28 ส.ค. 2557 ข่าวสดออนไลน์ รายงานว่า พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะประธานคณะกรรมการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กล่าวหลังการประชุมบอร์ด ขสมก.ว่า ที่ประชุมมีการพิจารณาปรับปรุงแผนฟื้นฟู ขสมก. เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการจัดหารถเมล์เอ็นจีวี 3,183 คัน ซึ่งจะสรุปรายละเอียดเสนอมายังกระทรวงคมนาคม ก่อนที่จะเสนอไปยังคณะอนุกรรมการกลั่นกรองของคณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ภายใน 15 วัน
ด้านนางปราณี ศุกระศร กรรมการ ในฐานะโฆษกคณะกรรมการ ขสมก. กล่าวว่า แผนฟื้นฟู ขสมก. เป็นแผนระยะ 10 ปี รวม 13 โครงการ ซึ่งเป็นการปรับการบริหารจัดการทั้งระบบ ทั้งการจัดหารถเมล์ใหม่ การปรับลดเส้นทางรถเมล์ ปรับลดจำนวนบุคลากร
"ส่วนหนี้สินสะสมที่มีอยู่ 90,000 ล้านบาท จะเสนอให้รัฐบาลพิจารณาหาทางช่วยเหลือเพราะมีผลต่อภาระดอกเบี้ยที่ ขสมก.แบกรับปีละกว่า 240 ล้านบาท ส่วนแผนดำเนินการนั้นเบื้องต้น ขสมก.มีการเสนอขอปรับค่าโดยสารในปี 2561 สำหรับรถธรรมดา (รถร้อน) และรถปรับอากาศ ปรับเพิ่มขึ้นอีก 1 บาท เพื่อให้ ขสมก.สามารถที่จะเลี้ยงตัวเองได้"
สำหรับแผนดำเนินการทั้ง 13 โครงการ อาทิ การจัดหารถเมล์ใหม่ ลดต้นทุนดำเนินการได้มากถึง 2 ใน 3 โดยเฉพาะต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ภาระการซ่อมบำรุงรถ ส่วนการปรับโครงสร้างองค์กรและปรับลดพนักงานเพราะนำระบบการจัดเก็บค่าโดยสารอัตโนมัติ (อี-ทิกเก็ต) เข้ามาใช้ จะลดพนักงานเก็บค่าโดยสารได้ประมาณ 6,000 คน
นอกจากนี้จะยกเลิกเช่าอู่จอดรถเปลี่ยนเป็นมาขอใช้ พื้นที่ส่วนราชการ รวมทั้งการปรับลดเส้นทางรถเมล์ใหม่เพื่อให้วิ่งในช่วงที่สั้นลง ลดความซ้ำซ้อน แผนทั้งหมดนี้จะทำให้ต้นทุนค่าใช้จ่ายลดลงได้มากกว่า 50%
"ตามแผนฟื้นฟู ขสมก. เป็นแผนระยะ 10 ปี จะเริ่มเห็นความชัดเจนได้หลังจากมีการเปลี่ยนรถเมล์ใหม่ทั้งหมด ปรับปรุงเส้นทางรถเมล์และใช้ระบบอี-ทิกเก็ต จะทำให้ภาระค่าใช้จ่ายลดลงได้มาก ซึ่งเมื่อครบ 10 ปี ก็อาจจะเห็น ขสมก. มีรายได้และรายจ่ายที่ใกล้เคียงกันเท่านั้น"นางปราณีกล่าว
ส่วนการปรับลดพนักงานนั้น นางปราณีกล่าวว่า มี 2 ส่วน ส่วนที่เป็นพนักงานที่เกษียณในแต่ละปีประมาณ 200-300 คน หากเป็นพนักงานประจำสำนักงานจะไม่รับเพิ่ม ส่วนพนักงานเก็บค่าโดยสารหากใช้ระบบการจัดเก็บค่าโดยสารอัตโนมัติ จะให้ไปทำหน้าที่อื่นแทน คาดว่าจะลดพนักงานได้ 6,000-8,000 คน จากปัจจุบันมีพนักงานทั้งสิ้น 13,000 คน