เกิดเหตุชุมนุมปิดล้อมหน้าเซเว่น-อีเลฟเว่น และบ้านพักญาติห่างๆ ที่ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อค้นหา 'ธิดา ถาวรเศรษฐ'ด้านเจ้าของบ้านให้ผู้ชุมนุมจัดตัวแทนค้นทุกซอกทุกมุม จนแน่ใจว่าไม่มีและยอมแยกย้ายกลับบ้านตอนตี 1 - เหตุเกิดหลังการประกาศผ่านช่องบลูสกายว่าประธาน นปช. อยู่ในพื้นที่ - ก่อนที่จะมีการแก้ข่าวลือในช่วงค่ำ
26 ธ.ค. 2556 - เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. ที่ผ่านมาประชาชนกลุ่มหนึ่งใน อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ได้เดินทางไปปิดล้อมเซเว่นอีเลฟเว่น สาขาท่าชนะ เนื่องจากเข้าใจว่าธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช. อยู่ในเซเว่นอิเลฟเว่น โดยล้อมไว้นับหลายชั่วโมง โดยมีการรายงานข่าวของ สำนักข่าวทีนิวส์ ด้วย
นอกจากนี้ในวันเดียวกัน หลังจากในช่วงเช้า "จ่าพงษ์ สารคาม"กล่าวผ่านรายการเสียงชนบทไทย ทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม บลูสกาย โดยเรียกธิดา ถาวรเศรษฐว่า "นกแสก"ได้หนีมาอยู่บ้านญาติที่ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี และแจ้งที่ตั้งของบ้านอย่างละเอียด ได้มีประชาชนหลายสิบคนและต่อมาเพิ่มเป็นหลายร้อยคนเดินทางไปยังบ้านดังกล่าวที่มี พนอศรี ถาวรเศรษฐ์ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ญาติห่างๆ ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับประธาน นปช. อาศัยอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว และกำลังดูแลมารดาอายุ 103 ปี
โดยประชาชนเหล่านั้นได้สอบถามเจ้าของบ้านว่าประธาน นปช. มาอยู่ในบ้านหรือไม่ และมีการเข้าไปในบ้านเพื่อขอสำรวจ โดยมีประชาชนในละแวกใกล้เคียงแวะเวียนมาสำรวจหลายกลุ่มในช่วงบ่าย จากนั้นมีประชาชนจากจังหวัดอื่นในภาคใต้ที่กำลังกลับมาจากที่ชุมนุม กปปส. ในกรุงเทพฯ เพื่อกลับภูมิลำเนา ได้แวะที่บ้านหลังดังกล่าวเพื่อขอสำรวจด้วย โดยมีการสำรวจทุกซอกทุกมุม จนกระทั่งเมื่อเข้าใจแล้วว่าประธาน นปช. ไม่ได้อยู่ในบ้านดังกล่าว ทุกกลุ่มได้เลิกกลับไปหมดในเวลา 01.30 น. เข้าสู่วันที่ 24 ธ.ค
ทั้งนี้ได้มีการประกาศในช่วงหัวค่ำของวันที่ 23 ธ.ค. โดยอัญชะลี ไพรีรัก พิธีกรบนเวที กปปส. อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ให้ประชาชนที่ไปล้อมบ้านหลังดังกล่าวแยกย้ายกลับบ้านด้วย เพราะข่าวที่ว่าประธาน นปช. ไปอยู่บ้านหลังดังกล่าวนั้นไม่เป็นความจริง
เหตุการณ์ล้อมบ้านในช่วงเช้าวันที่ 23 ธ.ค. ก่อนที่จะมีการรวมตัวของประชาชนกลุ่มใหญ่ขึ้นในช่วงบ่ายและค่ำ
