ผู้ประสานงานเครือข่ายลุ่มน้ำภาคเหนือระบุเวทีวิชาการ 19 พ.ค.นี้ที่เชียงใหม่ เป็นเวทีปกติของเครือข่ายฯ ที่จัดหมุนเวียนในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน เป็นการแสดงออกอย่างสันติ อหิงสา ด้านเจ้าของสถานที่เผยจัดงานเพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนพูดคุยอย่างมีสาระและเป็นประชาธิปไตยสำหรับคนทุกฝ่าย
18 พ.ค. 56 - เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์รายงานว่านายสมเกียรติ เขื่อนเชียงสา ผู้ประสานงานเครือข่ายลุ่มน้ำภาคเหนือ กล่าวว่า ในการประชุมเวทีวิชาการขององค์กรเครือข่ายลุ่มน้ำที่จะมีขึ้นในวันที่ 19 พ.ค.นี้ ที่ จ.เชียงใหม่ เป็นเวทีปกติของเครือข่ายลุ่มน้ำ ฯ ที่จัดขึ้นหมุนเวียนในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน เรื่องการจัดการน้ำโดยองค์กรชุมชน เป็นเวทีวิชาการขององค์กรประชาชนและวิชาการท้องถิ่นเกี่ยวกับการจัดการน้ำในลุ่มน้ำภาคเหนือ ซึ่งในที่ประชุมจะมีการหารือกันเรื่องแนวทาง วิธีการจัดการน้ำโดยองค์กรชุมชน บนพื้นฐานความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ เมื่อได้ข้อสรุปร่วมกันทั้งหมดทุกเครือข่ายฯ แล้ว จะทำเป็นเอกสารเพื่อนำเสนอถึงรัฐบาลนำไปเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาเรื่องการบริหารงบประมาณ 3.5 แสนล้านบาท ที่จะนำมาจัดการแก้ปัญหาน้ำทั่วประเทศต่อไปอย่างเป็นระบบและสอดรับกับบริบทของลุ่มน้ำต่างๆ ไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม วิถีชีวิตชาวบ้านและไม่มีความขัดแย้ง เพราะจัดการบนพื้นฐานของกระบวนการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน
ผู้ประสานงานเครือข่ายลุ่มน้ำภาคเหนือ กล่าวต่อว่า เหตุผลประการสำคัญของการประชุมวิชาการของเครือข่าย ฯ 42 องค์กรในครั้งนี้ต้องการเสนอความคิดเห็นที่เป็นข้อสังเกตในการบริหารจัดการน้ำด้วยเงินงบประมาณ 3.5 แสนล้านบาท มี 3 ประการคือ 1.รัฐบาลยังขาดการศึกษาด้านผลกระทบสิ่งแวดล้อม ด้านสังคม และรูปแบบที่เหมาะสมในการจัดการ 2.กระบวนการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนและองค์กรชุมชนในการจัดการน้ำไม่เกิดขึ้น ทั้งวิธีคิด ความเข้าใจ เพราะภาคประชาชนและองค์กรชุมชนไม่ได้รับโอกาสให้เข้าไปมีส่วนร่วม และ 3.กระบวนการตัดสินใจขาดกระบวนการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากลุ่มน้ำต่าง ๆ ทุกแห่ง ซึ่งหากละเลยอาจจะมีผลกระทบต่อวิถีชีวิตและสิ่งแวดล้อมของประชาชนทั่วประเทศอย่างไม่อาจประเมินได้
“ดังนั้นจากข้อสังเกตดังกล่าวข้างต้นทางเครือข่ายฯ จะร่วมกันระดมความคิดเห็นที่เป็นข้อเสนอและทางออกของการจัดการน้ำโดยองค์กรชุมชนที่พิจารณาบนพื้นฐานความเหมาะสมของลุ่มน้ำแต่ละพื้นที่ ทั้งภาคเหนือ ภาคอิสาน ภาคกลาง ด้วยรูปแบบของการจัดการน้ำหรือแก้ปัญหาน้ำท่วม แล้ง ที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งการแสดงออกทางความคิดผ่านเวทีวิชาการในครั้งนี้ เป็นการแสดงออกอย่างสันติ อหิงสา ไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้ใด เพียงแต่ต้องการแสดงจุดยืนของภาคประชาชนและองค์กรชุมชนที่มีจิตหวงแหนต่อทรัพยากรดิน น้ำ ป่า ที่สำคัญต่อวิถีชีวิตของคนไทยทั้งประเทศ” นายสมเกียรติ กล่าวย้ำ
เจ้าของสถานที่เผยจัดงานเพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนพูดคุยอย่างมีสาระและเป็นประชาธิปไตยสำหรับคนทุกฝ่าย
