การลงนามทั่วไปเพื่อแสวงหาสันติภาพจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ สันติภาพปาตานีเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาทันทีหลังจากทีมีกระแสข่าวว่าการลงนามดังกล่าวไม่เป็นไปตามกระบวนการพูดคุยที่ไม่โปร่งใสและยุติธรรมสำหรับขบวนการต่อสู้เพื่อเอกราชปาตานีโดยการนำของนายฮาซัน ตอยิบ ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกระดับสูงของบีอาร์เอนอูลามาฮฺ เนื่องจากมีกาแพร่ข่าวว่าการลงนามในครั้งนี้เป็นการบังคับให้ลงนามและที่สำคัญคือทำไมองค์กรบีอาร์เอนที่ประกาศมาตลอดว่าจะไม่เจรจากับรัฐบาลไทยแต่ต้องมาลงนามการพูดคุยที่ลดระดับการต่อสู้จากเอกราชเป็นการพูดคุยภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญไทยมาตรา 1
เรื่องนี้ยิ่งบานปลายเมื่อกลุ่มสื่อสำนักข่าวWARTANI ได้จัดเวลาเสวนาปาตานี หรือ Bicara Patani ครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 มีนาคม ซึ่งการเสวนาในครั้งนี้มีตัวแทนจากประเทศมาเลเซียเข้าร่วมฟังและแสดงความคิดเห็นต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนทำให้กระแสข่าวการลงนามที่ไม่โปร่งใสและถูกบังคับได้ขยายในวงกว้างทั้งในสื่อทางเลือกและสื่อออนไลน์
และเมื่อวันที่ 22 มีนาคม Bicara Patani ได้จัดขึ้นอีกครั้งที่ศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทยที่ กรุงเทพมหานครแต่มีผู้เข้าร่วมไม่มากเท่าทีควร จนถึงวันที่ 23 มีนาคม ที่ ห้องประชุม มอ.ปัตตานีห้องประชุมดังกล่าวแน่นขนัดด้วยคลื่นประชาชนที่มาจากทั่วสารทิศจนล้นห้องประชุมและเต็นท์ที่เตรียมไว้สองด้านของห้องประชุม ซึ่งในการนำเสนอในครั้งนี้ยังคงพูดถึงประเด็นการลงนามทีไม่โปร่งใสและขาดความเป็นสากลทำให้การพูดคุยกับตัวแทนของ บีอาร์เอนจะไม่เป็นผลดีต่อกระบวนการสร้างสันติภาพที่ปาตานี
นายกริยา บิน วันอาห์หมัด มูซอ เลขาธิการ PERMAS กล่าวว่า “หากการพูดคุยในครั้งนี้ไม่มีกฎหมายระหว่างประเทศเข้ามาควบคุมหรือดูแลการพูดคุยสิ่งที่ประชาชนในพื้นที่เป็นห่วงคือการก่อเหตุความรุนแรงระลอกใหม่จะทวีความรุนแรงมากขึ้นหรือเปล่า หากเราดูประสบการณ์จากอาเจะห์และมินดาเนาจาการลงนามสถานการณ์จะลดลง แต่ทำไมการลงนามที่ผ่านมาเกิดเหตุป่วนจังหวัดยะลาเกือบทั้งจังหวัดถามว่านี้คือสัญญาณอะไรหรือเปล่า”การียา กล่าว
จากเวที Bicara Patani ครั้งที่ 2 ทำให้ตัวแทนสมาพันธ์นักศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ยื่นข้อเสนอแสดงเจตจำนงสนับสนุนการสร้างสันติภาพในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่แท้จริง มิใช่เป็นเพียงแค่การจัดฉาก โดยส่งถึง เลขาธิการ ศอ.บต. กงสุลใหญ่มาเลเซียประจำจังหวัดสงขลา สถานเอกอัครทูตมาเลเซียประจำประเทศไทย กรุงเทพมหานคร และต่อนายก ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทีทำเนียบรัฐบาลเพื่อให้ชีแจ้งข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเพื่อให้ประชาชนได้รับรู้
แกนำ BRN –Coordinate และ PULO ยืนยันไม่เข้าร่วมการพูดคุยสันติภาพที่กัวลาลัมเปอร์ 28 มี.ค. นี้
