม่แก้เลย ปัญหามันก็จะกองอยู่ตรงนั้น แต่เราควรเลือกแก้ปมที่มันอยู่ตรงหน้าเราก่อน พอถึงปัญหาต่อไป ก็แก้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดปมในเชือกเสร็จนั้น
มานพ เมืองพร้าว ช่างซอตัวแทนจากกลุ่มแนวร่วมศิลปินปี่ซอพื้นบ้านเพื่อการพัฒนาประชาธิปไตยกล่าวว่าการเลือกตั้งครั้งนี้มีความสำคัญมาก เพราะเป็นวิธีการเลือกผู้นำที่มาจากเสียงประชาชน เป็นวิธีการทราบเสียงปวงชนทั้งประเทศ และเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขความขัดแย้งในประเทศได้ ส่วนที่บอกว่าต้องปฏิรูปก่อนเลือกตั้งนั้น อยากถามว่าทำไมตอนที่ฝ่ายนั้นเป็นรัฐบาล จึงไม่ดำเนินการปฏิรูปหรือเสนอมาเลย ซึ่งเราก็รับฟัง ไม่ใช่ไม่ฟังเขา แต่กลับมาเสนอปฏิรูปตอนนี้ ทั้งที่เลือกตั้งไปแล้วจะดำเนินการปฏิรูปก็ได้
มานพกล่าวว่าการรณรงค์เพื่อพัฒนาประชาธิปไตยในตอนนี้ สมาชิกกลุ่มเห็นร่วมกันว่าปี่ซอพื้นบ้านสามารถนำมาใช้เป็นสื่อชนิดหนึ่ง ที่ใช้แพร่ขยายความคิดให้กับสังคมล้านนาได้ ศิลปินจึงนำภาษาเมืองมาร้องในเนื้อหาเกี่ยวกับประชาธิปไตยและการรณรงค์ไปร่วมเลือกตั้ง และขับร้องเป็นเพลงซอ โดยมีสมาชิกช่างปีซอจากหลายจังหวัดในภาคเหนือเข้าร่วมด้วย
อัครพงศ์ ศรีเสน่ห์ นักดนตรีวง paper space กล่าวว่าได้ทราบข่าวจากพี่นักดนตรี แม้ก่อนหน้านี้จะไม่เคยร่วมกิจกรรมใดๆ มาก่อน แต่เห็นว่าคราวนี้ต้องมาร่วม เพื่อแสดงออกให้เห็นว่าการเลือกตั้งครั้งนี้สำคัญมาก เพราะหากไม่มีการเลือกตั้ง เป็นไปได้ว่าอาจมีความรุนแรงหรือการตายเยอะขึ้น เลยคิดว่าต้องร่วมกันรักษาสิทธิตรงนี้ ในสถานการณ์แบบนี้ นักดนตรีคงเป็นได้แค่กระบอกเสียงที่มาทำให้ทุกอย่างดูนุ่มนวลขึ้น แม้เสียงเพลงจะแค่วันนี้ พรุ่งนี้ก็ผ่านไปแล้ว แต่อย่างน้อยเราก็ยังได้เขียนเพลงถึงความคิดอุดมการณ์ที่เรามี โดยตนเองเลือกนำเพลงที่เขียนเองชื่อว่า “เสรีภาพของนก” มาร้องในงานนี้