Quantcast
Channel: พันศักดิ์ วิญญรัตน์
Viewing all articles
Browse latest Browse all 14385

พรุ่งนี้พิพากษาคดีคนขายซีดี ABC –แถลงปิดคดี ‘สื่อไม่ทำหน้าที่ พลเมืองจึงต้องทำ’

$
0
0

 

พรุ่งนี้ (28 มี.ค.56) ที่ศาลอาญา รัชดา เวลาประมาณ 9.00 น. จะมีการพิพากษาคดีหมิ่นสถาบัน ซึ่งนายเอกชัย หรือเอก อายุ 35 ปี ถูกฟ้องจากกรณีนำสารคดีการเมืองไทยของสำนักข่าว ABC ออสเตรเลีย และวิกิลีกส์ฉบับแปลไทยมาขายในที่ชุมนุม จำเลยส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาล ชี้ เจตนาเผยแพร่ข้อมูลรอบด้านให้ทุกเสื้อสี ไม่กระทบรัชทายาท พระราชินี

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2554 นายเอกชัยจำหน่ายแผ่นวีดิทัศน์ (ซีดี) ของสำนักข่าว ABC ประเทศออสเตรเลียซึ่งเป็นสารคดีเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์กับการเมืองไทย ในราคาแผ่นละ 20 บาท และเอกสารวิกิลีกส์ฉบับแปลไทย ในที่ชุมนุมของกลุ่มแดงสยาม บริเวณอนุสาวรีย์ทหารอาสา (เจดีย์ขาว) ใกล้ท้องสนามหลวง เขาถูกฟ้องว่ากระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และจำหน่ายวีดิทัศน์โดยได้รับประโยชน์ตอบแทนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนาย ทะเบียน ตามพ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551 ตำรวจได้ทำการล่อซื้อซีดีดังกล่าว และจับกุมตัวเขาในวันนั้น จากนั้นเขาถูกส่งไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ จนถึงวันที่ 18 มี.ค.53 จึงได้ประกันตัวโดยใช้หลักทรัพย์เป็นเงินสด 500,000 บาท

คำฟ้องระบุตอนหนึ่งว่า “จำเลยได้บังอาจเผยแพร่ภาพและเสียง ข้อความประกอบภาพเคลื่อนไหวให้ปรากฏแก่สาธารณชน  โดยนำแผ่นวีดีทัศน์ (VCD) ของสำนักข่าวเอบีซี  ซึ่งปรากฏบุคคลคล้ายกับสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช  สยามมกุฎราชกุมาร และภาพคล้ายพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าศรีรัตน์ พระวรชายา รวมทั้งเอกสารวิกิลีก (WIKILEAKS) เป็นบทสนทนาระหว่างขององคมนตรี 3 ท่าน ที่มีข้อความอันมีลักษณะเป็นการดูหมิ่น หมิ่นประมาท หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัติริย์ พระราชินี หรือรัชทายาท รวมทั้งได้ประกอบธุรกิจจำหน่ายแผ่นวีดีทัศน์โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนาย ทะเบียนตามกฎหมาย”

อย่างไรก็ตาม ในการสืบพยานในคดีนี้ ศาลได้มีคำสั่งตัดพยาน 2 ปากคือ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ และ พล.อ.สิทธิ เศวตศิลา ซึ่งฝ่ายจำเลยต้องการนำสืบเนื่องจากเป็นชื่อที่ถูกระบุอยู่ในเอกสารวิกิลีกส์ อย่างไรก็ตาม ทนายจำเลยได้แถลงยืนยันขอสืบพยานทั้งสองปากนี้ติดไว้ในสำนวนด้วย

ก่อนจะมีคำพิพากษา จำเลยและทนายจำเลยได้นำส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาล ซึ่งสรุปสาระสำคัญได้ว่า คดีเกิดขึ้นจากการที่จำเลยนำสืบข้อเท็จจริงยุติว่า จำเลยได้เผยแพร่วีดีทัศน์สารคดี Foreign Correspondent ของออสเตรเลีย ซึ่งออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอบีซี (ABC) เมื่อเดือน เม.ย. 53 และจำเลยรับว่าได้นำเอกสารวิกิลีกส์ (Wikileaks) ที่มีการเผยแพร่ในอินเตอร์เน็ตเมื่อต้นปี 54 ไปเผยแพร่ที่บริเวณอนุสาวรีย์ทหารอาสาสงครามโลกครั้งที่ 1 ท้องสนามหลวง กรุงเทพมหานครฯ เนื่องจากหลังเหตุการณ์รัฐประหาร ปี พ.ศ. 2549 ประเทศไทยก็เกิดความ แตกแยกทางความคิดออกเป็น 2 ฝ่ายคือ ฝ่ายที่เรียกตัวเองว่า "คนเสื้อแดง"และฝ่ายที่เรียกตัวเองว่า "คนเสื้อเหลือง"โดยแต่ละฝ่ายต่างอ้างความ "จงรักภักดี"ต่อสถาบันกษัตริย์ และกล่าวหาฝ่ายตรงข้ามต้องการทำลายสถาบันกษัตริย์ สื่อมวลชนหลายแห่งมีการเลือกข้างอย่างชัดเจน และเลือกนำเสนอข้อมูลเฉพาะที่เป็นประโยชน์กับฝ่ายของตนเองหรือทำลายฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น ไม่นำเสนอข้อมูลที่รอบด้าน อันเป็นการซ้ำเติมความแตกแยกทางการเมืองของประเทศ เมื่อได้ชมวีดีทัศน์และเอกสารดังกล่าวทางอินเตอร์เน็ตก่อนหน้านี้ เห็นว่าวีดิทัศน์และเอกสารดังกล่าวเป็นการนำเสนอข้อมูลของสื่อมวลชนต่างประเทศ ซึ่งเป็นสื่อมวลชนขนาดใหญ่ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก มีความเป็นธรรม ไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ข้อมูลเหล่านี้ไม่ได้เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายในประเทศไทย แต่สื่อมวลชนไทยกลับไม่เลือกที่จะนำมาเสนอ จำเลยนำวีดีทัศน์และเอกสารดังกล่าวออกเผยแพร่ เพราะมีเจตนาที่จะเผยแพร่ข้อมูลที่รอบด้านให้กับทุกเสื้อสี โดยเฉพาะข้อมูลที่สื่อมวลชนไทยไม่ยอมนำเสนอ ทั้งที่ข้อมูลเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่ผิดกฎหมายแต่อย่างใด