อนึ่ง พนอศรี ถาวรเศรษฐ ได้เผยแพร่ข้อความเล่าประสบการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านด้วย โดยเขียนเป็นบทความขนาดสั้นลงในเฟซบุ๊คบัญชีส่วนตัวตั้งชื่อว่า "เมื่อบ้านดิฉันถูกม็อบล้อมกว่าพันคน: อันมาจากข่าวลือ"ตอนที่ 1และ ตอนที่ 2เล่าอย่างละเอียดถึงเหตุการณ์ที่มีประชาชนมารวมตัวกันหน้าบ้านและเข้ามาขอค้นบ้าน โดยผู้เขียนระบุว่า "ขอนำบทเรียนครั้งนี้ไปใคร่ครวญถึงปัญหาบางส่วนที่ร้าวลึกของสังคมไทยคงต้องยํ้าถึงเจตนารมย์ในการเขียนครั้งนี้มิได้เจตนาร้ายใดๆ เขียนด้วยความเข้าอกเข้าใจอารมณ์ม็อบ และไม่ได้โกรธม็อบ"และยินดีให้เผยแพร่ข้อความหากเห็นว่ามีประโยชน์
โดยตอนท้ายของบทความตอนที่ 2 ผู้เขียนให้ข้อสังเกตว่า
"2. เหตุเกิดครั้งนี้เเพราะข่าวลือที่ไม่มีมูลความจริงแม้แต่น้อยนิด การแจ้งข่าวและแก้ข่าวทำได้ช้า และเพียงครั้งเดียวจนม็อบขยายต่อจนรถติด 4-5 กม.จากรถกะบะและรถบัสที่เข้ามา"
"2.1 ถามไปถามมาว่าข่าวลือมาจากไหน สรุปได่ว่า มีคนในตลาดถามคนที่พยาบาลดูแลแม่ว่า "ได้ข่าวว่านกแสกมาอยู่ที่บ้าน? หรือไง"คนตอบก็ประชดว่า "อยู่! ถ้าอยากเห็นก็ไปดูซิ"ตั้งแต่นั้นมาก็คง "ฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียด"ทำนองนั้น ซื้ออะไรเข้าบ้านก็ลือว่าซื้อให้นกแสก มีคนหลายคนบอกว่าดิฉันหน้าตาละไม้คล้ายนกแสก! (มึน!) ปกติเวลามาที่บ้านแม่ ดิฉันไม่ค่อยมีเพื่อนที่คุ้นเคย และโดยที่เป็นภูมิแพ้ โดยเฉพาะแพ้ขี้ฝุ่น ดิฉันจึงไม่ค่อยออกไปไหน ตลาดนัดที่มี 3ครั้ง/สัปดาห์ ก็ไปน้อยมาก และยังมีจุดอ่อนที่ถ้าถูกนํ้าค้างตอนคํ่าจะเป็นหวัดน้ำมูกไหล การออกกำลังกายโดยเดินตอนเย็นๆ คํ่าๆ จึงสวมหมวกเป็นกิจวัตร เพื่อนๆ รู้พฤติกรรมส่วนตัวนี้ดี & ยังเอามาล้อเลียนเสมอเมื่อจัดงานกลางแจ้งทีไรดิฉันเป็นคนเดียวที่สวมหมวกตลอดเวลา! การสวมหมวกจึงทำให้ลือไปว่านกแสกปิดหน้ากลัวคนรู้จักเพราะที่นี่คนเกลียดมาก ดิฉันมักจะสั่งกะปิเคยที่นี่ไปฝากเพื่อนๆ เขาก็ลือว่าซื้อให้นกแสกที่กำลังจะหนีต่อ!& อีกหลายลือที่มีคนมาเล่า น่าอัศจรรย์จริงๆ เขามาเล่าขำจนมึน ข่าวลือต่างจังหวัดนี้ร้ายแรงจริงๆ!!"
"2.2 มีผู้ไม่ประสงค์ดีส่งข่าวถึงบลูสกาย รายการจ่าพงษ์ประกาศตามที่เล่าแล้วในตอนที่ 1 ดิฉันข้องใจจริงๆ ว่าทีวีระดับนี้ ทำไมไม่กรองข่าว & เช็คข่าวก่อน ความน่าเชื่อถือของสื่อสำคัญมาก เมื่อรู้ว่าเข้าใจผิดก็แก้ข่าวช้ามาก พยายามติดต่อให้พูดอีกครั้งก็มาพูดเช้าวันที่ 25 ธ.ค. อย่างไรก็ตาม ตอนคํ่านี้ เวทีราชดำเนินที่บลูสกายถ่ายทอดสดจะให้โอกาสญาติพี่น้องดิฉันไปขึ้นเวทีเพื่อบอกเจตนารมณ์ว่าสังคมต้องแยกแยะ อย่าเหมารวม ใครมีพฤติกรรมที่ไม่ชอบก็ไปโต้แย้งสู้รบปรบมือกับผู้นั้นโดยตรง ขอได้โปรดอย่าเอาญาติพี่น้องไปเกี่ยว โดยเฉพาะญาติที่ไม่รู้ไม่เห็น ไม่ได้มีทัศนคติและอุดมการณ์เดียวกัน ดิฉันไม่ถนัด & ไม่ชำนาญในการขึ้นเวทีไฮปาร์ค และยังมีภารกิจต้องอยู่ดูแลแม่ ไม่สามารถไปได้ ญาติๆ ไปกันหลายคนซึ่งส่วนใหญ่อยู่กรุงเทพฯ"