หลังเกิดเหตุการณ์สังหารคนกลางถนนในย่านวูลวิชกรุงลอนดอนเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาก็มีกระแสข่าวพูดถึงเหตุการณ์ในกรณีนี้ว่าเป็นการก่อการร้ายของชาวมุสลิม แต่ขณะเดียวกันก็กลายเป็นการสร้างความหวาดกลัวแบบ Islamophobic และมีกระแสการคุกคามทางอินเตอร์เน็ตรวมถึงพยายามเผามิสยิดในเมืองต่างๆ ของอังกฤษ
เมื่อวันที่ 23 พ.ค. เว็บไซต์ Tell Mama ซึ่งเป็นองค์กรรับร้องทุกข์การก่ออาชญากรรมที่มาจากความหวาดกลัวอิสลาม (Islamophobic) เปิดเผยว่ามีเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องเกิดขึ้น 38 เหตุการณฺ์ รวมถึงการโจมตีมัสยิด 3 แห่ง และมีรายงานเหตุการณ์เพิ่มขึ้นอีกในวันพฤหัสบดี
เหตุการณ์ในย่านวูลวิชเกิดขึ้นเมื่อมีชายชื่อ ลี ริกบีย์ ที่สื่อหลายแห่งระบุว่าเป็นทหารถูกคนร้ายใช้อาวุธมีดโจมตีจนถึงแก่ชีวิต หลังจากนั้นจึงมีสตรีผู้หนึ่งชื่อ อิงกริด ลอเยา-เคนเนทท์ พยายามเข้าไปช่วยเหลือผู้ถูกโจมตีแต่ไม่ทันการ จึงได้หันไปพูดคุยกับผู้ก่อเหตุ โดยตัวผู้ก่อเหตุอ้างว่าตนกระทำไปเพื่อต้องการแก้แค้นให้กับชาวมุสลิมที่ถูกสังหารโดยทหารอังกฤษในประเทศเช่น อัฟกานิสถาน หลังจากนั้นทางการอังกฤษก็ประกาศว่าเหตุการณ์ฆาตกรรมดังกล่าวเป็น "การก่อการร้าย"
ทางด้านผู้นำศาสนากลุ่มต่างๆ ของมุสลิม เช่นกลุ่ม สภามุสลิมอังกฤษ, มูลนิธิรอมฎอร, กลุ่มชุมชนอิสลามของอังกฤษ และกลุ่มย่อยอื่นๆ ก็พากันประณามการฆาตกรรมในครั้งนี้
อย่างไรก็ตามเหตุการณ์นี้ได้ส่งผลกระทบโดยเป็นการกระตุ้นให้เกิดความหวาดกลัวแบบ phobic หรือความหวาดกลัวอย่างไม่มีเหตุผล ทำให้ในวันที่ 23 พ.ค. ทางการอังกฤษได้วางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาล 1,200 นายตามท้องถนน และมีการตรวจตราเป็นพิเศษตามมัสยิดและศาสนสถาน หลังจากที่กลุ่มขวาจัดแสดงปฏิกิริยาโต้ตอบเหตุการณ์ฆาตกรรมในวูลวิช
ฟิยาซ์ มุกัล ผู้ประสานงานของ Tell Mama กล่าวว่าโดยปกติแล้วองค์กรจะได้รับแจ้งเหตุโดยเฉลี่ยเพียง 3-4 รายต่อวัน แต่หลังเกิดเหตุเมื่อวันพุธที่ผ่านมาก็มีรายงานเพิ่มมากขึ้นซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าความไม่พอใจต่อชาวมุสลิมยังไม่เลือนหายไปง่ายๆ
"พวกเรารู้สึกเป็นกังวล เมื่อคุณมองภาพความไม่พอใจและการตอบโต้ในวงกว้าง มันบอกกับเราว่าปัญหากำลังเพิ่มมากขึ้น และเป็นบางอย่างที่ดำเนินไปในทิศทางที่ปั่นป่วนอย่างมาก"ฟิยาซ์กล่าว
ฟิยาซ์กล่าวอีกว่าเขาถูกนำข้อมูลที่อยู่ไปโพสท์ลงบนทวิตเตอร์ และมีคนยุยงให้มายิงเขา จากความตึงเครียดที่เกิดขึ้นฟิยาซ์ได้ติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาคุ้มกันการสวดมนต์ในวันศุกร์เนื่องจากเกรงว่าจะมีกลุ่มขวาจัดเข้ามาเผชิญหน้ากับศาสนิกชน