คำแถลงปิดคดีระบุถึงข้อโต้แย้งคำฟ้องหลายประเด็น เพื่อชี้ว่าเนื้อหาที่ปรากฏในสารคดี ABC นั้นไม่ใช่การดูหมิ่นหรือหมิ่นประมาทสมเด็นพระบรมโอรสธิราช เช่น ในขั้นพิจารณาโจทก์และจำเลยล้วนนำสืบสอดคล้องต้องกันว่า ในอดีตกษัตริย์ไทยเกือบทุกพระองค์ล้วนมีพระชายาหลายพระองค์เพื่อการสืบราชสันติวงศ์ และเพื่อความมั่นคงของราชอาณาจักร และเป็นที่ทราบกันถึงความเป็นพระราชวงศ์สมัยใหม่ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สำหรับกรณีที่มีภาพประกอบสารคดีข่าวซึ่งเป็นภาพของพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าศรีรัศม์นั้น ก็หาได้เป็นความผิดต่อกฎหมายไม่ ทั้งนี้ย่อมเป็นพระเสรีภาพของพระองค์ในการทรงฉลองพระวรกาย และภาพที่ปรากฏก็ปรากฏเพียงไม่กี่วินาที ในประเทศที่มีสถาบันกษัตริย์เช่น ประเทศอังกฤษ ก็เคยปรากฏทางสื่อมวลชนต่างๆ ทั่วโลก นอกจากจะไม่เป็นการสร้างความเสื่อมเสียให้กับราชวงศ์อังกฤษแล้ว ยังเป็นการปรับภาพลักษณ์ของราชวงศ์อังกฤษให้ทันสมัยนิยม

คำแถลงระบุอีกตอนหนึ่งถึงการฟ้องเกี่ยวกับวิกิลีกส์ว่า กรณีข้อความในวิกิลีกส์ที่มีการพาดพิงถึงสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถนั้น จำเลยมีเพียงเจตนาที่ต้องการเสนอข้อเท็จจริงที่นายสมัคร สุนทรเวช เป็นผู้กล่าวเช่นนั้น แท้จริงแล้วพระราชินีทรงมีพระเมตตาต่อผู้ชุมนุมทุกฝ่าย แต่สื่อมวลชนบางแห่งกลับนำเสนอข้อมูลบิดเบือนเพื่อเป็นประโยชน์กับฝ่ายตนเอง การเผยแพร่เอกสารของจำเลยจึงเป็นการนำเสนอข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคำสัมภาษณ์ของบุคคลสำคัญของไทยที่ีให้ไว้แก่เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาเท่านั้น

นอกจากนี้ในคำแถลงปิดคดียังระบุถึงความสำคัญของการวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมประชาธิปไตยว่าทุกคนรวมทั้งสถาบันกษัตริย์ย่อมสามารถถูกวิจารณ์ได้ แม้แต่ในรัชสมัยรัชกาลที่ 5 ยังทรงเคยรับสั่งว่า การวิจารณ์หากเป็นการวิจารณ์ที่ดีก็สมควรรับฟังเพื่อนำมาปรับปรุง แต่ถ้าเป็นการวิจารณ์แบบโง่ๆ คนที่วิจารณ์นั้นก็จะถูกประชาชนด่าเอง การวิจารณ์เป็นสิ่งที่สื่อมวลชนที่ดีต้องทำกับทุกฝ่าย รวมทั้งสถาบันกษัตริย์ด้วย แต่ในปัจจุบันกลับไม่มีสื่อมวลชนไหนทำสิ่งนี้ เพราะสื่อมวลชนหลายแห่งเลือกข้าง สื่อมวลชนขาดความกล้าหาญทางจรรยาบรรณ ทำให้นำเสนอข้อมูลไม่รอบด้าน โดยเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯทรงเคยมีพระราชดำรัสต่อพสกนิกรเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 2548 ว่า "King can do wrong"ซึ่งแปลว่า "กษัตริย์ทำผิดได้"และทรงเห็นว่า ประมวลกฎหมายอาญา ม.112 ไม่เอื้ออาทรต่อสถาบันกษัตริย์ ตรงกันข้ามการดำเนินคดี ม.112 กลับยิ่งเป็นการทำลายและบั่นทอนสถาบันกษัตริย์