ทั้งนี้ในวันเดียวกัน (18 พ.ค.) ร้านบุ๊ครีพับลิกซึ่งเป็นสถานที่ในการจัดงาน เวทีภาคประชาชน “การจัดการน้ำ: ผู้นำต้องฟังเสียงจากรากหญ้า” ได้เผยแพร่ข้อความทางหน้าแฟนเพจของทางร้านโดยระบุว่า
ในนามของร้านบุ๊ครีพับลิก ซึ่งเป็นสถานที่ในการจัดงานเวที "การจัดการน้ำ: ผู้นำต้องฟังเสียงจากรากหญ้า"โดยเครือข่ายประชาชนในลุ่มน้ำภาคเหนือและภาคอีสาน ในเช้าวันอาทิตย์ที่ 19 พฤษภาคมนี้ พวกเราขอยืนยันว่า การจัดงานในวันพรุ่งนี้ เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ และไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มหรือพรรคการเมืองฝ่ายใดทั้งสิ้น หากแต่มีเป้าหมายเพื่อต้องการที่จะเปิดเผยข้อมูลและความคิดเห็นเกี่ยวกับผลกระทบอันจะเกิดขึ้นจากการพัฒนาลุ่มน้ำขนาดใหญ่ เพื่อให้รัฐบาลและสาธารณชนมีโอกาสได้รับรู้
บุ๊ครีพับลิกในฐานะที่เป็นพื้นที่สาธารณะ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนพูดคุยอย่างมีสาระและเป็นประชาธิปไตยสำหรับคนทุกฝ่าย พวกเราขอให้ทุกๆ กลุ่มเข้าใจในเจตนารมณ์นี้อย่างมีสติและเปิดกว้างด้วยค่ะ
'เอ็นจีโอน้ำเหนือ-อีสาน'ออกแถลงการณ์ “หยุดกุข่าว หยุดข่มขู่ คุกคาม ร่วมกันสร้าง บรรยากาศประชาธิปไตยให้ที่ประชุม”
โดยเมื่อวันศุกร์ (17 พ.ค.) ที่ผ่านมาเว็บไซต์เดลินิวส์รายงานว่า ที่ศูนย์การประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ เฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพรรษา จ.เชียงใหม่ ในการประชุมระดับผู้นำด้านน้ำแห่งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ครั้งที่ 2 นายวชิระ ม่วงแก้ว ที่ปรึกษานายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี แถลงถึงกรณีกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ระบุว่าเตรียมกำลังไว้ 5,000 คน หากมีกลุ่มภาคประชาชนออกมาต่อต้านการจัดประชุมระดับผู้นำด้านน้ำฯ ว่า ยืนยันว่าการมาชุมนุมของกลุ่มต่างๆ ทางเราไม่ได้เปิดให้เข้ามาชุมนุมภายในพื้นที่บริเวณการจัดงาน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มสนับสนุนหรือกลุ่มต่อต้านการประชุม แต่จะมีการส่งตัวแทนออกไปรับหนังสือหรือข้อเรียกร้องต่างๆ ทั้งนี้คณะผู้จัดงานประชุมมีการตรวจสอบความเรียบร้อยในการประชุมและมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มข้น ไม่ใช่ว่ากลุ่มนี้เราเปิดให้เข้า แต่อีกกลุ่มไม่เปิด ซึ่งเราคำนึงถึงการรักษาความปลอดภัยของผู้มาร่วมประชุมและเรื่องความมั่นคงเป็นหลัก โดยได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรับผิดชอบอย่างเต็มที่
ด้านนายนิวัติ ร้อยแก้ว ตัวแทนเครือข่ายประชาชนในลุ่มน้ำภาคเหนือและภาคอีสาน เปิดเผยว่า เครือข่ายประชาชนฯ ได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2 เรื่อง “ หยุดกุข่าว หยุดข่มขู่ คุกคาม ร่วมกันสร้าง บรรยากาศประชาธิปไตยให้ที่ประชุม” โดยระบุว่า ตามที่นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี และประธาน กบอ. พร้อมด้วยนายตำรวจระดับสูงหลายคนออกมาให้ข่าวอย่างใหญ่โตและต่อเนื่องว่าจะมีการ ชุมนุมประท้วงของกลุ่มต่างๆ 7-8 กลุ่มในช่วงการประชุมระดับผู้นำด้านน้ำฯ นั้น เครือข่ายภาคประชาชนในลุ่มน้ำภาคเหนือและภาคอีสานในฐานะผู้ถูกพาดพิง เห็นว่าเป็นการให้ข่าวแก่สังคมที่บิดเบือนไปจากข้อเท็จจริง เนื่องจากเครือข่ายฯ ไม่มีแผนที่จะประท้วงหรือสร้างความเสียหายแก่การประชุมแต่อย่างใด และตั้งข้อสงสัยว่าจะเป็นการสร้างข่าว หรือกุข่าวเพื่อเป็นข้ออ้างในการใช้งบประมาณประเทศร้อยกว่าล้านในการรักษา ความปลอดภัยของการประชุมครั้งนี้หรือไม่ โดยมีการส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปสอบถามชาวบ้านและบุคคลต่างๆ ที่รัฐบาลคิดว่าเป็นแกนนำด้านการจัดการน้ำภาคประชาชนในพื้นที่ ต่างๆในภาคเหนือรวมถึงภาคอีสาน โดยเน้นย้ำเกี่ยวกับเรื่องการไปประท้วงหน้าบริเวณศูนย์ประชุมนานาชาติ ซึ่งเป็นความเข้าใจผิดของรัฐบาลเกี่ยวกับการจัดเวทีคู่ขนานของภาคประชาชนในครั้งนี้