มีชายวัย 43 ปีถูกสอบสวนในฐานะผู้ต้องสงสัยพยายามก่อเหตุลอบวางเพลิงและมีอาวุธอันตรายไว้ในครอบครองที่มัสยิดในเมืองเบรนทรี มณฑลเอสเซ็กซ์ เมื่อวันที่ 23 พ.ค. อีกรายหนึ่งเกิดขึ้นที่มัสยิดของเมืองกิลลิงแฮม มณฑลเคนท์ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจับผู้ต้องสงสัยก่อเหตุสร้างความเสียหายจากการทะเลาะวิวาททางเชื้อชาติไว้ได้
นอกจากนี้ในคืนวันพุธที่ผ่านมา ยังมีผู้พ่นกราฟฟิตี้ตามมิสยิดของเมืองโบลตันและมีการทำลายรถที่จอดอยู่ภายนอก และมีเหตุการณ์คล้ายกันเกิดขึ้นที่เคมบริดจ์ในวันพฤหัสฯ
Tell Mama ได้รวบรวมเหตุการณ์จากรายงานข่าว โซเชียลมีเดียและจากการร้องเรียน ทำให้ทราบว่ามีมิสยิด 7 แห่งถูกโจมตี รวมถึงมีการถ่มน่ำลายใส่หรือการข่มขู่บนท้องถนน และมีมัสยิดอีกหลายแห่งถูกข่มขู่ทางอินเตอร์เน็ต เช่นบนหน้าเพจ"True British Patriots" (ชาวอังกฤษผู้รักชาติอย่างแท้จริง) มีการชู่เผามัสยิดในย่านวัดฟอร์ด, เฮิร์ทฟอร์ดไชร์ และมอร์เดน ทางตอนใต้ของกรุงลอนดอน
จูลี ซิดดีชี จากกลุ่มชุมชนอิสลามของอังกฤษกล่าวว่า พวกเขาไม่ยอมให้เสียงของผู้นำพรรคชาตินิยมอังกฤษ นิค กริฟฟิน และของกลุ่มขวาจัด ดังไปกว่าเสียงของพวกเขา และกลุ่มองค์กรมุสลิมทุกกลุ่มก็ออกมากล่าวว่าไม่มีข้ออ้างใดๆ ก็ตามที่จะให้ความชอบธรรมกับการกระทำเช่นนี้
ไม่กี่ชั่วโมงหลังเกิดเหตุฆาตกรรมกลุ่มสมาคมพิทักษ์ชาติอังกฤษ (EDL) ซึ่งเป็นกลุ่มขวาจัดได้มาชุมนุมกันที่วูลวิชจนมีการปะทะกับเข้าหน้าที่ตำรวจนานหนึ่งชั่วโมง พวกเขายังเรียกร้องให้มีการชุมนุมในวันจันทร์หน้า (27 พ.ค.)ที่ดาวน์นิงสตรีทเพื่อแสดงการสนับสนุนกองทัพอังกฤษ
มาร์ก โรวลีย์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาลอังกฤษเปิดเผยว่าเจ้าหน้าที่ได้คอยเฝ้าระวังโซเชียลมีเดีย เพื่อไม่ให้มีใครอาศัยสถานการณ์ในการก่อเหตุการณ์ความไม่สงบ "ใครก็ตามที่เห็นว่านี่เป็นโอกาสในการประท้วง สร้างความวุ่นวาย หรือสร้างความตึงเครียด ล้วนไม่เป็นที่ต้องการและไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น และพวกเราก็คิดว่าไม่ควรให้มันเกิดขึ้น"มาร์ก โรวลีย์กล่าว
นายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน และนายกเทศมนตรีกรุงลอนดอน บอริส จอห์นสัน ต่างก็บอกว่าผู้ต้องสงสัยก่อเหตุฆาตกรรมในครั้งนี้เป็นการทรยศต่อศาสนาของตัวเอง
"นี่ไม่ใช่เพียงการโจมตีชาวอังกฤษและวิถีชีวิตของคนอังกฤษ แต่มันยังเป็นการทรยศต่อศาสนาอิสลามและชุมชนชาวมุสลิมซึ่งทำอะไรให้ประเทศเราอย่างมาก"เดวิด คาเมรอนกล่าว
ทางด้าน ดร. แมธธิว เฟล์ดแมน ผู้ที่กำลังมีโครงการตั้งศูนย์ศึกษากลุ่มขาวจัดในมหาวิทยาลัยทีสไซด์กล่าวว่ากลุ่มขวาจัดอย่าง EDL และกลุ่มมุสลิมสุดโต่งต่างก็มีส่วนเอื้อต่อกันและกัน แมธธิวเกรงว่าจะมีกรณีโจมตีแก้แค้นกันไปมาและต่างฝ่ายต่างก็อ้างความชอบธรรมของตัวเอง
เรียบเรียงจาก
Attacks on Muslims spike after Woolwich killing, The Guardian, 23-05-2013
The Woman Who Stood Up to the Woolwich Butchers, The Daily Beast, 23-05-2013