Quantcast
Channel: พันศักดิ์ วิญญรัตน์
Viewing all articles
Browse latest Browse all 14385

หัวหน้า คสช.ยันไม่ล็อคสเปคสภาปฏิรูป-รปห.แล้วหยุดไม่ได้ต้องเดินหน้าประเทศ

$
0
0

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มอบแนวทางการสรรหาสภาปฏิรูป - ย้ำไม่ล็อคสเปค มุ่ง ปชต.สากลแบบสอดคล้องความเป็นไทย - คสช. ตัดสินใจยึดแล้วหยุดไม่ได้ ต้องเดินหน้าประเทศต่อไป สำเร็จหรือไม่อยู่ที่ทุกคนร่วมออกแบบกลไกการปกครอง ย้ำถ้าไม่มีเหตุก็ไม่มียึดอำนาจ "ท่านดีของท่านอยู่แล้วใครจะมายึด"

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ประชุมมอบแนวทางการดำเนินการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (ที่มา: YouTube/ข่าว คสช.)

ช่วงหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. กล่าวถึง วาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวบางกอกโพสต์

หมายเหตุ: เว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาล เผยแพร่คำกล่าวสุนทรพจน์ ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ในโอกาสเปิดการประชุมพร้อมมอบแนวทางการดำเนินการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ณ ห้องมัฆวานรังสรรค์ สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต วันพฤหัสบดีที่ 4 กันยายน 2557 เวลา 09.00 น. โดยมีรายละเอียดดังนี้

000 

ที่มาของภาพ: ศูนย์สื่อทำเนียบรัฐบาล

เรียนท่านประธานคณะที่ปรึกษาคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
ท่านคณะกรรมการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติด้านต่างๆ
คณะกรรมการสรรหาระดับจังหวัด
ท่านปลัดกระทรวง
ผู้แทนหน่วยงาน
และสื่อมวลชนที่รักและเคารพทุกท่าน

วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่ค่อนข้างจะตื่นเต้นเพราะว่าอยู่ท่ามกลางผู้หลักผู้ใหญ่มากมาย ก็คิดอยู่เหมือนกันว่าจะพูดอะไรกันดี จะพูดสไตล์ของผมเองหรือว่าจะพูดให้เป็นทางการ ผมคิดว่าผมเปลี่ยนตัวเองไม่ได้มากนัก ก็คงพูดทำความเข้าใจพูดคุยกันแล้วกันนะครับ เพื่อจะได้เห็นว่าเรามีความตั้งใจมีความจริงใจแค่ไหนในการที่จะปฏิรูปกันในวันนี้นะครับ ผมถือวันนี้ผมอยู่ท่ามกลางท่านผู้มีเกียรติและท่ามกลางคนที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศไทย แล้วก็ดูแลในเรื่องของประชาธิปไตยไทยให้ไปสู่การเป็นประชาธิปไตยแบบสากล แต่สอดคล้องกับความเป็นไทยของพวกเรา ที่เป็นที่น่าภาคภูมิใจมาตั้งแต่โบราณกาลในอดีตที่ผ่านมา

จากการรายงานของท่านเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้งนั้น ผมถือว่าเป็นสิ่งที่เป็นความสำเร็จของพวกเราทุกคน และเป็นที่น่ายินดีที่มีคนสมัครเข้ารับการคัดสรรเป็นจำนวนมาก อันนี้ต้องขอขอบคุณไว้ด้วยนะครับ ทั้งส่วนของการจัดเตรียมการเรื่องของการสมัครสมาชิกสภาปฏิรูปฯ การเตรียมการด้านต่าง ๆ ตั้งแต่ระยะที่ 1 เป็นต้นมาในช่วงที่มีคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มีการจัดตั้งสำนักงานปฏิรูปของ คสช. มาโดยตลอด รับผิดชอบโดยสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม และเหล่าทัพต่าง ๆ วันนี้จะเห็นได้ว่าเรากำลังเดินเข้าสู่โรดแม็ปในระยะที่ 2 คือการมีรัฐบาล มีคณะรัฐมนตรี ขณะนี้ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมทรงแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีแล้ว คงเหลือเฉพาะในเรื่องของการถวายสัตย์ฯ เรื่องนี้ก็ไม่ต้องไปกังวลนะครับ เรื่องการถวายสัตย์ฯ ผมถือว่าเป็นพระราชอำนาจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งขณะนี้เราก็ได้มีการทำงานร่วมกันอยู่แล้วในแต่ละกระทรวง เพราะว่าที่ผ่านมานั้นระยะที่ 1 เราได้บริหารราชการแผ่นดินโดย คสช. มีการจัดตั้งคณะทำงานทั้งหมด 5 คณะด้วยกันในการที่จะดูแลการบริหารราชการในแต่ละกลุ่มงาน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มความมั่นคง กลุ่มเศรษฐกิจการคลัง กลุ่มสังคมจิตวิทยา กลุ่มกฎหมาย กระบวนการยุติธรรม กลุ่มหน่วยขึ้นตรงกับ คสช. และฝ่ายกิจการพิเศษ ทั้งหมดเป็นการทำงานในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งใช้ระเบียบบริหารราชการแผ่นดินปกติเป็นส่วนใหญ่นะครับ บางอย่างก็ต้องการความเร่งด่วนในการขับเคลื่อน ก็ใช้อำนาจของ คสช. ที่มีอยู่ อยากจะเรียนทุกคนให้สบายใจครับว่าเราไม่ได้มุ่งหวังที่จะมีอำนาจใด ๆ ทั้งสิ้น เรามุ่งหวังว่าทำอย่างไรประเทศไทยจะเกิดการเปลี่ยนแปลง วันนี้อาจจะมีแต่งเครื่องแบบมา บางคนบอกวันนี้ไม่ควรแต่งเครื่องแบบ ไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะผมยังไม่เกษียณ ใครเห็นว่าผมไม่เหมาะสมก็ว่ามาแล้วกัน

วันนี้จำเป็นต้องมาพูดเพราะยังถือว่าวันนี้เป็นการบริหารราชการในขณะที่มี คสช. อยู่ เพราะว่าการถวายสัตย์ฯ ยังไม่เรียบร้อยนะครับ สิ่งที่พวกเราทุกคนจะต้องกระทำคือว่าถวายพระพรให้พรองค์ท่านทรงแข็งแรง และอยู่เป็นมิ่งขวัญพวกเราได้อย่างยาวนาน เพราะว่าช่วงนี้พระองค์ท่านทรงมีพระชนมายุมากแล้ว เพราะฉะนั้นเป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคนที่ต้องทำเพื่อแผ่นดินแห่งพระมหากษัตริย์แผ่นดินนี้ ขึ้นมาให้ทัดเทียมอาณารยประเทศให้ได้นะครับ

อย่างที่เรียนไปแล้วเราอยู่ในระยะที่ 2 ทำให้บ้านเมืองเกิดความเรียบร้อย เราจะมาสร้างประวัติศาสตร์กัน ซึ่งการปฏิรูปประเทศไทยนั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาได้โดยสมบูรณ์สักทีหนึ่ง เพราะฉะนั้นครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นการเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ วันนี้ถือว่าเป็นวันเริ่มต้นของประวัติศาสตร์ ทุกวันที่ผ่านมาตั้งแต่ 22 พฤษภาคม เป็นประวัติศาสตร์ทั้งสิ้น ว่าเราจะทำอะไรให้กับแผ่นดินนี้ ที่ผ่านมานั้นทุกกระทรวง ทบวง กรม ก็ได้มีการทำงานด้วยดีเสมอมา เพื่อเตรียมการไปสู่การปรองดองสมานฉันท์ และการเตรียมการปฏิรูปในระยะนี้ ช่วงที่ผ่านมา 3-4 เดือนที่ผ่านมาบ้านเมืองก็สงบเรียบร้อยมากขึ้น อย่างไรก็ตามเราทุกคนคงทราบดีว่าเราก็คงต้องดำเนินการทางกฎหมายให้ต่อเนื่อง เพื่อจะรักษาสถานภาพขณะนี้ให้ได้ ซึ่งขณะนี้ทุกคนทุกฝ่าย ประชาชนก็พอใจ ในการที่บ้านเมืองมีระเบียบวินัยขึ้น มีความสงบขึ้น แน่นอนก็ต้องมีการกระทบกระเทือนบางส่วนบางฝ่ายบ้าง ซึ่งเราก็จะต้องดูแลเขาต่อไป อันนี้คงเป็นหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีใหม่ที่ต้องดำเนินการต่อไปให้เป็นรูปธรรมแล้วก็ยั่งยืนขึ้น ไม่ใช่ว่าทำไปแล้วปรับไปแล้ว แล้วปรากฏว่าเราก็ไม่ได้ไปดูแลคนยากจน ไม่ได้ไปดูแลคนมีรายได้น้อย เพราะฉะนั้นเราต้องเอาปัญหาทั้งหมดที่เราเร่งดำเนินการเป็นการเร่งด่วน มาปรับแก้ในระยะที่ 2 นี้ให้ได้ว่าจะดูแลกันอย่างไร แต่ก็อยากให้บ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อยมากขึ้น ไม่เป็นอย่างในอดีตที่ผ่านมา

