2 เม.ย.56 นายอานนท์ นำภา ทนายความของเอกชัย (สงวนนามสกุล) จำเลยคดีขายซีดีของสำนักข่าวเอบีซีและเอกสารวิกิลีก โพสต์แจ้งคำสั่งศาลอุทธรณ์ ไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวนายเอกชัย โดยคำสั่งศาลระบุว่า
"พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดี และศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย 3 ปี 4 เดือน หากให้ปล่อยชั่วคราวไปจำเลยอาจหลบหนี กรณีไม่มีเหตุสมควรที่จะปล่อยตัวชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์ จึงไม่อนุญาต ให้ยกคำร้อง"
ทนายจำเลยแจ้งว่า จะยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลต่อศาลฎีกาอีกครั้งภายในวันศุกร์ที่ 5 เม.ย.นี้
ภาพจากเฟซบุ๊ก อานนท์ นำภา
สำหรับคดีนี้เมื่อวันที่ 28 มี.ค. ที่ผ่านมา ศาลสั่งจำคุกเอกชัย 5 ปี ปรับ 1 แสนบาท จำเลยให้การเป็นประโยชน์ลดโทษให้หนึ่งในสาม เหลือจำคุก 3 ปี 4 เดือน ปรับ 6 หมื่นบาท ลงโทษตามกฎหมายอาญา มาตรา 112 และความผิดฐานไม่มีใบอนุญาตขายซีดี ตามพ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551 โดยภายในคำพิพากษามีการอ้างอิงรัฐธรรมนูญ มาตรา 2,8,70,77 ซึ่งรัฐและประชาชนมีหน้าที่พิทักษ์สถาบัน เหตุฟ้องเกิดจากกรณีที่จำเลยขายซีดีสารคดีเกี่ยวกับการเมืองไทย ซึ่งผลิตโดยสำนักข่าว ABC ประเทศออสเตรเลีย และเอกสารวิกิลีกส์ 2 ฉบับ ทั้งนี้ ในระหว่างการสู้คดีศาลชั้นต้นนั้นนายเอกชัยได้รับการประกันตัวมาโดยตลอดและไม่มีการหลบหนีแต่อย่างใด
ขณะที่อีกรายหนึ่งคือ นายยุทธภูมิ (สงวนนามสกุล) เมื่อวันที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์ก็ได้มีคำสั่งยืน ไม่ให้ประกันนายยุทธภูมิ โดยให้เหตุผลว่าเป็นคดีร้ายแรง ปล่อยไปเกรงจะหลบหนี ส่วนที่ทนายจำเลยร้องขอให้มีการไต่สวน น.พ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ผู้เป็นนายประกัน เนื่องจากพี่ชายของยุทธภูมิได้ไปให้การที่กรรมกาสิทธิฯ และอาจเป็นประโยชน์ต่อการปล่อยตัวจำเลยนั้น ศาลอุทธรณ์สั่งว่าไม่จำเป็นต้องไต่สวนน.พ.นิรันดร์ เพราะหากปล่อยไปเกรงจะหลบหนี
คดีดังกล่าวจะมีการสืบพยานในวันที่ 21-23 ส.ค.56
ทั้งนี้ เว็บไซต์ศูนย์ข้อมูลกฎหมายและคดีเสรีภาพ โดย ไอลอว์ระบุว่า ยุทธภูมิ อายุ 35 ปี อาชีพรับจ้าง ถูกพี่ชายแท้ๆ แจ้งความต่อพนักงานสอบสวนว่ากระทำการหมิ่นสถาบัน ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธและได้ประกันตัวไปในชั้นสอบสวน ต่อมาวันที่ 19 ก.ย.55 พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 5 สำนักงานอัยการสูงสุด เป็นโจทย์ยื่นฟ้องคดีนี้ต่อศาลอาญา ให้ลงโทษตามมาตรา 112 ในชั้นนี้จำเลยไม่ได้ประกันตัว และต่อมา วันที่ 24 ก.ย.55 ศาลอุทธรณ์ก็มีคำสั่งไม่ให้ประกันตัวอีกครั้ง โดยระบุว่าเป็นความผิดร้ายแรง หากได้รับการปล่อยชั่วคราวจำเลยจะหลบหนีได้
ทั้งนี้ คำฟ้องระบุว่า ประมาณปลายเดือนสิงหาคม 2552 จำเลยได้พูดดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ขณะที่กำลังดูโทรทัศน์ช่องเคเบิ้ลซึ่งมีภาพข่าวพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับอยู่บนรถเข็นต่อบุคคลที่สาม หลังจากนั้นประมาณ 5 วัน จำเลยได้ใช้ปากกาเมจิกเขียนลงบนแผ่นซีดี “หยุดก้าวล่วงพระเจ้าอยู่หัว เนวินขอทักษิณ” ด้วยถ้อยคำหยาบคาย อันเป็นการดูหมิ่น จาบจ้วง เหยียดหยามต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และจำเลยได้นำแผ่นซีดีนั้นแสดงต่อบุคคลที่สาม