เลขาธิการ กปปส. วอนผู้ชุมนุมอย่าฟังปลัดกลาโหมพูดหนุนเลือกตั้ง ที่มีน้ำยาจริงคือ ผบ.เหล่าทัพ ขู่หาก รบ.ดื้อจัดเลือกตั้ง "จะเกิดแอคซิเด็นท์"เตือนยิ่งลักษณ์อยากอยู่เมืองไทยต้องลาออกรักษาการ มิเช่นนั้นต้องตามพี่ชายไปอยู่ดูไบ - จะต้องหาครูสอนลูกพูดภาษาอาหรับ เพราะจะไม่มีโอกาสได้พูดภาษาไทยอีก
สุเทพ เทือกสุบรรณ ปราศรัยเมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2556 ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย (ที่มา: Blue Sky Channel)
สุเทพจวกเวทีปฏิรูปที่ศูนย์สิริกิต์ รัฐบาลเตี๊ยมไว้แล้ว
16 ธ.ค. 2556 - เมื่อเวลา 20.30 น.วานนี้ (15 ธ.ค.) สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ได้กล่าวปราศรัยที่เวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ตอนหนึ่งกล่าวถึงเวทีระดมความคิดเห็นของรัฐบาลที่ศูนย์สิริกิต์ โดยสุเทพกล่าวว่า ทำเป็นว่าระดมความคิด ระดมสมอง พวกผมรู้ทันว่ามีการเตี๊ยมกันไว้แล้ว ใครเป็นคนพูดปิดท้ายต้องสรุปอย่างไร ผมรู้ว่าใครพูดอย่างไร รัฐบาลจะสรุปว่าคนส่วนใหญ่เห็นว่าไปเลือกตั้ง ผมก็ปรึกษาพี่ๆ น้องๆ ว่าอย่าไปรับรองความชอบธรรม เราถึงไม่ไปครับ แต่ว่าขนาดคนที่รัฐบาลคัดกรองแล้ว ซึ่งต้องเข้าข้างรัฐบาล แต่เอาเข้าจริงครึ่งหนึ่งบอกว่าต้องปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง นอกจากนี้คนที่ต้องขอสรรเสริญเป็นพิเศษ คือ นายกังวาล พุทธิวนิช เพราะสิ่งที่คุณกังวาลแสดงวันนี้ชั้นยอด เหนือทุกคน แต่งตัวหล่อ เข้าห้องประชุม ทักทายแล้วนำป้ายไปติดหน้าเวทีว่า "เอ็งออกไป ประเทศมีทางออกเอง"ผมรู้ว่าคุณมีหน้าที่การงานใหญ่โต ถ้าเสร็จงานนี้นายสุเทพไม่ติดคุกเสียก่อนขอเชิญกินข้าวสักมื้อ ผมถือว่าวันนี้สุดยอดจริงๆ
อัดปลัดกระทรวงกลาโหมพูดหนุนเลือกตั้งไปเอง ไม่เกี่ยวกับ ผบ.เหล่าทัพ
ส่วนคนที่น่าอเนจอนาถ ต้องโดนตำหนิ คือ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม เพราะในการสัมมนากัน ถูกเตี๊ยมให้เป็นคนพูดคนสุดท้าย แล้วพูดว่าทหารมีทั้งหมด 4.2 แสนหมื่นคน และผู้บัญชาการเหล่าทัพสนับสนุนให้เลือกตั้งก่อนปฏิรูป ตนบอกกับพี่น้องว่าผู้บัญชาการเหล่าทัพ ไม่ได้พูดอย่างนั้น ปลัดกลาโหมพูดเอาเอง ตนยืนยันได้ ไม่แปลกใจทำไมปลัดกลาโหมพูดจาอย่างนั้น เพราะที่ได้เป็นปลัดกลาโหมก็เพราะได้ดีเพราะพี่ให้เหมือนกัน จริงๆ แล้วอาวุโสน้อยกว่า เป็นเตรียมทหารรุ่น 14 ส่วนผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารอากาศ เป็นเตรียมทหารรุ่นที่ 12 เป็นรุ่นพี่ทั้งนั้น แต่ไอ้นี่แซงเพื่อนขึ้นมาเพราะทักษิณสั่งว่าต้องคนนี้