วันนี้เราได้ทำงานมาตามแผนงาน ตามโรดแม็ปทั้งหมดที่เราได้วางไว้ ซึ่งจริง ๆ แล้วผมได้กำหนดมาตั้งแต่ 22 พฤษภาคม 2557 เป็นต้นมาก็นั่งคิดจะทำอะไรต่อไป ๆ ก็ปรึกษาที่ปรึกษาบ้าง ปรึกษาผู้หลักผู้ใหญ่บ้างทั้งในคณะที่ปรึกษา นอกคณะที่ปรึกษา อย่างที่ผมกราบเรียนแล้วว่าการทำงานวันนี้มีหลายคณะมาก คณะที่ปรึกษาทางการ ไม่เป็นทางการ เอกสาร สิ่งพิมพ์ โฆษณา ผมอ่านหมด อ่านแล้วก็ปวดหัวเหมือนกัน เพราะว่าคนละทางสองทาง เราจะทำให้ทุกอย่างเข้าไปอยู่ในกรอบ ว่าทำอย่างไรถึงจะแก้ปัญหาได้ โดยไม่มีการชี้นำนะครับ เพราะฉะนั้นในขณะนี้กำลังก้าวเข้าสู่การจัดตั้งสภาปฏิรูป ซึ่งก็เป็นไปตามระยะเวลาที่ท่านเลขาฯ ได้กรุณาพูดเมื่อสักครู่นี้ ขอขอบคุณสื่อมวลชนทุกแขนงที่ได้ช่วยกันเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข่าวสารกรมประชาสัมพันธ์ ทำให้การสมัครเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปฯ เป็นไปได้ด้วยดี แต่ผมคิดว่าน่าจะ 8,000-9,000 ถ้ารวมกันหมดแล้วเมื่อสักครู่จากที่ได้รับรายงาน คราวนี้เป็นปัญหาสำหรับพวกเราแล้วว่าแล้วจะคัดคนอย่างไรใน 8,000-9,000 คนให้เข้ามามาอยู่เหลือ 250 คน ท่ามกลางความสนใจ ท่ามกลางความกดดันต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เพราะฉะนั้นวันนี้มีทั้งผู้ทรงคุณวุฒิ มีทั้งผู้ได้รับผลกระทบ หรือมีส่วนร่วมในการขัดแย้ง หรือผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับการปฏิรูป ก็จะเข้าสมัครมาทั้งหมด เพราะฉะนั้นในเรื่องนี้ก็อยากให้ทุกคนได้พิจารณาให้เป็นธรรม ว่าทำอย่างไรจะปฏิรูปได้โดยไม่มีความขัดแย้งต่อไป วันนี้ยอดทราบแล้ว และยอดต่าง ๆ ที่แตกต่างกัน บางคณะก็มี 200 กว่าคน บางคณะก็ 600 กว่า 700 กว่า อันนี้เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึง สิ่งแรกที่ผมอยากให้มาพิจารณาก็คือยอดคนที่เข้ามา แตกต่างกันในแต่ละฝ่ายแต่ละกลุ่มทั้ง 11 กลุ่ม จะเห็นได้ว่าประชาชนให้ความสนใจกลุ่มใดมากกว่า แสดงว่าเรื่องนั้นคือปัญหาสำคัญที่เราจะต้องดำเนินการให้ได้โดยเร็ว

เพราะฉะนั้นจากทั้งหมดของส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ทั้ง 76 และบวกกรุงเทพฯ อีก 77 และยังรวมทางไปรษณีย์อีกเป็นจำนวนมาก เพราะฉะนั้นผมว่าเป็นงานที่ยากในการที่จะคัดคนเหล่านี้เข้ามาให้เหมาะสม อย่างไรก็ตามผมก็จะหาโอกาสที่จะทำให้ผู้ที่ไม่ได้รับการคัดเลือกนั้นจะร่วมมือกับเราได้อย่างไร จำเป็นต้องเอาเขาเข้ามาด้วย ในการคัดสรรในขณะนี้ผมว่าจากวันนี้เป็นต้นไป เราก็คงจะนำมาพิจารณาและนำเสนอให้ คสช. ได้พิจารณาอีกครั้งโดยเร็ว สำหรับในส่วนตรงนี้ก็มีคณะกรรมการคัดสรร ท่านคงทราบดีอยู่แล้วทั้ง 11 คณะ คณะ 11 นั้นมีอื่น ๆ อีกมาก บางคนบอกว่าครบหรือไม่ครบ ผมก็บอกแล้วว่าเรื่องอะไรต่าง ๆ ก็ตามที่มีความสำคัญ นั่นคือประเด็นหลัก 11 เรื่อง ในส่วนอื่น ๆ ที่มีความสำคัญท่านก็ใส่เป็นหัวข้อย่อยใน 11 เรื่องไป ใน 11 เรื่องทุกอันจะเกี่ยวข้องเรื่องอะไร ทุจริตคอรัปชั่นท่านก็ใส่ไปในหัวข้อย่อยของแต่ละ 11 เรื่องเข้าไปด้วย ว่าท่านจะทำอย่างไรให้กระบวนการเหล่านั้น ในการปฏิรูปในการจะเดินหน้าของประเทศต่อไป จะทำอย่างไรไม่ให้เกิดการทุจริต ให้เกิดความโปร่งใสในการบริหารราชการ ทั้งในส่วนของการเมือง ในส่วนของข้าราชการ ในส่วนของผู้ประกอบการอะไรแล้วก็แต่ที่เกี่ยวข้อง Stakeholder (ผู้มีส่วนได้เสีย) ทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง เพราะฉะนั้นก็ขอให้ดำเนินการให้ดี วันนี้เราคัดเลือกมา คงใช้เวลา มีเวลาจำกัด เพราะฉะนั้นต้องดำเนินการด้วยความละเอียดถี่ถ้วน

ในส่วนของผู้สมัครในแต่ละด้าน เราจะถูกคัดเลือกโดยการเข้ามาคัดสรรเหลือด้านละ 50 คนโดยประมาณ 50 คน 11 คณะก็ 550 จากนั้น คสช. จำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการของ คสช. เพื่อจะคัดเลือก 550 ให้เหลือ 173 บวกกับ 77 จังหวัด กรุงเทพมหานครด้วย ก็จะเป็น 250 เพราะฉะนั้นจะมีอีก 2 ขั้นตอน ขั้นตอนของท่านคัดสรรมา ขั้นตอนที่ 2 คือ คสช. ตั้งคณะกรรมการไว้แล้ว เพราะส่วนใหญ่ก็เป็น คสช. ที่ทำงานด้วยกันมาโดยตลอด ไม่ต้องห่วงนะครับว่าจะไปล็อกสเป็ก ไม่รู้จักใครสักคน ผมถือว่าเป็นโอกาสที่ให้ทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมในการทำงาน เพราะฉะนั้นก็ขอฝากคณะกรรมการสรรหาแต่ละด้าน และของ คสช. ด้วยนะครับ ได้กรุณาคัดเลือกด้วยความละเอียด รอบคอบ โปร่งใส เป็นธรรม เพื่อให้บุคคลที่มีคุณภาพ มีความมุ่งมั่นและเสียสละอย่างแท้จริงที่จะเข้ามาเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปฯ เพราะถือว่าเป็นบุคคลที่จะต้องทุ่มเท เสียสละ และทำงานเพื่อให้ประเทศไทยของเรามีการปฏิรูปที่บรรลุผลสัมฤทธิ์โดยสมบูรณ์ เพื่อเป็นอนาคต เป็นประเทศที่มีประชาธิปไตยที่เหมาะสมกับวิถีชีวิตของคนไทย สังคมไทย แล้วก็จะปฏิรูปประเทศไทยด้านต่าง ๆ ให้มีความเจริญก้าวหน้า ประชาชนมีความผาสุกอย่างยั่งยืนครับ

การมีส่วนร่วมและการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่นอกเหนือจากสภาปฏิรูปฯ นั้น ทาง คสช. ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง ได้มีกำหนดนโยบายให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน ในช่วงระยะที่ 1 เรามีสำนักงานปฏิรูป ซึ่งก็มีการถกแถลงพูดคุย มีการประชุมเป็นหลายร้อยครั้ง ทั้งหมดได้สรุปมาแล้วอยู่ในหนังสือเล่มนี้ที่ผมให้ทางนั้นเขาสรุปมา นี่คือไม่ใช่ว่าเป็นชี้นำ ไม่ใช่ อย่างน้อยก็ได้เห็นว่าเขาคุยกันมาบ้างแล้วในการปฏิรูประยะที่ 1 อันนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นเอง ซึ่งจะเป็นแนวทางในการที่ท่านจะไปคิดต่อ หรือคิดใหม่อะไรก็แล้วแต่ ได้ทั้งนั้น ไม่ได้ไปตีกรอบอะไรให้ท่านเลย เดี๋ยวผมจะมอบให้กับในส่วนของที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อจะไปดู ทั้งหมดมี 11 เล่ม จริง ๆ เยอะมากเพราะคุยกันหลายคณะมาก ใช้เวลาในการคุยประมาณ 3 เดือนเศษ ๆ ทุกคนก็ได้ผ่อนคลาย ทุกคนก็ได้มาพูดคุย นี่คือสิ่งที่เราทำให้เกิดการปรองดองสมานฉันท์ไปอีกทางหนึ่งด้วย ให้คนได้มีโอกาสมาระบาย มาพบกัน ไม่เครียด เสร็จแล้วเราก็สรุปออกมา อันนี้เป็นระยะที่ 1 หลายคนก็มาสมัครด้วยในการเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปฯ ท่านก็ไปดูกันเอาเองนะครับว่าใครมีความคิดเห็นเป็นอย่างไร ผมต้องการความคิดเห็นที่หลากหลายนะครับ ขณะนี้เราได้เตรียมการแล้ว และจะรวบรวมส่งข้อมูลให้กับเลขาธิการรัฐสภา เพื่อจะไปแจกจ่ายหรืออะไรก็แล้วแต่ เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิรูปต่อไปในอนาคต

พื้นที่ส่วนกลางขณะนี้ผมอยากให้มีการรับฟังความคิดเห็น เมื่อเราตั้งสภาปฏิรูปฯ ไปแล้วทำอย่างไรคนที่ไม่ได้รับการคัดเลือกอย่างน้อยก็ใน 550 คัดมาเหลือ 250 อีกเท่าไร 300 ใช่ไหมที่ไม่ได้ จะทำอย่างไร ก็ต้องไปหาช่องทางให้เขาสามารถจะส่งต่อกลับมาได้เพิ่มเติมอีก อันนี้ต้องเห็นใจเขา เขาอยากจะมีส่วนร่วม แม้กระทั่งในส่วนของ 300 ที่ผมว่าก็ไปเชื่อมต่ออีก 7,000-8,000 ที่ว่า จะเชื่อมกันไปอย่างไร เพราะทุกคนมีช่องทางของท่านอยู่แล้วแต่ละจังหวัดแต่ละส่วน ภาคกลางก็มี ท่านก็ไปจับกลุ่มของท่าน หามา แล้วใส่เข้าไปในสภาปฏิรูปฯ เพราะฉะนั้นในช่วงที่ 2 นี้นอกจากสภาปฏิรูปฯ แล้วผมก็จะให้ทำงานคู่ขนานไปด้วยคือ สำนักงานของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมก็จะรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ที่มีคนส่งมาให้ ก็จะส่งให้ท่านเลขาธิการรัฐสภา เพื่อจะให้สภาปฏิรูปฯ เข้าไปพิจารณาเพิ่มเติม ถ้ามันตรงกันอยู่แล้วก็จบ ถ้าไม่ตรงก็ใส่เข้าไปเพื่อจะได้ครอบคลุมทุกเป้าหมายที่เราต้องการ