นายนิวัติ กล่าวอีกว่า เครือข่ายภาคประชาชนที่เกี่ยวข้องกับการจัดการน้ำขอชี้แจงต่อสาธารณะว่ากิจกรรมเวทีคู่ขนาน เป็นการจัดประชุมเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง ปัญหา และข้อกังวลเกี่ยวกับการจัดการน้ำของรัฐ โดยเฉพาะเพื่อให้ประชาชนในระดับรากหญ้า สามารถบอกเล่าในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความเป็นความตาย ของชุมชน เรื่องปากเรื่องท้องของชาวบ้านที่อาศัยหาอยู่หากินตามลุ่มน้ำ ต่างๆ ผู้ที่มาร่วมเวทีส่วนใหญ่ก็เป็นชาวบ้านในภาคเหนือ ซึ่งเป็นฐานเสียงสำคัญของรัฐบาลชุดปัจจุบันตั้งแต่เริ่มแรก จนปัจจุบัน เราขอยืนยันว่าไม่เคยมี และไม่มีแผนที่จะไปประท้วง หรือใช้ความรุนแรงในที่สถานที่จัดประชุมแต่อย่างใด ดังนั้นเครือข่าย ประชาชนในลุ่มน้ำภาคเหนือและภาคอีสาน ขอเรียกร้องหยุดการกุข่าวและให้ข้อมูลที่เป็นเท็จแก่ประชาชน และหยุดการคุกคาม บุคคลที่มีความเห็นแตกต่าง ทั้งนี้เพื่อเป็น ตัวอย่างให้นานาประเทศที่ร่วมประชุม ได้เห็นความก้าวหน้าในกระบวนการประชาธิปไตยของประเทศไทยอย่างแท้จริง
ด้านนายหาญณรงค์ เยาวเลิศ ประธานมูลนิธิเพื่อการจัดการน้ำแบบบูรณาการ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ในวันที่ 19 พ.ค. ตั้งแต่เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป กลุ่มองค์กรภาคประชาชนต่างๆ จะจัดเวทีภาคประชาชน ในหัวข้อ “การจัดการน้ำ:ผู้นำต้องฟังเสียงจากรากหญ้า” ที่ร้านร้านบุ๊ครีพับลิก ถ.คลองชลประทาน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เพื่อนำเสนอข้อเท็จจริงจากรากหญ้าซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกละเลยในการประชุมระดับผู้นำด้านน้ำฯ ทั้งนี้ยืนยันว่าจะไม่มีการเดินทางไปชุมนุมที่ศูนย์การประชุมนานาชาติตามที่บางฝ่ายจุดประเด็นขึ้นมาเด็ดขาด และขอทำความเข้าใจกับกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ว่าการเคลื่อนไหวของภาคประชาชนครั้งนี้ไม่ได้เป็นการเคลื่อนไหวทางการเมือง แต่ต้องการเห็นการทำงานที่โปร่งใสของภาครัฐในเรื่องสิ่งแวดล้อม เพื่อประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง ทั้งนี้มองว่าจัดการประชุมดังกล่าวไม่เป็นการเปิดกว้างกับคนทุกฝ่าย เพราะผู้เข้าฟังต้องจ่ายค่าลงทะเบียนถึง 9,000 บาทต่อคน ทั้งที่สถานที่ก็เป็นของราชการ ซึ่งคนที่เข้าฟังการประชุมได้จึงเป็นกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ หรือบริษัทที่ปรึกษาเท่านั้น ไม่เกิดประโยชน์กับชาวบ้านและประเทศไทยอย่างแท้จริง นอกจากนั้นทราบว่าเวลานี้งบประมาณในการจัดการประชุมเกินไปจากที่ ครม. อนุมัติไว้ประมาณ 150 ล้านบาทไปแล้ว เพราะถูกนำมาใช้ในเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ระดมตำรวจมาเป็นจำนวนมากหลายพันนาย นอกจากนั้นทราบว่าเฉพาะการตัดชุดให้ผู้นำชาติต่างๆ และแขกที่มาร่วมก็เป็นจำนวนถึง 16 ล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้ภาคประชาชนต้องตรวจสอบต่อไป.
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai