‘ประยุทธ์’ ขอโทษหากพูดแล้วเกิดไม่สบายใจ แจงความปลอดภัยไม่เหมือนกัน สั่งมหาดไทย-ตำรวจดูแลแล้ว เปรยที่พูดแรงเพราะกดดัน ไม่อยากวัวหายล้อมคอก ยันปิดเกาะเต่าจนกว่าจะจับคนร้ายได้ ‘ไก่อู’ อยากให้ดูบริบท วอนสื่อไทยช่วยแก้ข่าว
18 ก.ย. 2557 ผู้จัดการออนไลน์รายงานว่า ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์เรื่องนักท่องเที่ยวใส่บิกินีที่พูดในการชี้แจงนโยบายแก่ข้าราชการระดับสูง เมื่อวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า ในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ คืนวันศุกร์ 19 ก.ย.ตนจะพูดเรื่องนี้ด้วย ต้องขอโทษด้วยถ้าพูดไปแล้วทำให้ไม่สบายใจ ตนไม่ได้หมายความดูถูกหรือว่าใคร เพียงแต่เตือนบางครั้งต้องระมัดระวังเหมือนกันในแต่ละสถานที่หรือบางเวลา ตนจะไปดูถูกหรือว่าเขาได้อย่างไร วันนี้ก็ยังรับรองอยู่ว่าปลอดภัย เว้นเพียงแต่ว่ามันมีคนไม่ดีอยู่ ซึ่งก็เหมือนกันทุกที่ในโลกนี้ ฉะนั้นต้องระมัดระวังเหมือนกัน เพราะบ้านเมืองเรากับบ้านเมืองเขาบางทีมีความปลอดภัยไม่เหมือนกันจึงเป็นห่วง
เวลานี้ได้สั่งให้กระทรวงมหาดไทย ตำรวจ และฝ่ายที่เกี่ยวข้องไปดูมาตรการรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวให้มากขึ้นซึ่งเขาทำอยู่แล้วเพียงแต่ต้องเข้มขึ้นมากกว่าเดิม เพราะชาวต่างชาติเขาไม่รู้คิดว่าปลอดภัยอยากมาเที่ยว เราก็ต้องช่วยกันดูแลอย่าให้คนร้ายคนไม่ดีปะปนอยู่ คนที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนแรงงานอะไรต่างๆ มาทำงานไม่ได้ มันอันตรายและเป็นผลเสีย
“บางครั้งผมพูดแรงไปเพราะผมกดดัน และเกิดจากความเสียใจที่มีคนตายคนเจ็บ จะเป็นคนไทยคนต่างชาติเสียใจทั้งนั้น ไม่อยากให้มีการสูญเสียอีก เพราะเราก็วัวหายล้อมคอกทุกครั้ง นี่ก็สั่งการไปแล้วทั้งรัฐมนตรีมหาดไทย และฝ่ายความมั่นคงให้ไปหามาตรการเพิ่มเติมว่าจะทำอย่างไร ข้อสำคัญต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากๆ เพราะทำให้เสียการท่องเที่ยวในพื้นที่เขา รายได้ก็สูญหายไปด้วย ดังนั้นต้องช่วยกัน จะรอเจ้าหน้าที่อย่างเดียวไม่ได้” นายกฯ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ห่วงหรือไม่หากกรณีนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ 2 คนถูกฆ่าที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี แล้วจับตัวคนร้ายไม่ได้จะทำให้เกิดปัญหาตามมา นายกฯ กล่าวว่า ยังไงก็ต้องจับได้ ไม่มีอะไรที่ตำรวจไทยจับไม่ได้ ต้องจับได้ ยิ่งสมัยนี้ด้วย ส่วนความคืบหน้าของคดีขณะนี้กำลังตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอกันอยู่ คนที่จับมาแล้วทราบว่าดีเอ็นเอไม่ตรง เดี๋ยวหาได้จนตรงเพราะเขาปิดเกาะทั้งหมดอยู่แล้ว ไม่ให้ออกไปข้างนอก
