8 ก.ย.2557 เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ส่งหนังสือร้องเรียนให้ตรวจสอบกระบวนการจัดซื้อจัดหาไมโครโฟนและปรับปรุงภูมิทัศน์ทำเนียบรัฐบาลต่อผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ด้าน ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ย้ำไม่มีการทุจริตอย่างแน่นอน
ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า สมาคมฯ ได้ส่งจดหมายด่วนถึงผู้ว่า สตง. และ ปปช. เพื่อให้ไต่สวนและตรวจสอบกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างการปรับปรุงภูมิทัศน์และตกแต่งอาคารทำเนียบรัฐบาลภายใต้งบประมาณ 252 ล้านบาท โดยมี ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้บริหารสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ
ศรีสุวรรณกล่าวว่า การปรับปรุงภูมิทัศน์และตกแต่งอาคารทำเนียบรัฐบาลนั้นดำเนินการเร่งรีบจนเกินเหตุ โดยเฉพาะการจัดหาระบบเครื่องเสียงและไมโครโฟนในห้องประชุมคณะรัฐมนตรีและห้องประชุมต่างๆ โดยว่าจ้างให้บริษัทเอกชนมาดำเนินการซึ่งราคาตัวละกว่า 145,000 บาท ถือว่าแพงเกินเหตุ ทั้งๆ ที่ราคาโฆษณาขายในท้องตลาดในโซเชียลมีเดียของบริษัทเจ้าของผลิตภัณฑ์ตั้งราคาขายเพียง 6 หมื่นบาทเศษ
ศรีสุวรรณ กล่าวต่อไปว่า การจัดซื้อไมโครโฟนในขณะนี้นอกจากจะยังไม่มีความจำเป็น เนื่องจากเครื่องเสียงและไมโครโฟนที่มีอยู่เดิมยังใช้งานได้อยู่ จึงเป็นการขัดต่อหลักความพอเพียงและความประหยัดที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.และนายกรัฐมนตรี พูดมาโดยตลอด ทั้งยังเป็นการดำเนินการที่ขัดต่อหมวด 2 แห่งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 ประกอบมาตรา 103/7 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 (แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2550 (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2554 และเรื่องดังกล่าวจะถือว่าเป็นความผิดสำเร็จทันทีที่คณะรัฐมนตรีได้ใช้เครื่องเสียงและไมโครโฟนดังกล่าวในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 9 กันยายนนี้ ทางสมาคมฯ จึงต้องร้องเรียนให้ สตง.และ ปปช.ตรวจสอบและเอาผิดบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาลงโทษตามกฎหมาย
เว็บไซต์ข่าวสดออนไลน์รายงานว่า วันนี้ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล ถึงการตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และไมโครโฟนห้องประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) 501 ตึกบัญชาการ 1 ที่มีราคาสูง
ม.ล.ปนัดดา กล่าวว่า รายละเอียดเรื่องเทคโนโลยีภายในห้องประชุม ครม.นั้น ทางอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง เป็นผู้ดูแลและยังไม่ได้ลงนามในสัญญาจัดซื้อตามที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกต เพราะกรมโยธาฯ คงจะดูความเหมาะสม ทั้งนี้เชื่อว่าเมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ทางอธิบดีกรมโยธาฯ จะมีคำชี้แจงให้รับทราบโดยเร็วต่อไป เพราะหากปล่อยไว้นานจะกลายเป็นประเด็นทางการเมืองและทำให้เกิดความไม่เข้าใจ
“ใครจะไปกล้าทุจริตคดโกง เพราะคนเกรงใจนายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ห้องทั้งหลายที่ผมพาคณะสื่อบางแขนงไปชมนั้น อุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ที่มีทุกอาคารในทำเนียบฯ ทุกภาคส่วนที่ใช้ต้องใช้การได้ดี ได้มาโปร่งใส อยู่ได้นาน และบริษัทที่เข้ามาดูแลพูดกับอธิบดีกรมโยธาฯ ก็บอกว่าเป็นเกียรติที่ได้มาดูแลพื้นที่ที่สำคัญของชาติและเป็นมรดกของแผ่นดิน ไม่มีใครทุจริตคดโกง ผมมองว่านอกจากพระบรมมหาราชวังและวัดพระแก้วแล้ว ก็มีที่ทำเนียบฯ ที่จะเป็นความภาคภูมิใจให้ลูกหลาน ดังนั้นข้าราชการไม่กล้าที่จะทำอะไรที่ดูหมิ่นตนเองหรือทำให้เกิดการฉ้อราษฎร์บังหลวง จึงไม่อยากให้โยงเรื่องนี้มาเป็นเรื่องการเมือง” ม.ล.ปนัดดา กล่าว
ม.ล.ปนัดดา กล่าวด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับปัญหาการคอร์รัปชั่นเป็นอันดับแรก เพราะปัญหาที่ผ่านมาคือการใช้จ่ายสุดโต่ง ซึ่งหากประหยัดได้ 30 เปอร์เซ็นต์จะเกิดความเจริญขึ้นอย่างมาก การตรวจสอบของสื่อก็เป็นการช่วยสะท้อนการทำงาน ทั้งนี้ได้มีการเผยแพร่รายละเอียดของการใช้งบประมาณซ่อมแซมทำเนียบฯ ไปบ้างแล้วว่าต่ำกว่าที่กำหนดไว้ตั้งแต่แรกและจะให้สื่อมวลชนได้ดูอย่างแน่นอน เพราะไม่ใช่เรื่องที่เป็นความลับ และขอย้ำว่าการซ่อมแซมทำเนียบฯ ครั้งนี้ไม่มีการทุจริตอย่างแน่นอน