เพราะฉะนั้นเลยถือโอกาสอ้างความเป็นปลัดกระทรวงกลาโหม พูดแทน ผบ.สส. ผบ.เหล่าทัพว่าทหารทุกคนสนับสนุนให้ไปเลือกตั้งก่อนปฏิรูป ผมจำเป็นต้องชี้แจงกับพี่น้อง เพราะผมรู้ว่าภาพพจน์ทหารล่อแหลมมาก ผมเป็นกำนันผมพูดตรงๆ เพราะว่าพี่น้องประชาชนทั้งประเทศคาดหวังว่าทหารจะตัดสินใจอยู่ข้างประชาชนทันทีทันใด นี่คือสิ่งที่ประชาชนคาดหวัง แต่พี่น้องทหารเหล่านั้น เขายังมีความจำเป็นมีปัญหาในข้อกฎหมาย ระเบียบวินัยทหาร เขาต้องติดตามดูสถานการณ์จนถึงที่สุด ผมเคยทำงานใกล้ชิดร่วมเป็นร่วมตายกับทหารเหล่านั้น ตอนเป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ปี 2552 และ 2553 ทำงานมาด้วยกัน สู้มาด้วยกัน
อ้าง 10 เมษายน 53 เจ้าหน้าที่มีแต่โล่ กระบอง พล.อ.ร่มเกล้าตายเพราะแกนนำเสื้อแดงอาฆาต
โดยตอนหนึ่งสุเทพได้อ้างเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองในปี 2552 และ 2553 ว่า มีการเดินขบวนชุมนุม บนถนนราชดำเนินเหมือนกัน แต่เขาตั้งเวทีที่สะพานผ่านฟ้า ขยายพื้นที่มาคนไม่มาก แต่ตีคลุมพื้นที่ถนนทั้งสาย ประชาชนเดือดร้อนหมด ใช้ไม่ได้เลยถนนนี้ สะพานพระราม 8 ใช้ไม่ได้ สะพานปิ่นเกล้าใช้ไม่ได้ เจรจาขอพื้นที่คืนเขาไม่ยอมทั้งนั้น แล้วไม่ได้ชุมนุมโดยสงบแบบที่พี่น้องมาชุมนุมกัน ที่ชุมนุมก็ชุมนุม ที่เอาปืนไปยิง เอาระเบิดไปยิงก็ทำทุกวัน ชุมนุมแห่งเดียวไม่พอ ขยายไปชุมนุมที่ราชประสงค์เพื่อให้กรุงเทพฯ เป็นอัมพาตให้คนกรุงเทพฯ เดือดร้อนทั้งเมือง
เมื่อต้องแบ่งเวที จำนวนคนก็น้อยลง แต่ยังยึดถนนราชดำเนินไว้ไม่ให้ใครใช้ วันนั้นพวกผมซึ่งเป็นรัฐบาลเมื่อเห็นพี่น้องประชาชนเดือดร้อน จำเป็นต้องมาขอพื้นที่คืน บอกตรงๆ ว่าวันที่พวกผมเป็นรัฐบาล ตำรวจกรุงเทพฯ ผมใช้ไม่ได้เลย เพราะเป็นตำรวจมะเขือเทศทั้งสิ้น เมื่อตำรวจไม่ทำงาน ผมต้องไปขอเจ้าหน้าที่ทหาร ให้ออกมาช่วยดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง วันที่ 10 เมษายน 2553 เจ้าหน้าที่ทหารออกมาปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของผม มามือเปล่า มีเพียงโล่ กระบอง แล้วถูกคนฝ่ายนั้นแต่งตัวใส่ชุดดำแบบผมใส่วันนี้ แล้วเอาถุงไอ้โม่งคลุม เจาะลูกตา เอาอาวุธสงครามยิงทหารตรงนั้น พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม ทหาร 5 คนตายตรงนั้น