“จำเลยขอเรียนต่อศาลว่า การจะพิจารณาว่าวีดีทัศน์และเอกสารดังกล่าวเป็นการข้อความอันเป็นการผิดต่อกฎหมายหรือไม่นั้นต้องพิจารณาโดยรวมของเนื้อหาทั้งหมด หาอาจแบ่งเป็นข้อความ หรือเป็นเพียงวรรคตอนได้ไม่ ทั้งนี้เพื่อให้รับรู้มุมมองของสื่อมวลชนต่างชาติต่อประเทศไทย และเช่นเดียวกับสื่อมวลชนไทย ผู้เสพสื่อจำเป็นต้องใช้สติไตร่ตรองเพื่อที่จะพิจารณาข้อเท็จจริง การนำเสนอข้อมูลดังกล่าวจึงเป็นการปฏิบัติตามกรอบของกฎหมาย ซึ่งไม่สร้างความเสียหายต่อสถาบันกษัตริย์แต่อย่างใด หากจะมีบางเนื้อหาที่เป็นการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์บ้าง ก็ถือเป็นเรื่องธรรมดาตามระบอบประชาธิปไตย” คำแถลงปิดคดีระบุ

นอกจากนี้คำแถลงปิดคดียังระบุถึงข้อหาเกี่ยวกับการจำหน่วยซีดีโดยไม่ได้รับอนุญาตว่า จำเลยจำหน่วยซีดีดังกล่าวในราคาเพียงแผ่นละ 20 บาท ซึ่งเป็นราคาที่แทบไม่ได้มีกำไรจากการจำหน่าย แต่กระทำไปโดยเจตนาที่จะเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้น หาได้มุ่งหวังผลกำไรไม่ ทั้งการที่โจทก์ขอให้ศาลลงโทษจำเลยเรียงกระทงนั้นยังเป็นคำขอที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายอีกด้วย

 

 

บันทึกการสังเกตการณ์คดี

ที่มา: ศูนย์ข้อมูลกฎหมายและคดีเสรีภาพ โดย ไอลอว์

 

ประเด็นที่โจทก์นำสืบ

1. จำเลยผลิตและจำหน่ายซีดี ซึ่งมีภาพเคลื่อนไหวและคำบรรยายที่พยานโจทก์อ่านแล้วตีความได้ว่า สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชประพฤติตัวไม่เหมาะสม อันเป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ให้เสื่อมเสียพระเกียรติ และจำหน่ายเอกสารจากวิกิลีกส์ ที่อ่านเนื้อหาแล้วเข้าใจได้ว่า สมเด็จพระราชินีอยู่เบื้องหลังการรัฐประหารเมื่อปี 2549 อันเป็นการดูหมิ่น หมิ่นประมาทสมเด็จพระราชินี

2. จำเลยจำหน่ายภาพยนตร์และวีดิทัศน์โดยหวังผลประโยชน์ตอบแทน โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน ตามพ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551

 

ประเด็นที่จำเลยนำสืบ

1. จำเลยไม่มีเจตนาดูหมิ่นหรือหมิ่นประมาท แต่เจตนานำเสนอมุมมองของต่างชาติโดยสุจริต จำเลยเห็นว่าซีดีที่จำหน่ายเป็นสารคดีของสื่อต่างประเทศที่นำเสนอข้อมูลได้ รอบด้านกว่าสื่อไทย และวิเคราะห์เจาะลึกในประเด็นสถาบันกษัตริย์ ซึ่งจะช่วยให้คนไทยมีมุมมองที่ลึกขึ้น 

2. ข้อมูลในซีดีเป็นความจริงและไม่มีลักษณะหมิ่นประมาท ดูหมิ่น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ และสมเด็จพระราชินี หรือทำให้พระองค์เสื่อมเสียพระเกียรติ เป็นเพียงการวิเคราะห์ข่าวเท่านั้น ประชาชนดูแล้วไม่ทำให้รู้สึกดูหมิ่นเกลียดชัง

3. การวิพากษ์วิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสิ่งที่ทำได้ เพื่อรักษาสถาบันฯ กฎหมายอาญามาตรา112 เป็นกฎหมายที่มีปัญหา ยิ่งมีคดีตามมาตรานี้มาก ยิ่งเป็นผลร้ายต่อสถาบันฯ

 

อ่านบันทึกสังเกตการณ์คดีฉบับย่อ

 

 

 

หมายเหตุ กองบก. มีการแก้ไขเนื้อหา เวลา 16.30 น. (27 มี.ค.56)

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

Viewing all articles
Browse latest Browse all 14385

Trending Articles