แกนำนบีอาร์เอน โคออดิเนท คนหนึ่งที่เป็นชาวอำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส ที่มีบทบาทและมีกองกำลังที่เคลื่อนไหวในพื้นที่ ร่วมกับแกนนำพูโล ซึ่งเป็นองค์กรหลักที่ต่อสู้และก่อเหตุในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้การยืนยันว่าจะไม่เข้าร่วมในการพูดคุยที่มาเลเซียเป็นคนอำนวยความสะดวกที่จะมีขึ้นในกัวลาลัมเปอร์ในวันที่ 28 มีนาคมนี้อย่างแน่นอน โดยให้เหตุผลว่าการลงนามเพื่อแสวงหาสันติภาพทีมีนายฮาซัน ตอยิบ กับตัวแทนของรัฐบาลไทยโดย สมช.ไม่เป็นเป็นตามหลักสากลและไม่ใช่แนวทางการแก้ไขปัญหาแบบยั่งยืน
“นายฮาซัน ตอยิบ เป็นคนที่ไม่มีจุดยืน เป็นคนที่ต้องการเงินมากกว่าสิ่งอื่นๆ เขาไม่รู้ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ผมจึงถือว่านายฮาซัน ตอยิบ และพวกเป็นคนทำลายขบวนการต่อสู้เพื่อเอกราชปาตานี ” แหล่งข่าวที่อ้างตัวว่าเป็นแกนนำบีอ์เอ็นที่ไม่อนุญาตให้เอ่ยชื่อจริงกล่าว
นอกจากนั้นเขายังกล่าวอีกว่าการลงนาในครั้งนี้เป็นความต้องการของนายฮาซันเอง ซึ่งเขาต้องการสิ่งนี้มานานแล้ว เขาเป็นคนเดียวกันกับที่เคยเขียนหนังสือถึงพลเอกชาวลิต ยงใจยุทธ เมื่อหลายปีก่อนที่บอกว่าพร้อมที่จะพูดคุยและสถานการณ์จะดีขึ้น
“รัฐบาลไทยไม่เคยประกาศว่าจะเจรจาสันติภาพกับกลุ่มขบวนการต่อสู้เพื่อปลดปล่อยปาตานีเลยในประวัติศาสตร์ เนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงการพูดคุยธรรมดา ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง เช่นที่ลังกาวี ที่โบโกล และอีกหลายๆ ครั้ง เป็นเพียงการพูดคุยที่รัฐบาลไทยกำหนดขึ้นมาเองไม่ใช่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากทั้งสองฝ่าย เหตุการณ์ลงนามที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมาเป็นการหลอกชาวโลกว่ารัฐบาลไทยได้เจรจากับขบวนการ บีอาร์เอ็น ที่เป็นกลุ่มที่เคลื่อนไหวหลักอยู่ในขณะนี้ โดยที่ไม่รู้ข้อเท็จจริงว่าคนที่ลงนามนั้นไม่ได้มีอำนาจใดๆ ในองค์กรและการลงนาที่ผ่านมาก็ไม่ได้ผ่านมติจากสภาของบีอาร์เอ็น วันนี้กลุ่มที่ก่อเหตุในพื้นที่ไม่ใช่สมาชิกของ บีอาร์เอ็นเพียงกลุ่มเดียวแต่เราใช้ระบบบูรณาการ รวมกลุ่มต่างๆ ในนามของ Pejuang Pembebasan Patani การต่อสู้เป็นสิ่งที่วายิบ (จำเป็น) สำหรับคนมลายูปาตานีทุกคนแต่การเข้าสังกัดเป็นสมาชิกขององค์กรใดองค์กรหนึ่งไม่ได้บังคับแต่การที่มีต้นสังกัดเพื่อเป็นการง่ายต่อการควบคุมและกำหนดทิศทางการต่อสู่เท่านั้น” แหล่งข่าวคนเดิมกล่าว
เขายังกล่าวอีกว่าจะมีเหตุการณ์ในช่วงการพูดคุยเพื่อส่งสัญญาณถึงผู้เกี่ยวข้องว่าขบวนการต่อสู้เพื่อเอกราชปาตานีไม่เห็นด้วยการพูดคุยที่เกิดขึ้นแต่ไม่ได้ระบุว่าจะเกิดอะไรที่ไหนและเมื่อไร
ทางด้านแกนนำพูโลให้การยืนยันผ่าน Social Network อีกครั้งว่าจะไม่กลับมาเข้าร่วมพูดคุยในครั้งนี้และจะไม่เดินทางกลับมายังภูมิภาคเพราะเกรงว่าจะถูกมองจากฝ่ายมาเลเซียว่าเป็นตัวป่วนการพูดคุยในครั้งนี้
พรุ่งนี้จะเริ่มพูดคุยในเวลาประมาณ 10 โมงเวลาในประทศมาเลเซีย โดยใช้สถานที่เดิมพูดคุยลับระหว่างทั้งสองฝ่าย