ในส่วนของภูมิภาคนั้นก็ให้ กอ.รมน. รับผิดชอบในภาพรวม มี กอ.รมน. ภาค กอ.รมน. จังหวัด ศูนย์ดำรงธรรม เป็นผู้ปฏิบัติ เพื่อจะรวบรวมความคิดเห็นอีกทางหนึ่งขึ้นมาคู่ขนานไปกับสภาปฏิรูปฯ อันนี้ไม่ทราบว่ามีใครเห็นว่าสมควรหรือไม่สมควรไหมครับ ผมคงไม่ถามใครมีปัญหาหรือเปล่าอีก เดี๋ยวมีปัญหา ถามว่าเห็นด้วยก็ไม่ได้ พูดยาก เพราะฉะนั้นก็รวบรวมมาแล้วกัน สิ่งที่เราต้องเข้าใจตรงกัน ผมไม่ใช่นักวิชาการ แต่ผมพูดโดยข้อเท็จจริงที่ผมประสบมากับพี่ ๆ เพื่อน ๆ น้อง ๆ ประชาชนที่รับฟัง คุยกัน เพราะฉะนั้นเราต้องเข้าใจให้ตรงกันว่าการปฏิรูปก็คือการที่เราจะก้าวหน้าประเทศไทยไปอย่างไร และจะต้องว่าด้วยการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลง มีสองอย่างคือปรับปรุงสิ่งที่ยังบกพร่องอยู่ ให้ดีขึ้นไม่ให้เกิดปัญหาเกิดขึ้นในอนาคต เรียกว่าปรับปรุง ถ้าเปลี่ยนแปลงเพราะบางอย่างไม่เคยทำก็อาจจะต้องทำใหม่ เพราะฉะนั้นต้องให้ครอบคลุม เรื่องการแก้ไขต่าง ๆ นั้นเป็นเรื่องของระเบียบบริหารราชการปกติทำได้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นกฎหมาย กฎกระทรวงอะไรต่าง ๆ ทำได้อยู่แล้วนั่นตามกลไกปกติ ที่เราจะทำนี้แยกออกมาให้ออกว่าอันไหนเราจะปรับปรุงให้ไม่มีปัญหาในอนาคต อันไหนจะเปลี่ยนแปลงซึ่งเราไม่เคยมี ก็ให้มี เราต้องการที่จะสร้างประวัติศาสตร์ให้ได้

เพราะฉะนั้นสิ่งที่อยากให้แนวทางไว้อันแรกคือ และมีงานมากมาย ทั้ง 11 เรื่องแตกลูกแตกหลานไปอีกเป็นร้อยเรื่อง ถ้าท่านเอาร้อยเรื่องมาทำปฏิรูปจะทำไม่ได้แน่นอน เวลาด้วยอะไรด้วย เวลาที่มีอยู่ หรือความเปลี่ยนแปลงของสภาวการณ์สถานการณ์โลกเปลี่ยนแปลงไป วันนี้มีการรบ มีการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศต่าง ๆ ทั้งโลก สถานการณ์ด้านการเมือง การเศรษฐกิจ วันนี้บีบรัดเข้ามา เพราะฉะนั้นเราต้องกำหนดให้ชัดเจนว่า สิ่งที่ผมอยากเน้นคือ 3-4 คำ อันแรกคือจัดระเบียบของเรื่องที่จะต้องปฏิรูปให้ได้ ก็คือใช้คำว่าจะทำอะไรก่อน ในแต่ละเรื่องของท่าน 11 เรื่อง และอีกร้อยเรื่อง ในแต่ละเรื่องอะไรต้องทำก่อน แล้วก็ทำทันที ทำก่อนทำทันที แล้วก็ต้องมีผลสัมฤทธิ์เกิดขึ้นมาโดยทันทีเหมือนกัน แล้วอะไรที่จะต้องส่งต่อไปเพื่อให้เกิดความยั่งยืนนั้นอีกอันหนึ่ง เพราะฉะนั้นท่านไปจัดลำดับให้ได้นะครับ ทำก่อนก็คือทำก่อนในเรื่องนั้น เช่น เรื่องการปฏิรูปการศึกษา มีเรื่องมากมาย จนกระทั่งสุดท้ายจะทำอย่างไรกับกระทรวงศึกษาธิการ ที่จะปรับโครงสร้างปรับอะไรก็แล้วแต่นั้นยาว อะไรต้องทำก่อน เช่น หลักสูตร ควรทำก่อนไหม การบูรณาการร่วมกัน การเกื้อกูลซึ่งกันและกัน อะไรต่ออะไร เพื่อให้เกิดผลผลิตออกมาเพื่อให้ตรงกับความต้องการของประเทศ และความต้องการในการแข่งขันกับนานาชาติเขาทำนองนี้ นี่คือเรื่องการศึกษา ยกตัวอย่างง่าย ๆ เรื่องการเมืองท่านก็ต้องเตรียมว่า ถ้ามีการเลือกตั้งจะทำอย่างไรต่อไปใช่ไหม แต่เรื่องอื่น ๆ ท่านก็ไปทำระยะที่ 2 ที่ 3 ก็ว่าไป เพราะฉะนั้นกำหนดให้ได้ว่าอะไรทำก่อน นี่คือหลักการของ 11 หัวข้อ คำว่าทำก่อนคือไม่ใช่ทำเรื่องนี้ก่อนเรื่องนั้นหลัง ไม่ใช่ ทุกเรื่องอะไรทำก่อน แล้วก็ทำทันทีเลยนะ ทำทันที ทำทันทีก็คือต้องให้ฝ่ายบริหารทราบ หรือตรงไหนต้องเข้าสภานิติบัญญัติฯ เลยก็ว่าไป ให้มีผลสัมฤทธิ์เกิดขึ้นภายในระยะเวลา 1 ปีที่เรากะว่าเราจะตั้งไว้ เหลือประมาณ 10 เดือน แล้วที่เหลือจะทำอย่างไรให้เกิดความยั่งยืนต่อไป ก็ต้องมีการทำอย่างไรให้สามารถทำต่อได้ พูดง่าย ๆ ไม่ใช่ว่าวันหน้าก็เปลี่ยนอีก เป็นไปไม่ได้ ก็ปฏิรูปไม่ได้อยู่ดี

วันนี้หลายคนบอกว่าการปฏิรูปครั้งนี้ ควรจะให้รัฐบาลเลือกตั้งเป็นคนทำ ผมถามว่าทำได้ไหม ท่านต้องอธิบายให้เขา ที่ผ่านมาก็คิดจะทำกันมาตลอด ไม่ว่าจะตอนไหนก็แล้วแต่ ทำก่อนทำหลังทำหน้า พอเราจัดให้ทำบอกว่าไม่เป็นธรรรม อย่างนี้ไม่เป็นธรรมกับผมนะ การจัดทำผลสำรวจ ทำก่อน ทำจริง มีผลสัมฤทธิ์โดยมีตัวชี้วัด ตัวชี้วัดวันนี้ KPI ที่เขียนมาทั้งหมดทุกกระทรวงผมเห็นว่าส่วนใหญ่จะเป็นเอาไว้จัด เขาเรียกว่าอะไร เอาไว้ให้คะแนนบุคคล วันนี้ไม่ได้ ผมอยากให้ตัวชี้วัดผมบอกให้แนวทางไว้แล้ว ผมไม่ทราบหลักการจะผิดหรือถูกอย่างไร ตัวชี้วัดต้องเป็นตัวชี้วัดเรื่องผลสัมฤทธิ์ของทุกกระทรวง ของทุกหน่วยงานเป็นอย่างนั้น ไม่ใช่เอามาเพื่อประเมินตัวบุคคล อันนั้นก็คนละเรื่อง อันนั้นเพื่อไปดูเรื่องความก้าวหน้าของบุคคลในหน้าที่อาชีพอะไรก็ว่าไป แต่ผลสัมฤทธิ์ของแต่ละหน่วยงานต้องเป็น KPI ไม่กี่ตัวหรอก 4-5 ตัว พอแล้ว ไม่ใช่เป็น 100 ตัว 100 ตัวก็ขีดไปเรื่อย ไม่ได้ แล้วออกมาดีหมด ไม่ได้ ต่อไปนี้ คสช. จะกำหนด KPI ด้วย เพราะว่าเราทำงานคู่กันอยู่แล้ว เพื่อจะทำให้รัฐบาลนั้นสามารถแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืน

ในส่วนของการรับฟังคิดเห็นนั้น ผมพูดไปแล้ว ช่องทางมีอยู่ที่เรียนไปแล้ว การจัดตั้งคณะอนุกรรมการต่าง ๆ ในสภาปฏิรูปเป็นเรื่องของสภาว่ากันไป ว่าจะแยกย่อยไปศึกษาอะไรต่าง ๆ มากันอย่างไร เพราะมีทั้ง 11 เรื่อง 11 เรื่องแตกแต่ละเรื่องก็เป็น 10 เรื่อง ก็คงจะต้องแบ่งกันไปศึกษาหารือกันมา แต่ทั้งหมดไม่ใช่ว่าแต่ละกลุ่มเสนอเข้ามาแล้ว แล้วประธานสภาฯ สั่งตูม ไม่ใช่ ต้องมาพิจารณาร่วมกันในสภาปฏิรูปให้ทั้งหมดเห็นชอบร่วมกันในเรื่องนี้นะ เรื่องที่ 1 เรื่องที่ 2 เรื่องที่ 3 เรื่องที่ 4 อะไรทำก่อนขึ้นมาก่อน จะได้ส่งต่อให้เขามีผลผลิตออกมาให้ได้

ในส่วนของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม หรือสำนักงานของ คสช. ก็จัดคณะที่ปรึกษาไว้พร้อมที่จะให้รายละเอียด พร้อมที่จะเพิ่มเติม พร้อมที่จะตอบข้อซักถาม เท่าที่คุยมาแล้ว ถ้ามีข้อสงสัยอะไรต่าง ๆ สำนักงานปลัดกระทรวงโหมก็จะเตรียมการตรงนี้ไว้ให้ท่าน อันนี้ก็ไปดูข้อกฎหมายทำอย่างไร ใครไปนั่งเป็นที่ปรึกษาได้ไหม กฎอัยการฯ ได้หรือเปล่า ถ้ากฎหมายไม่ให้ ก็ตั้งเป็นศูนย์บริการอำนวยความสะดวก แล้วท่านก็มารับเอกสารขอเรื่องนี้เรื่องนั้น เขาจะเป็นคนเหมือนช่วยท่าน ช่วยสภาปฏิรูปฯ ท่านทำเองได้ก็ทำไป ถ้าต้องการก็ขอมา เพราะฉะนั้นสมาชิกทุกคนที่คัดมาต้องมาจากทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย อย่าไปมีปัญหาอื่น เราบอกแล้วว่า ในที่เราออกระเบียบหรืออกคำสั่ง หรือออกกฎหมายไปแล้วนั้น จะเห็นว่าข้อกำหนดข้อห้ามมีน้อยมาก น้อยมากเพราะเราต้องการให้คนทุกกลุ่มทุกฝ่ายเข้ามา คงไม่ใช่นักวิชาการอย่างเดียว คงไม่ใช่ข้าราชการหรืออะไรต่าง ๆ แต่เพียงอย่างเดียว ต้องมีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้ามาจากแต่ละกลุ่มด้วย เขาจะได้ยอมรับว่าสิ่งที่ทำนี้ตรงกับความต้องการของเขา ไม่ขัดแย้งกันแล้วทำให้เดินหน้าไปได้ ต้องเข้าใจว่าอะไรจะทำก่อน อะไรจะทำกลาง ทำหลัง เพราะคนเหล่านี้จะต้องไปประชาสัมพันธ์ให้เราด้วยว่าเราเดินกันไปถึงไหนแล้ว ประเทศชาติจะเดินกันไปอย่างไร เพราะฉะนั้นต้องพิจารณาให้ครบในแต่ละกลุ่ม

ผมได้รับข้อห่วงใยมากมายทั้งในส่วนราชการ ในส่วนกองทัพ ส่วนประชาชนทุกภาคส่วน ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องของความเป็นธรรมและเรื่องการร้องเรียนอะไรต่าง ๆ เข้ามาในเรื่องของการคัดสรร ซึ่งผมเรียนว่าผมคิดว่าทุกคนรู้หน้าที่ทุกคน กรรมการคัดสรรท่านก็เป็นผู้มีเกียรติ ในส่วนของข้าราชการต่าง ๆ ก็เป็นผู้มีเกียรติ ประชาชนทุกคนก็เป็นผู้มีเกียรติ ถ้าเราไม่ให้เกียรติซึ่งกันและกันเราจะไปให้ใคร จะยกไปให้เกียรติคนอื่นหรือ ให้เกียรติประเทศอื่นที่เขาอย่างโน้นอย่างนี้บ้างอะไรบ้าง เห็นด้วย ไม่เห็นด้วย ไม่ใช่ ประเด็นของเราคือเราต้องทำให้คนเหล่านั้นยอมรับว่าเราทำหน้าที่เพื่อแผ่นดินนี้จริง ๆ ผมบอกแล้วว่าบางคนเขาบอกว่า คนดี คนดี ชอบประชดหาว่าผมเป็นคนดี คนอื่นไม่ดีหมด ไม่ใช่ การที่คนจะดีหรือไม่ดีไม่ใช่ตัวเองเป็นคนกำหนด ต้องให้สังคมให้คนอื่นเขาเป็นคนบอก เขาเป็นคนพูด เราพูดเองไม่ได้ ผมไม่ได้เคยพูดว่าผมเป็นคนดี ผมพูดถึงว่าผมตั้งใจจะทำความดีเพื่อแก้ปัญหาชาติบ้านเมืองให้ได้ นั่นคือสิ่งที่ผมตัดสินใจมาตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม แต่ผู้เดียว ไม่มีใครมาชี้นำ ไม่มีใครมากดดันผมทั้งสิ้น ผมถือว่าเป็นหน้าที่ของผมที่ต้องทำเท่านั้น และมีทุกคนมาช่วยกัน มีประชาชนทุกคนมาช่วยกัน เพราะฉะนั้นถ้าใครคิดว่าไม่อยากให้เกิดขึ้น ไม่อยากให้บ้านเมืองสงบ ท่านก็ไปดูแล้วกันว่าพวกไหนหรือพวกใครก็แล้วแต่ผมไม่กล่าวถึงใคร แต่ถ้าทำให้บ้านเมืองปั่นป่วนขึ้นมาอีกที เราก็คงยอมไม่ได้อีกอยู่เหมือนเดิม เพราะฉะนั้นอันนี้ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ เป็นสิ่งที่เป็นเจตนารมณ์ของเรา เพราะเราไม่ต้องการเห็นความขัดแย้งอีกต่อไปในบ้านนี้เมืองนี้แผ่นดินนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรื่องสถาบันจะถูกละเมิดมิได้ ซึ่งอันนี้เป็นสิ่งที่อ่อนไหวเหมือนกัน เราก็พยายามมาทุกวิถีทาง ไม่ใช่มาทำวันนี้ ที่ผ่านมาเราก็ใช้กฎหมายใช้อะไรมาโดยตลอด แต่ก็เรื่องนี้บางเรื่องใช้กฎหมายมากไปก็ไม่ได้ ซึ่งอันนี้ต้องระมัดระวัง ขอให้ระมัดระวังในเรื่องของการดำเนินการ เรื่องใดที่มีผลกระทบไปถึงสถาบัน เรื่องใดที่มีผลกระทบถึงหน่วยงานอะไรเหล่านี้ ผมคิดว่าต้องลดความขัดแย้งตรงนี้ไปให้ได้ ผมคิดว่าขณะนี้ข้าราชการทุกกระทรวงมีรอยยิ้มมากขึ้น ผมเห็นขยันขันแข็งเอาหัวชนกัน นั่งทำงบประมาณ นั่งทำแผนงานร่วมกัน อะไรร่วมกัน แล้วก็ได้มีโอกาสพูดได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็น ผมถือว่านี่เป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปแล้ว นี่คือปฏิรูประบบราชการมาระดับหนึ่งแล้ว

วันนี้ทุกคนก็เสนอปัญหามามากมาย เวลาประชุมแต่ก่อนก็ไม่กล้าพูด วันนี้พูดทุกคน ผมบอกว่าใครไม่พูดต้องมาสัมภาษณ์กันหน่อย ก็ทุกคนพูดหมด ได้แสดงความคิดเห็นนี่ดี นี่ไม่ดี นี่เห็นด้วย ไม่เห็นด้วย ผมก็ไปหามาอย่างนี้ทั้ง 3 -4 เดือนที่ผ่านมา ถ้าไม่เห็นด้วยแล้วสั่งไปก็เท่านั้น มีบางเรื่องที่จำเป็นก็เท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นเรื่องสำคัญคือ คัดคนให้เหมาะสมกับงาน แล้วในแต่ละกลุ่มที่ทางคณะคัดสรรจะคัดมา จำนวน 550 คน กรุณาจัดลำดับมาในนั้นให้เรียบร้อยในแต่ละกลุ่มว่าควรจะเป็นอย่างไร ควรจะมีใครอีกเท่าไหร่ จัดสัดส่วนให้ดีเพราะไม่อย่างนั้นเวลาส่งมาแล้ว คสช. คัดก็คัดลำบากอีก เพราะเราไม่รู้ว่าคนบางคนเราไม่รู้จักอยู่แล้ว เพียงแต่จะดูคุณวุฒิ คุณสมบัติ เพราะฉะนั้นการคัดกรองอะไรอันที่หนึ่งสำคัญที่สุด พอมาที่สองเราก็จะดูความเหาะสม เพราะฉะนั้นใครได้ไม่ได้ก็อย่าถือว่าล็อกสเปก จะไปล็อกได้อย่างไร ล็อกมาเพื่ออะไรผมยังไม่เข้าใจ บางคนบอกว่าล็อกเพื่อจะให้เดินตาม คสช. ใช้อำนาจ ไม่ใช่ สภาปฏิรูปฯ เขาไม่ได้ทำแบบนั้น ความมุ่งหมายของสภาปฏิรูปฯ ไม่ใช่ เพื่อต้องการความเห็นชอบร่วมกัน เพื่อต้องการที่จะเปลี่ยนแปลง ปรับปรุง ฉะนั้นในส่วนที่คณะกรรมการคัดสรรมาจำนวน 550 คน ไม่ใช่การจัดลำดับ เมื่อคัดมาแล้วจำนวน 550 คน บางคนหมายเลขโน้น อันนี้ขึ้นก่อนขึ้นหลัง เหมือนบางทีการจัดลำดับพอใส่เลขเข้ามาปั๊บ คนนี้ต้องได้หนึ่ง สองไม่ได้แล้ว สองต้องตก สามต้องตก ไม่ใช่ ผมมาดูทั้งหมดที่คัดมาว่าใช้ได้หรือไม่ได้แล้วจะเลือกอีกที

ผู้ที่ไม่ได้รับการคัดสรรก็อย่าลืมกรุณาส่งข่าวไปด้วยว่า ให้ร่วมมือกับเราต่อไป ทุกจังหวัดก็ต้องไปตั้งช่องทางศูนย์ดำรงธรรมไป กอ.รมน. จังหวัด อะไรต่างๆ เขาไปรวบรวมของเขาเป็นกลุ่มเป็นเหล่า แล้วก็ส่งเขาขึ้นมา ทางนี้ก็ส่งต่อเข้ามา ส่วนกลางก็ส่งเลขาธิการรัฐสภา ทั้งหมดมารวมที่นี่แล้วส่งสภาปฏิรูปฯ ในส่วนช่องทางต่างจังหวัดก็ส่งมา ส่ง กอ.รมน. ก็ได้ ส่งศูนย์ดำรงธรรมก็ได้ ก็เข้ามาที่เดียวกัน และส่งเลขาธิการเข้าไปเพื่อจะเพิ่มเติม เพราะฉะนั้นวันนี้ขอให้สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ขออนุญาตท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมด้วยได้บูรณาการแผนงานเรื่องนี้กับ กอ.รมน. และกระทรวงมหาดไทยด้วย ซึ่งกระทรวงมหาดไทยคงต้องเป็นหลักในเรื่องนี้ด้วย