สุเทพกล่าวว่า พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม เป็นทหารที่ดี เมื่อปี 2552 เมื่อคนเสื้อแดงมาชุมนุม เราแก้สถานการณ์จนเขาเลิกชุมนุมกลับบ้านหมดไม่มีคนตาย แต่ถูกแกนนำ นปช. ใส่ความว่าทหารฆ่าประชาชน เอาศพไปทิ้ง พี่น้องครับ พวกมันมาก สถานีโทรทัศน์มันก็มี เราแย่เลยครับ แต่ พ.อ.ร่มเกล้าในเวลานั้นมาหาและบอกว่าแกเก็บภาพปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ทั้งหมด ยินดีเดินสายไปจังหวัดต่างๆ ชี้แจงทั่วประเทศว่าทหารเป็นทหารประชาชน ไม่ได้ฆ่าประชาชนเลย พอมาปี 2553 พล.อ.ร่มเกล้าถึงได้ตายเพราะพวกระยำมันอาฆาต เข้าพื้นที่สังหารมันจัดการเลย
ก่อนวันที่ 10 เมษายน วันเดียว เกิดเหตุที่สถานีดาวเทียมไทยคม ลาดหลุมแก้ว ผมเป็นคนสั่งให้ตัดสัญญาณโทรทัศน์ช่องเสื้อแดง ต้องทำที่สถานีไทยคม ส่งเจ้าหน้าที่ทหารไปรักษาไม่ให้มวลชนเสื้อแดงพังสถานีไทยคม ปรากฏว่าทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งผม ผมสั่งไม่ให้ถืออาวุธ เลยถูกคนเสื้อแดงที่มีจตุพร ณัฐวุฒิ หลายหมื่นคน ไปล้อมทุบตีทหารแตกพ่ายไม่เป็นขบวน เพราะมือเปล่า ประชาชนที่เห็นภาพก็ต้องสลดใจ เพราะเห็นมวลชนทุบตีทหารบาดเจ็บ ทหารส่วนใหญ่ถอนหมด เหลือ 20 คนติดในอาคารไทยคม ออกมาไม่ได้ ขึ้นไปอยู่บนดาดฟ้า ของสถานีดาวเทียมไทยคม พี่น้องทั้งหลาย มีนายตำรวจขึ้นไปเกลี้ยกล่อม บอกให้วางอาวุธแล้วเดินลอดขาคนเสื้อแดงออกมาจะปล่อยให้มีชีวิตรอด บังเอิญหัวหน้าทหารที่ติดข้างบนนั้นคือ พ.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ เป็นเพื่อนกับคุณร่มเกล้า พี่น้องนึกสิครับความสัมพันธ์เป็นอย่างไร ผมอาศัยบ้านเขาอยู่ที่กรมทหารราบที่ 11 แต่ผู้การกรมติดอยู่ที่ไทยคม ไม่รู้ว่ารอดหรือตาย พล.อ.ร่มเกล้าเดินมาบอกผมว่า พี่เป็นผู้บังคับบัญชาที่นี่ พี่โปรดสั่งว่าอย่าให้เพื่อนผมวางอาวุธ พวกผมเป็นทหารมีศักดิ์ศรี ให้เดินลอดหว่างขาคนเสื้อแดงกลับบ้าน ให้พวกผมตายดีกว่า ขอตายด้วยศักดิ์ศรี
แล้วผมขอให้ พล.อ.ร่มเกล้า ต่อโทรศัพท์ถึงนายทหารที่ติดบนดาดฟ้า คือ พ.อ.อภิรัชต์ ผมบอกว่าไหวไหม ไม่มีคนเข้าไปช่วยได้นะ เขาตอบว่าพี่ครับ พี่ทำตามที่ร่มเกล้าบอก ให้ผมอยู่อย่างมีศักดิ์ศรีดีกว่าเดินลอดขาคนเสื้อแดงออกมา โชคดีที่ทั้งหมดนั้นรอด เพราะเขาไม่ยอม และไม่มีใครกล้าปลดอาวุธพวกเขา และคนเหล่านั้นเป็นผู้ตัดสัญญาณไทยคม ทำให้ฝ่ายรัฐบาลไม่เสียเปรียบ แต่ พล.อ.ร่มเกล้า ถูกหมายหัว เมื่อ พล.อ.ร่มเกล้า กับเจ้าหน้าที่ผู้บังคับบัญชาทั้งทีมมาปฏิบัติการตรงนี้ในพื้นที่สังหาร เพราะไม่คิดว่าคนไทยด้วยกันจะทำกับคนไทยด้วยกันกลางกรุงเทพมหานคร เขาจึงเสียชีวิต
สลายชุมนุม 53 คดีพลิกเพราะแดงได้อำนาจรัฐ ยันสุเทพ-อภิสิทธิ์บริสุทธิ์จึงไม่ต้องการกฎหมายนิรโทษกรรม
และผมเรียนพี่น้องครับ เหตุการณ์ปี 2553 กว่าจะจบได้ เฉพาะที่เสียชีวิตในกรุงเทพที่เป็นตำรวจ ทหาร ประชาชนธรรมดาอย่างแม่ค้าขายข้าวแกง และคนอื่นๆ ทั้งหมดมี 88 คน ที่เสียชีวิตทั้งหมดนั้น อย่างน้อยที่สุด มี 17-18 คนที่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ ทำหลักฐานว่าตายเพราะคนเสื้อแดง และเสื้อดำ แต่วันนี้แกนนำคนเสื้อแดงเป็นรัฐมนตรี คนสั่งการคือทักษิณอยู่ต่างประเทศ สถานการณ์พลิกเพราะเขามีอำนาจรัฐ เขาถึงสั่งดำเนินคดีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และสุเทพ เทือกสุบรรณว่าเป็นคนสั่งการ
แต่พี่น้องสังเกตไหมครับ อภิสิทธิ์และสุเทพ เป็นจำเลย มีโอกาสติดคุก ฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล แต่ทั้งอภิสิทธิ์ และผม ต่อสู้ไม่ยอมรับกฎหมายนิรโทษกรรมที่เขายกเว้นโทษให้ พวกมันบอกไม่ได้ทำ ไม่เกี่ยว พยายามจะออกกฎหมายล้างผิดให้คนทำผิดทั้งหมด ผมถึงบอกพี่น้องว่าพวกนี้มีเล่ห์เหลี่ยมชั้นเชิงมาก ก่อนจะถึงวันนี้ วันที่ปลัดกระทรวงกลาโหมจะออกมาพูดว่าทหารทั้งหมดยืนข้างรัฐบาล สนับสนุนให้เลือกตั้งก่อนปฏิรูป ก่อนหน้านี้ไม่นาน แกนนำเสื้อแดงประณามทหารว่าเป็นฆาตรกร อยู่แก๊งค์อภิสิทธิ์ สุเทพ พี่น้องครับ ฆ่าทหารทีหนึ่งแล้วยังไม่พอ ยังประณามเขาอีก ใส่ร้ายติดต่อมาเกือบสามปีแล้ว พูดให้เขาเสียๆ หายๆ ครอบครัวญาติพี่น้องเขาเสียใจขนาดไหนไม่รู้ แต่วันนี้หน้าด้าน หน้าตาเฉยมานับทหารเป็นพวกแล้ว ทั้งที่ทหารเขาประกาศมาตลอดว่าเขาไม่ยุ่งเกี่ยวกับการต่อสู้ทางการเมืองขณะนี้ เขาไม่อยู่ข้างใคร เขาอยู่ข้างรัฐบาลก็ไม่ใช่ ข้างเราก็ไม่ใช่ เขาอยู่ข้างประเทศไทย
ย้ำอีกไม่ต้องฟังปลัด กห. ที่มีน้ำยาจริงคือ ผบ.เหล่าทัพ
ผมบอกพี่้น้องตรงๆ ตำรวจอยากจะลุยเรามานานเรา อยากเอาหน้า อยากสลายม็อบ อยากชิงตัวสุเทพ ซ้อมกันเยอะแยะ ที่ไม่กล้าทำ เพราะทหารเขาไม่ยอมให้ทำ พี่น้องนี่คือข้อเท็จจริง ถ้าทหารแสดงตัวเข้าข้างรัฐบาล ป่านนี้พวกเราน่วมแล้ว ผมพูดไม่ได้ตั้งใจพูดจาให้เขาสบายใจหรืออะไรทั้งสิ้น แต่ผมรักความถูกต้อง เป็นธรรม ผมเชื่อว่าการที่ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ทำให้พี่น้องประชาชนคนไทยเข้าใจทหารผิดหมด ผมไม่อยากเห็น เขาจะช่วยเรา ไม่ช่วยเรา เข้าข้าง หรือไม่เข้าข้างเรา แต่เราให้ความเป็นธรรมกับเขา เขามีความจำเป็นของเขา เรามีความจำเป็นของเรา ว่ากันตรงไปตรงมา ผมไม่เคยไปพูดจาอะไรกับเขา เวลาไปพบก็ไปพบเปิดเผยแบบเมื่อวานที่ไปเจอ ผบ.สส. ผบ.เหล่าทัพ พี่น้องดูทีวีก็ได้ยินทุกคำ ผมก็กลับมาอธิบายพี่น้องที่เวทีเหมือนกันทุกคำ
ผมบอกว่านี่ถ้าเป็นเมื่อก่อนรัฐบาลทำชั่ว ทำเลวอย่างนี้ ทหารปฏิวัติไปแล้ว แต่ผมรู้จักพวกท่าน เป็นทหารรุ่นใหม่ เป็นทหารหัวใจประชาธิปไตย ไม่ต้องการทำปฏิวัติ และพวกผมประชาชนไม่ต้องการให้ท่านปฏิวัติแล้ว ขอให้ปล่อยให้เป็นเรื่องของประชาชน ให้ประชาชนจัดการเอง
ที่จริงผมอยากพูดต่อ เดี๋ยวยายยิ่งลักษณ์ รมว.กลาโหม จะไปเล่นงาน ผบ.เหล่าทัพ ผมอยากพูดต่อว่าถ้าท่านไม่เข้าข้างรัฐบาล พวกเราประชาชนก็ขอบคุณแล้ว อยู่เฉยๆ ดีแล้ว แต่วันนี้พอเห็น พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็กพูด ผมกลัวทหารจะไม่สบายใจ เพราะประชาชนจะเข้าใจผิด จึงขอบอกว่า อย่าไปฟัง พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ไม่มีน้ำยาอะไร ที่มีน้ำยาจริงคือ ผบ.เหล่าทัพ สามเหล่า และเป็นปลัดกระทรวงกลาโหมไม่มีสิทธิ ไม่มีอำนาจเหนือผู้บัญชาการเหล่าทัพ พูดแทนเหล่าทัพไม่ได้ นิพัทธ์ ทองเล็ก จำไว้ด้วย เลยขอให้พี่น้องแยกปลัดกระทรวงกลาโหมออกจากกองทัพ จาก ผบ.สส. และ ผบ.เหล่าทัพ
บอกผู้ชุมนุมขอให้มั่นใจรัฐบาลอยู่ได้อีกไม่กี่วัน-ที่ผ่านมาประเมินผิด ขอยืนยันจะสู้จนชนะ
พี่น้องทั้งหลาย ไม่ว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์จะดึงดันอย่างไร ขอให้พี่น้องมั่นใจเถิดครับว่าพวกเขานับถอยหลังแล้ว อยู่ได้อีกไม่กี่วัน แน่นอน แน่นอน ไม่เคยมีรัฐบาลทรราชย์ที่ไหนในโลกที่จะชนะพลังของประชาชนได้ นี่คือสัจจะธรรมของโลก คุณยิ่งลักษณ์จะดื้อ จะด้านอย่างไร วันนี้ไม่สามารถต้านทานพลังประชาชนได้
ผมเห็นแววตา เห็นสีหน้า เห็นท่าทีของพี่น้องประชาชน ที่เดินบนถนนหรืออยู่ข้างถนนแล้วเอาข้าว น้ำ ผลไม้ เลี้ยงคนอื่นในวันที่ 9 ธันวาคม ผมรู้แล้วว่าระบอบทักษิณจบสิ้นจากประเทศไทยแน่นอน ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นไปได้ ช้าหรือเร็ว กี่วัน ผมไม่ใช่หมอดู ตอบไม่ได้ และผมประเมินจิตใจคนพวกนี้ผิดแล้วผิดอีก แต่ตัดสินใจร่วมกับพี่น้องทั้งหลายว่า กูจะสู้กับมึงจนกว่าชนะ กี่วันกี่เดือนก็ตามใจมัน
แล้วผมเตือนคุณยิ่งลักษณ์ว่าอย่าท้าประชาชน อย่าดูถูกประชาชน มีคนมาบอกผมว่า ผมขออภัยที่ไม่อนุญาตเขา ผมไม่ขอเอ่ยชื่อ มีคนมาผมเมื่อคืนบอก พี่กำนัน ถ้าคุณยิ่งลักษณ์เขาท้าว่ามีคนออกมาสิบล้าน เขาถึงจะออก พี่กำนันตกลงไหม
พี่น้องทั้งหลาย ผมยังไม่ทันได้ตอบเลย แกตอบเองเสร็จ ถ้าเขาท้าอย่างนั้นรีบไปรับคำท้าเลย แล้วบอกว่าประชาชนจะออกมาสิบล้าน แต่ตระกูลชินวัตรต้องออกนอกประเทศไทยทั้งตระกูล
แะนำยิ่งลักษณ์ถ้าคิดอยู่ในประเทศไทย ให้ลูกโตอย่างมีความสุข ต้องลาออกจากรักษาการ
ผมอยากให้คุณยิ่งลักษณ์ ดูทีวี บลูสกายบ้าง อย่าให้ลูกน้องปิดหูปิดตา โง่น่ะ เขารู้ทั้งเมืองแล้ว แต่ถ้าโง่แล้วตาบอดด้วยจะตายเร็วขึ้น รักษาชีวิตเอาไว้ คือคุณยิ่งลักษณ์ ถ้าคุณเบิกตาให้กว้าง ดูให้ทั่ว คุณจะสัมผัสได้ด้วยตัวคุณเอง ไม่ต้องให้ใครบอก ว่านี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่คุณจะเลือกได้ ถ้าคิดอยู่ในประเทศไทย อยากให้ลูกเติบโตอย่างมีความสุขในแผ่นดิน ลาออกจากรักษาการ แล้วก็เรื่องจบ ผมรู้ว่าคุณขี้อิจฉา คุณไม่ต้องอิจฉาผม หน้าตาผมน่ะดูไม่ดีกว่าคุณหรอก ดำอย่างนี้แต่คนรักมากกว่าคุณเยอะ ผมจะบอกให้ แล้วผมประกาศแล้วว่าแม้คุณจะลาออกจากรักษาการนายก ไม่แต่งตั้งใครรักษาการต่อ เปิดโอกาสให้ประเทศนี้ได้มีคนดีๆ มาเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อทำการปฏิรูปประเทศให้เสร็จ แล้วไปเลือกตั้งกันใหม่ คนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ใช่ผม ไม่อยากเป็น ผมชอบที่เป็นกำนันแก่ๆ อย่างนี้พอใจแล้ว
แล้วคุณไม่ต้องคิดมาก ไม่อยากพ้นตำแหน่ง ไม่อยากแพ้กำนันสุเทพ ที่คุณแพ้ไม่ใช่ผม คุณแพ้ประชาชนชาวไทย เพราะฉะนั้นถ้าคุณไม่ดื้อด้าน ออกมาพูดดีๆ กับประชาชนว่า ดิฉันเห็นแก่พี่น้องประชาชนทั้งหลายยินดีลาออกจากรักษาการนายกรัฐมนตรี ไม่ตั้งใครรักษาการ เท่านี้คนไทยให้อภัยคุณหมด บ้านเมืองเรียบร้อย ชาวบ้านก็ได้กลับบ้าน
แต่ถ้าคุณยังดื้อด้าน ให้สมุนบริวารจัดฉาก จะต้องไปเลือกตั้ง จะต้องไปเลือกตั้ง คนจะเกลียดคุณเพิ่มขึ้นทุกวัน อีกไม่นานหน้าคุณจะดำกว่าหน้าผม แล้วผู้หญิงอย่างคุณถ้าหน้าดำเหมือนผมก็ไม่มีราคาเลยเชียวผมจะบอกให้ ขอให้คุณยิ่งลักษณ์ได้เข้าใจว่าจะชวนคนเขาไปเลือกตั้งเขาไม่ไปแน่นอน ที่เขามาสู้อยู่ทุกวันนี้ ทุกข์ยากมาเป็นเดือนๆ เขาต้องการให้ประเทศนี้ไม่มีระบอบทักษิณอีกต่อไป ประชาชนเขาต้องการปฏิรูปประเทศไทย สิ่งที่เขาต้องการปฏิรูปคือกฎหมายเลือกตั้ง ถ้าใช้กฎหมายปัจจุบัน พวกคุณกลับมาอีก ระบอบทักษิณกลับมาอีก เขาไม่เอา
ชีวิตพี่น้องประชาชนเขามีภาะรหน้าที่ มีงานการต้องทำ เขาไม่ได้โกงชาติบ้านเมืองแล้วรวยเหมือนพวกตระกูลคุณ เพราะฉะนั้นเขาไม่มีเวลามาสู้ทั้งปีทั้งชาติ เขาสู้ให้สะเด็ดน้ำไปเลย เป็นตายแพ้ชนะรู้กันหนนี้หนเดียว แล้วกลับไปทำมาหากินเว้ย เขาถึงไม่ไปเลือกตั้ง เขาต้องการปฏิรูปให้เสร็จ แก้กฎหมายเลือกตั้ง กฎหมายพรรคการเมือง มั่นใจว่าการเลือกตั้งบริสุทธิ์ ยุติธรรม แล้วเขายินดีให้เลือกตั้ง พูดภาษาคนแบบนี้เข้าใจไหมยิ่งลักษณ์
ขู่หากรัฐบาลจัดเลือกตั้ง ก็จะ 'เกิดแอคซิเด็นท์'ไม่ราบรื่น บ้านเมืองวุ่นวาย
แล้วก็ด้านอยู่นั่นแหละ จะชวนให้ไปเลือกตั้งลูกเดียว ก็กูไม่ไป กูไม่ไป จะชวนกูไปไหน ก็บอกแล้วว่าเลือกตั้งสูตรเดิม กติกาเดิม พวกมึงก็โกงอีก มึงก็ซื้อคะแนนอีก แล้วมึงกลับมาเป็นรัฐบาลอีก แล้วโกงอีก พวกกูต้องมาใหม่ ไม่ไหวเว้ยเหนื่อย แล้วก็ประกาศเลยว่าถ้ายังดื้อดึงดันจะจัดการเลือกตั้งให้ได้ ผมบอกเลยคุณยิ่งลักษณ์ไม่มีทางได้เลือกตั้ง และถึงแม้เลือกตั้ง ไม่มีทางราบรื่น ไม่มีทางได้ ส.ส. ครบทุกเขต อย่างน้อยที่สุดกรุงเทพฯ และสุราษฎร์ ไม่มีคนได้รับเลือกตั้งแน่นอน
ผมเว้น จ.ตรัง ไว้ให้คุณสาทิตย์มาประกาศเองก็แล้วกัน ไม่ใช่ผมอวดดี ไม่ใช่ผมเป็นกำนันอิทธิพล แต่คนสุราษฎร์ได้เข้าเวรมาผลัดเปลี่ยนมาเวทีนี้หมดแล้ว และไม่มีใครยอมไปเลือกตั้งกับมัน แล้วผมคาดการณ์ได้เลยพี่น้องครับ คนบ้านผม คนสุราษฎร์เขาเป็นคนชนบท เขาไม่มีเวลามาอ้อร้อดีดดิ้นแบบนายกรัฐมนตรี เขาทำตรงไปตรงมา แล้วผมเชื่อเลย ในเมื่อประชาชนส่วนใหญ่เขาไม่ต้องการไปเลือกตั้ง ถ้าขืนให้มีการเลือกตั้ง พอถึง 2 ก.พ. กรรมการหน่วยเลือกตั้ง เขาจะไม่ไปรับบัตรเลือกตั้ง ไม่ไปรับหีบเลือกตั้ง แล้วมึงจะเลือกกันได้อย่างไร ถ้ามีกรรมการไปรับหีบ ไปรับบัตรเลือกตั้ง มากลางทางแล้วโยนทิ้งโครมเสีย มันบอกไม่รู้เกิดอะไรขึ้นมันแอคซิเด็นท์ ลอยน้ำไปหมดแล้ว แล้วมึงจะทำอย่างไร
ผมรู้ผมเป็นกำนัน ลูกบ้านผม เวลาเขาคิดอะไร เขาทำดื้อๆ อย่างนี้แหละ แล้วจะเอาผู้แทนที่ไหนมาครบ มันจะราบรื่นได้อย่างไร บ้านเมืองก็จะวุ่นวายไป ส่วนเราก็สู้ไปเรื่อยๆ จนกว่ามึงจะขาดใจตายไปเอง ช่วยไม่ได้แล้ว
ลั่นถ้าไม่เชื่อสุเทพ เตรียมหาครูสอนภาษาอาหรับให้ลูกได้
เพราะฉะนั้นยังมีเวลาที่พูดดีๆ กันได้อยากจะมาขึ้นเวทีนี้สักทีไหม ผมจะมารับไปเอง เอ้อ มาสบตาประชาชนด้วยตัวเองสักทีสิ รับรองว่าประชาชนที่นี่ไม่โหดร้ายกับคุณ ที่นี่คนดีๆ ทั้งนั้น ขอให้คุณมีใจกับเขา เขาพร้อมที่จะให้อภัย และคุณและลูกคุณก็สามารถอยู่ประเทศไทยได้ ไม่ต้องไปอยู่ดูไบกับทักษิณ ไม่เชื่อผมก็ตามใจ ถ้าไม่เชื่อผม เตรียมหาครูมาสอนภาษาอาหรับให้ลูกคุณได้แล้ว และลูกคุณไม่มีโอกาสได้พูดภาษาไทยทั้งชีวิตนี้เพราะไม่ได้กลับบ้าน
เปิดตัว กปปส.จังหวัด เล็งนัดชุมนุมใหญ่อีกรอบใน กทม.
