ที่ประชุมร่วมสองสภาลงมติผ่านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ร่าง ทั้งเรื่องเลิก ส.ว.สรรหา - หนังสือสัญญาระหว่างประเทศ - และการยุบพรรค เตรียมตั้งคณะกรรมาธิการ 3 คณะเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ
แฟ้มภาพการประชุมรัฐสภา (ที่มา: วิทยุรัฐสภา)
ตามที่มีการประชุมร่วมกันสองสภาเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. ที่ผ่านมา จนถึงวันที่ 3 เม.ย. นั้น ในเวลา 23.50 น. มีการลงมติ ทั้ง 3 ร่าง คือ
ร่างที่ 1 ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่..) พ.ศ. .... แก้ไขที่มาของ ส.ว.ได้แก่มาตรา 111, 112, 115, 116 วรรคสอง, 117, 118, 120 และมาตรา 241 วรรคหนึ่ง และยกเลิกมาตรา 113, 114 ผลการลงมติรับหลักการ 367 เสียง ไม่รับหลักการ 204 เสียง งดออกเสียง 34 เสียง
ร่างที่ 2 ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ที่ระบุว่า ในการทำหนังสือสัญญาระหว่างประเทศ รัฐบาลต้องเสนอให้รัฐสภาพิจารณาก่อน ผลการลงมติ 374 เสียง ไม่รับหลักการ 209 เสียง งดออกเสียง 22 เสียง
ร่างที่ 3 ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 และ 237 ที่เกี่ยวข้องกับการยุบพรรค ผลการลงมติ รับหลักการ 374 เสียง ไม่รับหลักการ 206 เสียง งดออกเสียง 25 เสียง
โดยหลังจากนี้ จะมีการตั้งคณะกรรมาธิการเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้ง 3 คณะ คณะละ 45 คน สัดส่วน แต่ละคณะประกอบด้วย ส.ว. 10 คน และ ส.ส. 35 คน
โดยก่อนหน้านี้ ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 3 ต่อ 2 รับคำร้อง สมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กรณีขอให้พิจารณาวินิจฉัย ว่า “นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ กับคณะ กระทำการที่ส่อไปในทางกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการและส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ โดยการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยการตัดสิทธิบุคคลในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญหรือไม่ อย่างไรก็ตามศาลรัฐธรรมนูญยกคำขอคุ้มครองชั่วคราวในกรณีฉุกเฉิน
ที่มา: เรียบเรียงจาก ข่าวสดและ วิทยุรัฐสภา