ในเรื่องอีกเรื่องที่อยากจะต้องกรุณาพิจารณาคือการจัดตั้งผู้สังเกตการณ์ หรือจัดตั้งคณะทำงานเพื่อจะ Support หรือสนับสนุนการปฏิรูปต้องพิจารณาอีกทีว่าจะได้หรือไม่ได้ตามข้อกฎหมาย ถ้าเข้าในห้องไม่ได้ ก็นั่งนอกห้องก็ได้ หรือจะที่ไหนก็ได้แล้วไปเชื่อมต่อเอา ขอเอกสารเพิ่ม ขออะไรเพิ่ม เอกสารนี้จริง ๆ แล้วเยอะกว่านี้ อันนี้ขออนุญาตชี้แจงหน่อย ทั้งหมดมี 11 เรื่อง อันนี้สมมติว่ากรอบความคิดเห็นร่วม ใช้คำว่ากรอบความคิดเห็นร่วมปฏิรูปประเทศไทยด้านการเมือง จะมีแนวทางอย่างนี้บ้างแล้ว บ้างแล้วนะครับไม่ใช่ทั้งหมด มีการเมือง การศึกษา อะไรต่าง ๆ อยู่ในนี้ทั้งหมดทั้ง 11 กลุ่มอยู่ในนี้หมดเลย ก็ไปดูแล้วกันบางอันอาจจะไม่ครบ ก็ไปคิดเอา อย่างน้อยก็ได้มีการเริ่มต้นกระบวนการทางความคิดได้ ผมคิดว่าทุกท่านที่เข้ามาคัดสรรต้องเตรียมการ ต้องเตรียมตัวจะได้รับหรือไม่ได้รับการคัดสรรท่านวันนี้ 7,000 กว่าคน ท่านต้องเตรียมตัวของท่านแล้ว ท่านจะพูดอะไรไม่ใช่เข้ามาแล้วก็พูด อย่างที่ผมเคยยกตัวอย่าง พอประธานเขาพูดเรื่องนี้ โน่นไปเรื่องที่ 4 กำลังพูดเรื่องที่ 1 ไปเรื่องที่ 3 พอเขาพูดเรื่องที่ 3 กลับมาเรื่องที่ 1 ไม่มีจบหรอกถ้าแบบนี้ ปฏิรูปไม่มีจบ เพราะฉะนั้นอยากให้ใช้การประชุมที่จะต้องเตรียมการก่อนมีการประชุมสภาปฏิรูปฯ ก่อนการวาระการประชุมทุกวันว่าวันนี้จะพูดเรื่องอะไร อันนี้ผมขออนุญาตก้าวก่ายไปหน่อย แนะนำเฉย ๆ ไม่ใช่ ท่านจะทำอย่างไรของท่านเรื่องของสภาปฏิรูปฯ รัฐบาลในฐานะรัฐบาลก็จะอำนวยการอำนวยความสะดวกทุกอย่าง เพื่อให้เป็นไปได้ เพราะตั้งโดยรัฐบาลต้องดูแลในเรื่องนี้ เพราะรัฐบาลจะต้องนำสู่ปฏิบัติในทุก ๆ รัฐบาลต่อไป

ในส่วนของหัวข้อการปฏิรูปผมพูดไปแล้ว 10 หัวข้อหลัก 11 ข้อ หัวข้อรองเสริมอีกหลายร้อยข้อ อะไรก็ใส่เข้าไป แล้วแต่ ๆ ละเรื่องท่านก็ทำก่อน ทำทันทีมีผลสัมฤทธิ์และยั่งยืน เข้าใจนะครับว่าเป็นอย่างไร ถ้าทันทีก็ไม่เกิน 3-6 เดือนต้องทำได้แล้ว มีผลออกมาปานกลางก็ 1 ปี ระยะยาวเกิดความต่อเนื่องยั่งยืนก็ส่งต่อไป ใครรับไปก็ไม่รู้ เพราะฉะนั้นทุกหัวข้อใส่เรื่องป้องกันแก้ไขการทุจริตคอร์รัปชั่นในเชิงนโยบายหรือในเชิงการปฏิบัติไว้ด้วย อันนี้เป็นสิ่งที่ประชาชนให้ความสนใจ ผมยกตัวอย่างวันนี้หลาย ๆ อย่างที่ คตร. เข้าไป และไปทบทวนเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างอะไรที่ผ่านมา ผมยังไม่ได้ว่าใครทุจริตไม่ทุจริตนะครับ ผมถือว่าเป็นเรื่องของการติดตามโครงการที่ยังทำไม่ได้ ก็มีการทำ TOR แล้วก็ประมูลใหม่ เราสามารถลดค่าใช้จ่ายลงได้เป็นจำนวนมากพอสมควร จาก 1,000 กว่า ก็เหลือ 800 อะไรอย่างนี้ ผมถือว่าอันนี้เป็นความร่วมมือของส่วนที่มาเกี่ยวข้อง ส่วนที่มาร่วมมือกับเราในเรื่องของการแก้ปัญหาเรื่องเหล่านี้

ในแต่ละกลุ่มผู้มีความรู้ความชำนาญเฉพาะเรื่องที่เป็นหลักก็ต้องมีอยู่ด้วย และความถนัดไม่มีการจำกัดหรือกีดกันกลุ่มหนึ่งกลุ่มใด ผมพยายามพูดอยู่เสมอมาว่าคนโน้นคนนี้มาร่วมกันปฏิรูป บางคนบอกว่าจะไม่มา มาแล้วเดี๋ยวต้องซับซ้อน ผมว่าไม่ใช่แบบนั้น คือถ้าไม่มาก็ไม่ได้พูด ก็ไม่ได้ฟังว่าเขาพูดอะไร บางคนอาจจะเกี่ยวกับตัวเองในวันหน้า เขาก็ต้องรู้ว่าเขาต้องเตรียมตัวอย่างไรในวันหน้า นั่นแหละคือสิ่งที่ผมต้องการให้เขามา ไม่ใช่มาแล้วก็ไม่ใช่ไม่มา ไม่มาก็ไม่รู้จะทำอย่างไร สิ่งที่เป็นกังวล พูดไปแล้ว การปฏิรูป การจัดกลุ่ม การจัดตั้งมีวิปอะไรก็ว่ากันไป เพื่อจะไปเชื่อมต่อกับนิติบัญญัติอย่างไร เพื่อเป็นช่องทางก่อนการศึกษาเท่านั้นเอง ไม่ได้ไปคุมเสียง ไม่ได้ไปคุมอะไรทั้งสิ้น คนละอย่างกัน ไม่มีความขัดแย้งใน สปช. ผมพูดแล้ว คนเก่งทั้งนั้นที่เป็นกรรมการคัดสรรก็เก่งทุกคน ที่เห็นหน้าทั้งหมด ผู้มีทางการศึกษา ทางการเมือง ทางสังคมจิตวิทยา ทั้งนั้นที่นั่งอยู่ข้างหน้าผม ประชาสัมพันธ์ ทั้ง 11 คณะข้างหน้านี้ผู้ทรงคุณวุฒิทั้งสิ้น รู้มากกว่าผมมาก

สิ่งที่เป็นความคาดหวัง ผมอยากให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้ เรื่องเกี่ยวกับเรื่องของเศรษฐกิจไทยควรจะไปอย่างไร อันนั้นอาจจะต้องไปเพิ่มเติมว่าจะคุยกันอย่างไร ผมอยากให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้ เรื่องเกี่ยวกับเรื่องของเศรษฐกิจไทยควรจะไปอย่างไร ตรงนั้นอาจจะต้องไปเพิ่มเติมว่าจะคุยกันอย่างไรในเรื่องเหล่านี้ ประเทศไทยควรจะเป็นประเทศอุตสาหกรรม เกษตรกรรม หรือเกษตรอุตสาหกรรมอะไรทำนองนี้ ไปคุยกัน อย่างน้อยก็มีอะไรที่ไม่ใช่ 11 เรื่อง ทุกคนทั้ง 10 หัวข้อ ทั้ง 10 กลุ่ม น่าจะพูดคุยเรื่องเหล่านี้มาบ้าง เขาเรียกว่าเป็นปัจจัยเสริมที่ว่าเราจะเดินหน้าอย่างไร จะได้เห็นความคิดเห็นของคนทั้ง 77 จังหวัดที่เป็นผู้แทนและความคิดเห็นของส่วนกลางทั้งหมดที่สมัครมา จะเห็นว่าประเทศไทยมีอนาคตอย่างไร วันนี้ประเทศไทยไม่รู้อนาคต ผมเรียนจริง ๆ ว่าเราแทบจะไม่รู้อนาคตว่าจะไปอย่างไร เพราะว่าที่ผ่านมานั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงไม่มีเสถียรภาพอะไรมาตลอด ถ้าเราทำทุกอย่างให้เกิดความมีเสถียรภาพ ก็สามารถกำหนดวิสัยทัศน์ กำหนดยุทธศาสตร์ประเทศไทยจะเดินหน้าไปอย่างไร และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เขียนไว้ 5 ปี 5 ปี 5 ปี จะต้องนำมาสู่การปฏิบัติให้ได้ อย่าไปบอกว่าเขียนแล้วไม่ดี เพราะเขียนมาหลักการทั้งสิ้น หลักการเป็นส่วนใหญ่เป็นนามธรรม คือตามหลักการ ตามศัพท์ แต่ครบเรื่อง อยู่ที่ว่าเมื่อนโยบายเขียนออกมาแล้ว การขับเคลื่อน ขับเคลื่อนด้วยรัฐบาล แล้วรัฐบาลก็จะต้องส่งต่อให้เป็นผู้ปฏิบัติคือกระทรวง ทบวง กรม ร่วมกับภาครัฐภาคเอกชนต่าง ๆ ที่ต้องทำ เพราะฉะนั้นต้องมีนโยบายแล้วก็ขับเคลื่อน ฉะนั้นต้องชัดเจนในเรื่องเหล่านี้ให้ได้ ว่าแต่ละเรื่องนั้นจะทำกันอย่างไร เดี๋ยวผมจะพูดอีกครั้งในขั้นการแถลงนโยบายอีกครั้งหนึ่ง

ฉะนั้นสิ่งที่เป็นประเด็นคือเศรษฐกิจ ภาษี พลังงาน อันนี้เป็นเรื่องที่ประชาชนสนใจ ไม่รู้อยู่กลุ่มไหนก็ไปว่ากันมา เรื่องทุจริตคอรัปชั่น เรื่องการสร้างความเข้มแข็งสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ปี 2558 ข้างหน้าจะเกิดขึ้นแล้ว ถ้าปีนี้เราไม่สั่งการแบบที่เราสั่งทุกวัน 2558 ไม่มีทัน ๆ เพราะเป็นชิ้นเป็นอันไปหมด วันนี้เรามีคณะกรรมการและเดินไปสู่ AEC เดี๋ยวรัฐบาลใหม่เข้ามาก็จะสานต่อปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอะไรก็ว่าไปตามความรู้ความชำนาญ ความสามารถของท่าน ร่วมกับ คสช. ในการดำเนินการ

ในเรื่องของกฎหมายกระบวนการยุติธรรม อันนี้ทั้งในส่วนของตำรวจ ศาล อัยการ องค์กรอิสระ จะทำกันอย่างไรก็เป็นหัวข้ออยู่ในฝ่ายกฎหมายใช่หรือไม่ สาธารณูปโภคพื้นฐาน รถไฟ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) การบริหารจัดการน้ำ รัฐวิสาหกิจ จัดระเบียบสังคม ขยะมูลฝอย บุกรุกทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ลดความเหลื่อมล้ำของประชาชน ระบบข้าราชการ ความเจริญก้าวหน้า โครงสร้างส่วนราชการทั้งพลเรือนตำรวจ ทหาร และในส่วนของท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ก็ว่าไป การบริหารจัดการระบบราชการที่มีความรวดเร็ว สะดวก บริการประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ วันนี้เราตั้งไว้แล้วศูนย์ดำรงธรรม One stop service ที่ต่าง ๆ เรื่องแรงงาน เรื่องการค้ามนุษย์ One stop service เรื่องการติดต่อราชการ One stop service เรื่องทำ Visa Run อะไรก็แล้วแต่ และในเรื่องของการตั้ง One stop service เกี่ยวกับเรื่องการติดต่อการลงทุนในประเทศไทย ไม่ใช่เขามาแล้วใช้เวลาถึง 3-5 วัน ควรจะจบภายในชั่วโมง จะทำอย่างไร เพราะฉะนั้นต้องประชาสัมพันธ์ก่อน แล้วให้เขามา มาที่เดียว อันนี้ก็มีส่วนเชื่อมต่อว่าทำอย่างไรจะเร็วขึ้น อย่างนี้ถึงจะเรียกคนเข้าประเทศได้ง่ายขึ้น แต่จะต้องควบคุมเรื่องความมั่นคงไปด้วย ไม่ใช่มุ่งหวังแต่พัฒนาอย่างเดียว ความมั่นคงไม่สนใจ ความมั่นคงยกให้ทหาร ตำรวจดูแล ไม่ใช่ ความมั่นคงนั้นเป็นสิ่งสำคัญและเราก็มี 3 เสาหลักด้วยกัน เสาความมั่นคง เสาเศรษฐกิจ-สังคม เสาวัฒนธรรม 3 เสาหลักนี้ต้องไปด้วยกัน ประเทศต้อง 3 เสาหลักตัวนี้ในการที่จะเดินหน้า ถ้าต่างฝ่ายต่างแยกกันทำ ไปไม่ได้หรอกครับ ความมั่นคงต้องดูโดยรวม ป้องกันประเทศ อธิปไตย แต่ความมั่นคงก็พร้อมสนับสนุนในส่วนเศรษฐกิจด้วย ในส่วนของสังคมจิตวิทยา และวัฒนธรรม เสาที่ 3 ด้วย เพราะฉะนั้นจะต้องมีมั่นคงแทรกไปทุกอัน ถ้าท่านทำการค้าได้แต่ท่านไม่มั่นคง ไม่มีเสถียรภาพ ไม่ยั่งยืน ถูกเขาตัดลด ปรับ อะไรตลอดเวลา เราก็ต้องเป็นเบี้ยล่างเขาเสมอไป เพราะฉะนั้นอยากให้ทุกส่วนคิดในแง่ความมั่นคงของตัวเองไว้ด้วย แล้วขาดเหลืออะไรอย่างไรฝ่ายมั่นคงจริง ๆ ก็จะเข้าไปช่วยท่าน ที่ผ่านมาแยกกันทำหมด อันนี้ก็อยากจะให้เข้าไปอยู่ในเรื่องของการบริหารจัดการ ในเรื่องของระบบราชการด้วย

เรื่องอื่น ๆ วันนี้มีปัญหามาก คือที่ดินทำกิน อาชีพ รายได้ ราคาสินค้าเกษตร การโซนนิ่ง การโซนนิ่งผมอยากให้เกิดขึ้นโดยเร็ว จะเกิดขึ้นอย่างไร เราก็ต้องไปกำหนดพื้นที่ให้ชัดเจนขึ้น แต่จะไปบังคับคนก็คงไม่ได้ คนไทยไม่ชอบบังคับใช่หรือไม่ เพราะฉะนั้นทำอย่างไรให้เขาเห็นว่าถ้าทำอย่างนี้แล้วจะเป็นอย่างนี้ จะดีอย่างนี้ วันนี้เราต้องเริ่มต้น วันนี้ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไปตั้งศูนย์การเรียนรู้ 800 กว่าศูนย์แล้วระยะที่หนึ่ง ต่อไปก็ต้องเป็น 1,000 ศูนย์ ซึ่งใน 800 กว่าแห่งไม่เหมือนกันแต่ละพื้นที่ เพราะต้องการดึงไปสู่การปฏิรูปการปลูกพืชเศรษฐกิจให้ราคาไม่ตก ปริมาณ Demand Supply สอดคล้องกันเหล่านี้จะทำอย่างไร แล้วต้องไปพันกับใครบ้าง ไปพันกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พื้นที่เป็นอย่างไร ใครบุกรุก ไม่บุกรุก แล้วจะทำอย่างไร สิ่งที่ผมอยากให้ดูคือว่าลองพิจารณาดูว่าเป็นไปได้หรือไม่ ถ้าหากว่าเราสามารถหาที่ดินทำกินให้คนที่ไม่มีที่ดินทำกิน เป็นสหกรณ์มานั่งทำร่วมกัน เราดูแลเขาบ้างต้นทุน แล้วก็ปันผลให้เขาไป ไม่มีใครเป็นเจ้าของ ถ้ามีเจ้าของไม่มี ประเทศไทยมีเนื้อที่อยู่ 500,000 กว่าตารางกิโลเมตรเท่านี้ ป่าไม้เหลืออยู่ 15-20% เพราะฉะนั้นอนาคตของเราต้องเดินคู่ขนานกันและแก้ปัญหาให้กับประชาชนไปด้วย โดยไม่ผิดหลักการทางกฎหมาย ท่านก็ไปคิดเอา

เรื่องข้อมูลที่ส่งให้นั้น ที่ผ่านมาผมกราบเรียนว่าผมไม่ได้ทิ้งของใครเลย จะเห็นได้ว่าจากผู้ทรงคุณวุฒิต่าง ๆ ที่มาจากพรรคการเมือง คู่ขัดแย้ง ก็มาหมดในระยะที่ 1 ที่กลาโหมแรก ๆ ก็จะตีกันแทบตาย ตอนหลังก็เข้าใจขึ้นอะไรขึ้น แล้วก็พูดคุยกันแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน ความเห็นร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลข้อคิดเห็นของท่านผู้ทรงคุณวุฒิ ท่านอดีตนายกรัฐมนตรีนายอานันท์ ปันยารชุน ศาสตราจารย์นายแพทย์ประเวศ วะสี ท่านอาจารย์อมรฯ และมีอีกหลายท่านในห้องนี้ก็มีที่ผมเห็น นั่งอยู่ที่นี่หลายคน เขียนหนังสือมาหมด เขียนหนังสือเขียนบทความเขียนแสดงความคิดเห็น ทางวิทยุ ทีวี หนังสือ เอกสาร สิ่งพิมพ์ ผมอ่านหมด ผมเห็นทุกคนมีความคิด ซึ่งยังมีหลายอย่างที่ตรงกัน เป็นประโยชน์ บางอย่างไม่ตรงกันมาหาทำอย่างไรให้ตรงกันให้ได้ โดยไม่มีตัวตน ไม่มีอัตตา ไม่มีใครทั้งสิ้น ผมเคยพูดไปแล้วว่าถ้าทุกคนคิดตัวเองอย่างเดียวว่าจะต้องทำอะไรเพื่ออะไร ไม่มีจบ คิดไปข้างหน้า ระวังหกล้มแค่นั้นเอง อย่าใช้คำที่สื่อไปลงให้ผมว่า เช้าขึ้นผมตื่นขึ้นมาผูกเชือกรองเท้าแล้วเดินเลย ใครจะบ้าทำแบบนั้นไม่เข้าใจ ไปแปลเจตนาผมผิดกันหมด ผมพูดตื่นขึ้นมาแล้วนึกถึงว่าเราจะทำอะไรเช้านี้ จะเดินหน้าอย่างไร จะสั่งคนว่าอย่างไร เขาจะรู้สึกอย่างไร แล้วจะมีผลสัมฤทธิ์อย่างไร แล้วพอสั่งแล้วคอยตามว่าจะมีปัญหาตรงไหนบ้างก็คอยตามกำกับดูแลเขา แค่นั้น อะไรจะมาใส่เรา คนจะชอบเราหรือไม่ เราจะได้อะไรขึ้น เราจะเป็นใหญ่เป็นโตอย่าไปคิดตรงนั้น ถ้าคิดตรงนั้นคิดอะไรไม่ออกแน่นอน นี่ออกไปแล้ว ออกกฎหมาย ออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ออกพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ไป แล้วมีผลกระทบกับเราวันข้างหน้า ถ้าอย่างนี้อย่างไรก็แก้ไม่ได้ ตัดตัวเองออกไปให้หมด

ปัญหาต่อไปที่เราเป็นประเด็นสำคัญที่สุดขณะนี้คือการปฏิรูปการเมืองทุกคนทราบดี ปฏิรูปการเมืองมีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย บางคนบอกดีอยู่แล้ว บางคนบอกต้องปรับปรุงแก้ไข จะอย่างไรไปหามาให้ได้ ปฏิรูปการเมือง อันนี้คือสิ่งที่ต้องทำด่วนทำทันที และมีผลสัมฤทธิ์ว่าจะทำกันอย่างไรเพราะเป็นอนาคตของเรา เป็นเรื่องเร่งด่วน และผมอยากใช้คำว่าระดมสติปัญญาคนไทย ในการช่วยนำการเมืองประชาธิปไตยแบบตะวันตกมาปรับใช้ให้สอดคล้องกับคนไทย เพราะคนไทยไม่เหมือนคนอื่นๆ ไม่เหมือนชาติอื่นในโลกนี้ ผมว่ามีอยู่ชาติเดียวที่เป็นแบบนี้ ดีนะดี ๆ เดี๋ยวหาว่าว่าพวกเดียวกัน เป็นคนดี ส่วนใหญ่ดี เพราะว่าเป็นคนที่ชอบแสดงความคิดเห็น แต่ไม่ยอมรับความแตกต่าง อันนี้ไม่ได้ ต้องหาทางว่าทำอย่างไรความแตกต่างเกิดขึ้นจะเกิดผลผลิตด้วยรวมออกมา อะไรที่ยังไม่เห็นด้วยทำไม่ได้ก็อย่าไปทะเลาะกัน ถ้าทะเลาะกันทุกเรื่องก็จะเป็นอยู่อย่างนี้ แก้อะไรไม่ได้ เพราะฉะนั้นสาเหตุการเข้าควบคุมอำนาจของ คสช. เมื่อ 22 พฤษภาคม เราเข้ามาดูแลบ้านเมืองเข้ามาควบคุมอำนาจ ไม่ได้ไปแย่งอำนาจใครมา เพราะว่าวันนั้นรัฐบาลมี รัฐบาลก็ไม่สมบูรณ์ ทำอะไรไม่ได้เต็มที่ทุกคนเขาเข้าใจดี

ปัญหาต่อไปว่า เราจะสร้างระบบการปกครองและกลไกอย่างไรเพื่อจะขจัดหรือลดเหตุการณ์ที่จะต้องมีการควบคุมอำนาจ และบางคนบอกว่าเรามาแย่งอำนาจ ใช้อำนาจ อยากเป็นใหญ่ อยากมีอำนาจและผลประโยชน์ ชอบพูดอย่างนี้ ผมไม่เห็นว่าผมได้ประโยชน์อะไรสักอย่าง ชีวิตทุกคนก็เสี่ยงชีวิต กลัวว่าประชาชนจะเดือดร้อน กลัวว่าประชาชนจะบาดเจ็บสูญเสีย นั่นคือสิ่งที่ผมคิดแค่นี้เอง ไม่ได้มุ่งหวังผลประโยชน์ ไม่ได้มุ่งหวังเป็นใหญ่ ไม่ได้มุ่งหวังจะมายืนบนนี้ด้วยซ้ำไป พวกท่านเหนือกว่าผมทุกคนที่อยู่ข้างล่าง แต่เมื่อผมตัดสินใจแล้วก็หยุดไม่ได้ ก็ต้องเดินหน้าประเทศต่อไปให้ได้ แต่สำเร็จไม่สำเร็จอยู่ที่พวกเราทุกคน อยู่ที่คณะกรรมการทุกคน ประชาชนทุกชน เพราะฉะนั้นเราจะสร้างระบบการปกครอง เราจะสร้างกลไกการปกครอง การใช้อำนาจรัฐอย่างไร โดยอย่าไปคำนึงว่า เพื่อจะป้องกันการยึดอำนาจในอนาคต อย่าไปคิดอย่างนั้น ถ้าไม่มีสาเหตุ ไม่มีใครเขามายึดท่านอยู่แล้ว นั่นคือ Point นั่นคือสิ่งสำคัญ ท่านดีของท่านอยู่แล้วใครจะมายึด ยึดให้โง่ทำไม อยากจะรู้ เดี๋ยวนี่ก็นำไปพาดหัวข่าว

เพราะฉะนั้นไปแก้ปัญหาให้ได้ เพราะฉะนั้นอย่าไปคำนึงตรงนั้น ต้องคำนึงว่าบุคคลที่จะมาเป็นรัฐบาลดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้น จะมาจากการเลือกตั้งหรือไม่ได้มาจากการเลือกตั้งอย่างที่ผมมา อย่าไปกังวลตรงนั้น กังวลว่าจะไปกันอย่างไรวันหน้า ระบบรัฐสภาอันนี้ผู้รู้เขียนมาสมัยก่อนนี้สภาคู่ มีสภา มีรัฐบาล คือ ส.ส.(สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร) กับรัฐบาล ก็มีอำนาจแยกเป็นอิสระ เมื่อร้อยกว่าปี แรก ๆ ที่มีประชาธิปไตย ต่อมาหลังจากนั้นมาก็มี ส.ส. มีพรรคการเมืองใช่หรือไม่ กลายเป็นอำนาจ แบบศัพท์ที่เขาเขียนมา เรียกว่าสภาเดี่ยว แบบอำนาจเดี่ยว เพราะมีพรรคการเมืองเข้ามาด้วยใช่หรือไม่ เลยเป็นอำนาจเดี่ยว เพราะฉะนั้นกลายเป็นว่าแต่ก่อนนี้สภาคุมรัฐบาลได้ วันนี้รัฐบาลกับสภาคุมไม่ได้ หรือต้องมีเสียงข้างมาก พรรคเดียวหลายพรรคร่วมกัน กลายเป็นองค์กรเดียวในทางการปฏิบัติ นี่คือการปฏิบัติที่ผ่านมา ให้ท่านไปคิดว่าท่านจะทำอย่างไร ผมไม่ได้ชี้นำท่านเลยนะ ท่านจะเอาแบบเก่าก็แบบเก่า แบบใหม่ก็แบบใหม่ ผมไม่รู้ อันนี้ผมอ่านมาศึกษามา เดี๋ยวจะหาว่าผมไม่รู้เรื่อง

เพราะฉะนั้นแต่ละประเทศก็แตกต่างกันออกไป ทั้งเงื่อนไขกลไกในการบริหารประเทศ พฤติกรรมนักการเมือง หรือพรรคการเมืองประเทศนั้น ๆ รวมถึงว่าเอาใจใส่มาตรฐานทางการเมือง สังคม สื่อมวลชน ประชาชนทั่วไป ทุกเรื่อง ถ้าโยนให้รัฐบาลหมดก็ไม่ได้ ทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการช่วยแก้ปัญหาดูแลชาติบ้านเมืองทั้งรัฐ ประชาชนเอกชน ประชาสังคม ทุกหมู่เหล่าต้องร่วมมือกัน อย่าโยนปัญหานี้ไปให้คนโน้นคนนี้ ทุกคนในชาติต้องเข้มแข็งนั่นคือประเด็นสำคัญ ทำอย่างไรคนในชาติจะเข้มแข็ง เมื่อคนในชาติเข้มแข็งทุกองค์กรต้องเข้มแข็งมีคุณภาพ แล้วรัฐบาลก็ต้องมีคุณภาพ นักการเมืองก็ต้องมีคุณภาพ เพราะฉะนั้นวันหน้าต้องไปดูว่าทำอย่างไรนักการเมืองจะมีคุณภาพมากขึ้น ทำอย่างไรจะให้การเรียนรู้บ้างอะไรบ้าง ว่าโลกเปลี่ยนไปอะไรอย่างไรแล้ว และนักการเมืองควรจะต้องทำอย่างไร ข้าราชการต้องทำตัวอย่างไร ทหาร ตำรวจพลเรือนต้องทำตัวอย่างไร แต่ถ้าบอกว่าทำแบบเดิมทำตามคำสั่งก็นั่นแหละ ประเทศชาติก็ถอยหลังกันไปเก่าผมก็ไม่รู้ ในยุโรปเขาหลักการแยกกลไกบริหาร นิติบัญญัติออกจากกัน เหตุผลทราบดีอยู่แล้ว

อันนี้เป็นเรื่องที่ท่านต้องไปพิจารณาอีกครั้งหนึ่งว่าจะทำกันอย่างไร ในการบัญญัติรัฐธรรมนูญ เราก็มีคณะกรรมการรัฐธรรมนูญที่ต้องมาทำต่อ ฟังเสียงจากสภาปฏิรูปฯ และทำต่อ ก็จะทำอย่างไรไม่ให้รัฐบาลที่เข้ามามีอำนาจบิดเบือนการใช้อำนาจข้อกฎหมายบทบัญญัติต่าง ๆ จะทำกันอย่างไร ท่านต้องไปทำให้กันจบ เพราะทุกอย่างต้องเป็นกฎหมายหมดใช่หรือไม่ ไม่ใช่พูดกันเสร็จสภาปฏิรูปฯ เสร็จมีมติออกมาทำแล้วทำเลย ไม่ได้ ต้องมีกฎหมายออกมาช่วย เพราะฉะนั้น เรื่องอำนาจเผด็จการรัฐสภาบางคนก็กล่าวว่ามีเผด็จการทหาร มีเผด็จการรัฐสภา ท่านไปดูสิว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้เกิดความมีเสถียรภาพ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลบ่อยเกินไป ถ้าดีก็ไม่ต้องเปลี่ยน ยุบสภาจะทำอย่างไร กรณีที่นักการเมืองมีคดีความจะทำอย่างไร ใครจะสอบสวนหรือยุบสภาเลยหรือเลือกตั้งใหม่ไปหากันให้ชัด นี่คือรายละเอียดทั้งสิ้นที่ผมอ่านๆ มา ก็เห็นทุกกลุ่มเขาเขียนมาหลายอย่างก็ตรงกัน เพราะฉะนั้นทำอย่างไรจะไม่ให้เกิดการรวมกลุ่มโดยอาศัยผลประโยชน์ หรืออะไรต่าง ๆ มาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวให้เป็นการปกครองแบบนั้น ไม่ได้ แต่ต้องอย่าลืมคำว่ามีเสถียรภาพของรัฐบาลด้วย ถ้าไม่มีเสถียรภาพก็ไปไม่ได้อีกเหมือนกัน ไปดู ศึกษาดูจะทำอย่างไร บทบัญญัติจะเขียนกันอย่างไร เดี๋ยวหาว่าผมไปชี้นำอะไรอีก ผมไม่ชี้ ที่ผมพูดเมื่อสักครู่ผมพูดในฐานะเป็นประชาชนคนหนึ่ง วันนี้เป็นหลายอย่างจนงงไปหมดแล้วว่าเป็นอะไรแน่ ผมถือว่ามาอยู่กับพี่ ๆ เพื่อน ๆ ทุกคน ข้าราชการทุกคนที่เป็นข้าราชการของแผ่นดินในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผมถือว่าผมพูดได้ วันนี้ก็ศึกษาเอกสารของผู้รู้หลายท่าน ก็ลองไปหาอ่าน ๆ ดูของที่ผมกล่าวไปแล้วและที่ไม่ได้กล่าว

 
อย่างไรก็ตาม วันนี้เพื่อเป็นไปตามเวลาด้วย ขอขอบคุณคณะกรรมการสรรหาทุกท่าน ท่านผู้มีเกียรติทุกท่านอีกครั้ง รวมทั้งสื่อมวลชนที่มาร่วมฟังในวันนี้ วันนี้ท่านต้องช่วยเราลดความขัดแย้ง อะไรที่จะเป็นความขัดแย้ง ท่านกรุณาลดลงหน่อย ผมไม่ได้ไปจำกัดท่าน ไม่ได้จำกัดสิทธิของสื่อ ผมยังไม่เคยไปทำร้ายอะไรใครเลยสักคน ก็มีพูดคุยกันบ้าง เรียกมาคุยบ้าง ตักเตือนกันบ้างในฐานะพี่น้องกันอะไรเหล่านี้ ไม่มี ผมขี้เกียจทะเลาะกับสื่อ ทะเลาะไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร ท่านก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรจากผม ผมก็ไม่ได้ทำตามท่าน ท่านก็ไม่ได้อะไรจากผมเหมือนกันแต่อยากให้ท่านเสนอข้อเท็จจริง กรุณางดในเรื่องของการวิพากษ์วิจารณ์ลงไปบ้าง บางอย่างท่านวิพากษ์วิจารณ์ ผมขี้เกียจตอบโต้ บางอย่างไม่ใช่ ไม่ใช่ คิดอย่างนั้นไม่ได้เราเป็นข้าราชการ เราเป็นทหาร ตำรวจ เราคิดอย่างพลเรือนคิดไม่ได้ เราก็คิดกติกา คิดถึงว่าเราจะทำอย่างไร เราจะสั่งกันอย่างไร เดินไปอย่างไร วันข้างหน้าทำอย่างไรผลสัมฤทธิ์อะไรจะเกิดขึ้น นี่คือการคิดแบบทหารคิด บางคนบอกเป็นความคิดที่จำกัด ถ้าไม่จำกัดไว้จะมากกว่านี้อีก จะมีเรื่องสั่งมากกว่านี้ วันนี้สั่งไป 1,800 กว่าเรื่องแล้ว จะเสร็จกี่เรื่องยังไม่รู้ เพราะสั่งไปแล้วบางเรื่องก็ทำแล้ว บางเรื่องก็ยังไม่ได้ทำ บางเรื่องก็ไปทำให้ยั่งยืน ระยะที่ 2 ที่ 3 ก็ว่าไป
 
อันนี้ก็กราบเรียนทุกท่านให้ทราบด้วย สื่อเข้าใจกันสักทีวันนี้ เลิกได้แล้วล็อกสเปก สเปก สเปกอะไรมีสเปกตรงไหน สเปกบูรพาพยัคฆ์ "เล็ก" (กล่าวถึง วาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวบางกอกโพสต์) เป็นคนพูดใช่หรือไม่ ไม่เคยมีบูรพาพยัคฆ์ วงศ์เทวัญ ไม่มี บูรพาพยัคฆ์เขาอยู่ตะวันออกโน่น เขาอยู่บูรพาก็ใครโตตรงไหนก็โตตรงนั้น เดี๋ยววันหน้าพอพวกเมืองกาญจน์ ขึ้น พล 9 ขึ้น อันนี้ทีมอะไรอีก ลาดหญ้า ตั้งไปเรื่อย มโนไปเรื่อย มโนตลอด เขียนหนังสือรวยไปหลายเล่มแล้ว
 
เพราะฉะนั้นเขียนให้มีข้อเท็จจริงหน่อย มีข้อเท็จจริงอย่ามโน อย่ามโน ถ้าอย่างนั้นไปเขียนนิยาย ผมไม่ได้ว่าอะไรท่าน ทุกเล่ม อย่าติอย่างเดียว ชมบ้าง ที่ดี ๆ ไม่เคยเห็นเคยชมสักครั้งหนึ่ง ติอยู่ได้ พอถามทำไมไม่ชมบ้าง อ๋อ ดีอยู่แล้วก็เลยไม่ต้องชมกัน แต่ที่ตินั้นติแล้วติอีก เรื่องเดิม ติอยู่นั่น ติจนผมจะเกษียณอยู่แล้ว 4 ปี ย้อนไป ผบ.ทบ. เก่าอีกหลายคน ไม่เลิกสักที พอได้แล้ว ปฏิรูปสมัครหรือยัง เล็กนี่สมัครหรือยัง ไม่สมัคร ปฏิรูปตัวเองสิมีอยู่ร้อยกว่าคน ใช่ไหม น้อยเหลือเกิน แสดงว่าไม่ต้องการปฏิรูปตัวเองใช่หรือไม่ ท่านมีฐานันดรของท่านอยู่แล้ว ท่านต้องมีจรรยาบรรณ ผมไม่ตำหนิเลย ชื่นชมตลอด ผมไม่ใช่คู่ปรับท่านอยู่แล้ว
 
เรื่องอื่น ๆ เดี๋ยวผมจะมอบให้กับทางนอกจากหนังสือเอกสารแล้ว จะมอบเพิ่มเติมให้ที่รวบรวมมามีคนเสนอมาทั้ง 11 เรื่อง มีเรื่องอื่นจะเพิ่มเติมอะไรลงไปเดี๋ยวผมจะส่งมอบให้อีกอัน ว่าจะอยู่ในตรงนี้ เดี๋ยวจะส่งให้ผู้แทนไปทั้ง 3 ส่วน มีใครสงสัยอะไรไหม ไม่ถามว่ามีปัญหาไหม เพราะเดี๋ยวเล็กจะไปเขียนอีก ถามแบบนี้แสดงว่า แล้วใครจะกล้าถาม ผมถามว่ามีปัญหาไหม หรือถามว่าสงสัยไหมอะไรอย่างนี้ก็ว่ามา ถ้าไม่มีปัญหาแสดงว่าผมพูดดี พูดเข้าใจ ไม่ใช่ว่าเขาไม่ถามเพราะเขากลัวผม เขาจะกลัวผมทำไม ผมต้องกลัวเขามากกว่าใช่หรือไม่ ผู้มีคุณวุฒิวัยวุฒิทั้งสิ้น มีไหมครับท่านคณะกรรมการ ท่านประธาน มีไหมครับ คสช. มีไหมครับ คสช. ไม่มีนะครับ ท่านประธานสภานิติบัญญัติ มีหรือไม่ ท่านรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีตอนนี้อย่ากังวล ผมก็มีช่องทางประสานกันอยู่แล้ว หลาย ๆ อย่างก็ตรงกันอยู่แล้วก็เดินหน้าต่อไปได้ ขอให้ไว้ใจ ไม่ใช่แก๊งบูรพาพยัคฆ์ ไม่มี ผมเพิ่งเกิดที่ ร.21 โตที่นั่นและก็ไปบูรพามาหน่อยไปอยู่ 2 ปี 3 ปี เท่านั้นเอง ที่ไหนเหมือนกัน ในกองทัพบกเหมือนกันทั้งสิ้น เผอิญผมอยู่ที่นั่นมาก็เท่านั้นเอง แล้วเผอิญผมกับพี่เขา 2 – 3 คนก็ตามกันมาอีก เล็กก็มโนไปบ้าง พูดตรงนี้ดีไม่มีใครเถียงผมได้หรอก ไม่ดีนะครับ ขอบคุณนะครับใช้เวลามากพอสมควรเดี๋ยวจะรบกวนเวลาคณะกรรมการคัดสรร ผมถือว่าอยากให้ทุกคนสบายใจ อยากให้ทุกคนไว้ใจเรา ในการทำหน้าที่ ถ้าสงสัยไปฟังเพลง ฟังเพลงแล้วช่วยกันทำตรงนี้ให้ได้ ถ้าทำไม่สำเร็จก็ไม่รู้จะอย่างไรกันต่อไปแล้ว ถ้าจะตีกันต่อ ถ้าจะเคลื่อนไหวใต้ดินมาสู้กัน หรือจะใช้ทางพระทางเจ้าทำพิธีกันก็มาสู้กัน วันนี้ผมเจ็บคอ หลายคนเขาบอกว่าเขามีคนทำพิธีด้วย ปวดคอ ถ้าแก้อย่างนี้ไม่รู้จะแก้อย่างไร รดน้ำมนต์ตัวหนาวไปหมดแล้วจะเป็นไข้ พูดให้ไม่เครียด ไม่รู้ว่าจะเครียดไปทำไม
 
วันนี้ 3-4 เดือนที่ผ่านมาก็สบายใจขึ้น ทุกอย่างเดินไปตามโรดแม็ปขอบขอบคุณพี่ ๆ เพื่อน ๆ น้อง ๆ ทุกคน ท่านผู้มีเกียรติทั้งสุภาพสตรีทั้งสุภาพบุรุษ ผมถือว่าวันนี้เป็นวันแห่งประวัติศาสตร์อีกวันหนึ่ง ที่เราจะเดินหน้าประเทศไทยไปให้ได้ และหวังในความร่วมมือ ท่านอาจารย์ต่าง ๆ ทั้งหมด วันนี้ต้องเลิกกันแล้ว เรามาเดินหน้าประเทศไทยเลิกติว่า คนนี้ คนนั้น คนนั้นเป็นคนของคนนี้ เพราะวันนี้เราเดินมาอย่างนี้แล้ว มีแต่ให้กำลังใจเขา ให้เขาเดินหน้าต่อไป ให้เขาทำในสิ่งที่ดีกลับมาให้ประเทศไทย ทุกคนรู้หมดมาอย่างไร ผิดตรงไหน ดีตรงไหน ไม่ดีตรงไหน วันนี้ทุกคนจะกลับมาช่วยกันแก้ ช่วยกันปรับปรุง ช่วยกันเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นในอนาคต อย่าให้เสียเวลาเปล่าไป อย่าให้ใช้คำว่าอะไรนะ เสียของใช่หรือไม่ อันนี้เขาเรียกว่าเสียของ เสียอะไรยังไม่รู้เลย มีอย่างเดียวเสียเกียรติยศ เสียความเป็นตัวของตัวเอง ไม่เห็นจะได้อะไรขึ้นมา แต่ประเทศชาติได้ นั่นแหละคือสิ่งที่พวกเราคิดแค่นั้นเอง
 
ขอขอบคุณ ขอเดชะพระบารมีอันแผ่ไพศาลแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ตลอดจนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่ท่านเคารพนับถือ ได้ปกปักรักษาคนไทย ประเทศไทยและปกปักรักษาข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร ประชาชน ทุกคน ภาคอื่น ๆ ด้วย ที่มาอยู่ที่นี่จงประสบสุขแต่ความเจริญ คิดสิ่งใดขอให้สมปรารถนาทุกประการ ขอให้กุศลในการทำความดีของท่านในครั้งนี้ จงนำพาประเทศชาติไปสู่ความสงบสุขและก้าวหน้าอย่างยั่งยืน ขอกราบขอบพระคุณครับ สวัสดีครับ
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

Viewing all articles
Browse latest Browse all 14385

Trending Articles