หลังจากนั้น สุเทพได้ประกาศว่าจะมีการจัดเวทีสาธารณะเรื่องการปฏิรูป โดยย้ำว่าจะเป็นการปฏิรูปประเทศก่อนเลือกตั้ง ต่างจากของรัฐบาล โดย วันที่ 17 ธ.ค. 13.00 น. ที่หอประชุม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 18 ธ.ค. เวลา 13.00 น. ที่รามคำแหง หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยรามคำแหง 9 ธ.ค. เวลา 13.00 น. ที่สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือนิด้า และในวันเดียวกัน ที่หอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พนักงานรัฐวิสาหกิจ 42 แห่งจะมาประชุมกันเรื่องปฏิรูปการเมือง
นอกจากนี้มีการประกาศรายชื่อคณะกรรมการ กปปส. จังหวัด ได้แก่ จ.พิษณุโลก จ.นนทบุรี จ.เชียงใหม่ จ.นครศรีธรรมราช จ.ปราจีนบุรี จ.ขอนแก่น และ จ.สงขลา
ตอนท้ายสุเทพกล่าวว่า "เรากำลังสร้างประวัติศาสตร์ การต่อสู้ของเราต้องจารึกไว้ชั่วลูกชั่วหลาน และพวกเราจะแน่วแน่ ต่อสู้อย่างสันติ อหิงสา ปราศจากอาวุธ ต้องยืนหยัดตรงนี้ให้ได้ สู้ด้วยหัวใจที่ยิ่งใหญ่ ที่รักชาติ ที่รักแผ่นดิน เราทำความดีพี่น้องครับ ไม่ต้องฆ่าใคร ไม่ต้องทำลายใคร เพราะเราเป็นคนดี พลเมืองดี ให้เมืองไทยจารึก ให้โลกจารึกว่าคนดีชนะอย่างใสสะอาด"
และกล่าวด้วยว่า "กำลังตัดสินใจว่าต้องชุมนุมใหญ่อีกสักหนที่กรุงเทพฯ เพราะพี่น้องรุกมาทุกวัน ขอให้ผมกับเพื่อนๆ คิดอีกสักคืน กำลังคิดอยู่ พี่น้องประชาชนยังติดใจวันที่ 9 ธ.ค. ต้องเอาใหม่ มันด้านนักต้องเอาอีกที ขอตัดสินใจอีกนิดครับ แล้วจะมาปรึกษาพี่น้อง แต่ยืนยันกับพี่น้องว่า สู้อย่างเด็ดเดี่ยว ไม่มีถอย ต้องชนะให้ได้ ต้องชนะด้วยมือพวกเราให้ได้ พี่น้องให้กำลังใจกับผมมาก เตือนให้รักษาสุขภาพเฉพาะที่ส่งเครื่องราง พระเครื่องมาสักกาละมังใหญ่ๆ ได้แล้ว ผมกราบขอบพระคุณจริงๆ ขอให้หัวใจของกำนันและพี่น้องชาวไทยเป็นหัวใจดวงเดียวกัน แล้วรุดไปชนะเขาให้ได้"
โดยสุเทพสิ้นสุดการปราศรัยเมื่อเวลาประมาณ 21.35 น.