เมื่อถามว่า แสดงว่าจะปิดเกาะจนกว่าหาคนร้ายได้ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ต้องทำจนกว่าจะคลี่คลายได้ แต่ถ้าใครจะออกจากเกาะก็ต้องมีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด เรื่องนี้อย่าไปขยายอีกเลย ปล่อยให้เป็นเรื่องของการสอบสวน และอย่าให้เกิดขึ้นอีก เมื่อถามว่า ทางสถานทูตอังกฤษได้ติดต่อมาหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า คุยกันหมดแล้ว วันนี้ก็เห็นมาคุยเข้าใจกันดี เขาก็ปล่อยให้เป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรม สอบสวนให้ได้โดยเร็ว มันเป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นอยู่แล้ว เราก็ไม่อยากให้เกิด เขาก็ไม่อยากให้เกิด ตนก็เสียใจกับเขา เพียงแต่บอกว่ามันเป็นประเพณีคนละประเพณีฉะนั้นของเราต้องระมัดระวังมากหน่อย ซึ่งบางทีเขาคิดว่ามันปลอดภัย แต่ไม่ได้หมายความว่าประเทศไทยไม่ปลอดภัย เดี๋ยวไม่มีใครกล้ามาอีก คือขอโทษถ้าพูดแรงไป ทำให้เข้าใจผิดต้องขอโทษทุกเรื่อง บางทีมัน pressure (กดดัน) เสียใจ และในคืนวันศุกร์นี้จะพูดในทุกฐานะที่ตนเองมี
‘ไก่อู’ อยากให้ดูบริบท วอนสื่อไทยช่วยแก้ข่าว
ด้านเนชั่นรายงานว่า พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้รับทราบข้อมูลที่สื่อต่างประเทศนำเสนอถ้อยคำของนายกรัฐมนตรีที่พูดระหว่างการมอบนโยบายผู้บริหารระดับสูง เกี่ยวกับการใส่ชุดว่ายน้ำบิกินี่ของนักท่องเที่ยวแล้ว ซึ่งนายกรัฐมนตรียืนยันว่าไม่ได้เป็นการติเตียนหรือมีเจตนาให้ร้ายใคร จึงอยากให้ดูบริบทของประโยคประกอบด้วย เพราะสิ่งที่นายกรัฐมนตรีต้องการสื่อสารมีเป้าหมายต้องการให้เจ้าหน้าที่และทุกคน ช่วยกันในการลดความเสี่ยง
ดังนั้น จึงอยากให้สื่อมวลชนไทยได้ช่วยกันชี้แจงถึงเจตนาที่แท้จริงของนายกรัฐมนตรีที่มีหวังดี และไม่ได้ต้องการให้ร้ายใคร ย้ำว่ารัฐบาลจะต้องแก้ปัญหาให้กับทุกคนไม่ว่าจะเป็นชาวต่างชาติหรือชาวไทยด้วยความเท่าเทียม ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีได้เตรียมชี้แจงเรื่องดังกล่าวอย่างละเอียดในรายการคืนความสุขให้คนในชาติที่จะออกอากาศในวันพรุ่งนี้แล้ว
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้มีรายงานว่าทันทีที่นายกรัฐมนตรี มีถ้อยประโยคนี้ออกมา เจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย ได้โทรศัพท์มาสอบสอบถามความชัดเจนและความหมายที่นายกรัฐมนตรีสื่อสาร มายังคณะทำงานของนายกรัฐมนตรี และคณะทำงานได้ชี้แจงในเบื้องต้นแล้ว ว่านายกรัฐมนตรีพร้อมขอโทษหากคำพูดดังกล่าวทำให้เกิดความไม่สบายใจและอาจกระทบความสัมพันธ์
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้มีรายงานว่าทันทีที่นายกรัฐมนตรี มีถ้อยประโยคนี้ออกมา เจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย ได้โทรศัพท์มาสอบสอบถามความชัดเจนและความหมายที่นายกรัฐมนตรีสื่อสาร มายังคณะทำงานของนายกรัฐมนตรี และคณะทำงานได้ชี้แจงในเบื้องต้นแล้ว ว่านายกรัฐมนตรีพร้อมขอโทษหากคำพูดดังกล่าวทำให้เกิดความไม่สบายใจและอาจกระทบความสัมพันธ์
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai