"สุรนันทน์ เวชชาชีวะ"เผยฝ่ายกฎหมายอยู่ระหว่างพิจารณาฟ้องหมิ่น "ชัย ราชวัตร"ประณามดูถูกสตรีเพศ ไม่ขวาง “ปชป.”ทำหนังสือฟ้องมองโกเลีย เมิน ส.ว.เรียกร้อง “นายกฯ” ขอโทษ บอกพูดความจริง ด้านแดงเชียงใหม่ ขนโลงพวงหรีดประท้วง เตรียมเอาผิดข้อหาหมิ่นประมาทต่อผู้บริหารประเทศที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน
3 พ.ค. 56 - เว็บไซต์เดลินิวส์รายงานว่าที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีชัย ราชวัตร นักเขียนการ์ตูน หนังสือพิมพ์ชื่อดังโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก วิจารณ์คำปาฐกถาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ประเทศมองโกเลีย ว่า หลายส่วนมีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างสร้างสรรค์ นายกรัฐมนตรีก็พร้อมรับฟังการวิพากษ์วิจารณ์ แต่ก็มีบางส่วน รวมถึงสื่อมวลชนบางส่วนมีการวิพากษ์วิจารณ์ ใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสม ถือเป็นการดูถูก ไม่ใช่เฉพาะนายกรัฐมนตรี ซึ่งศักดิ์ศรีของนายกรัฐมนตรีต้องรักษาไว้ ขณะเดียวกันที่แย่ไปกว่านั้นคือการดูถูกศักดิ์ศรีของลูกผู้หญิงคนหนึ่ง
“ผมขอวิงวอนว่าการวิพากษ์วิจารณ์ใดๆ ขอให้อยู่ในกรอบของการวิจารณ์เนื้อหา ที่นายกรัฐมนตรีปาฐกถาไป ไม่ใช่เอาเรื่องของความเป็นสตรีเพศ หรือการไปเปรียบเทียบนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้หญิงกับผู้หญิงขายตัว จริงๆผู้หญิงเหล่านี้ทำอาชีพนั้นเพราะความจำเป็น ซึ่งเป็นปัญหาที่เราต้องช่วยกันแก้ไข แล้วนี่ไปเปรียบเทียบนายกรัฐมนตรีไทยที่ต่ำกว่าอีก ถือเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ผมคิดว่าคนในสังคมปกติคงไม่มีใครยอมรับ และควรที่จะประณามด้วยซ้ำ กับบุคคลที่ไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์ในเนื้อหา แต่กลับใช้เรื่องของเพศ เรื่องของบุคลิกส่วนตัวมาวิพากษ์วิจารณ์” นายสุรนันทน์ กล่าว
เมื่อถามว่า จะมีการฟ้องร้องหรือไม่ นายสุรนันทน์ กล่าวว่าตอนนี้ฝ่ายกฎหมายของนายกรัฐมนตรีกำลังพิจารณาทุกคำพูด และการวิพากษ์วิจารณ์ เพราะหากเป็นการหมิ่นประมาทส่วนตัว ฝ่ายกฎหมายก็กำลังพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรได้ เมื่อถามต่อว่าขณะนี้พรรคประชาธิปัตย์ส่งหนังสือไปยังประเทศมองโกเลีย เพื่อชี้แจงในสิ่งที่นายกรัฐมนตรีพูดโดยเฉพาะการถูกยึดอำนาจของพี่ชาย นายสุรนันทน์ กล่าวว่าการปาฐกถาของนายกรัฐมนตรี ถือเป็นการแสดงจุดยืนของนายกรัฐมนตรีอย่างชัดเจน ประสบการณ์ของนายกรัฐมนตรีที่เจอมา รวมไปถึงอดีตนายกรัฐมนตรี อย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และสิ่งที่ประเทศไทยต้องเจอหลังการรัฐประหารปี 49 เป็นความเลวร้าย เป็นฝันร้ายของประเทศไทย และถือเป็นครั้งแรกที่นายกรัฐมนตรีได้มีโอกาสมีเวทีที่เหมาะสม เป็นการไปแชร์ประสบการณ์ เล่าประสบการณ์แลกเปลี่ยนความคิดเห็น
“นายกรัฐมนตรีไม่ได้มีเจตนาไปประจานประเทศไทยตามที่ถูกกล่าวหา ต้องการเพียงเล่าข้อเท็จจริง และถือเป็นอุทาหรณ์ สำหรับประเทศอื่นๆ และสำหรับคนในประเทศไทยด้วยว่า ความเป็นประชาธิปไตยนั้นต้องช่วยกันรักษา อย่าไปล้มล้างประชาธิปไตย เพราะประชาธิปไตยถือเป็นพื้นฐานที่สำคัญที่ทำให้เกิดความมั่นคง และเสถียรภาพทางการเมือง ถือเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจ การที่ฝ่ายค้านจะมีความเห็นไม่ตรงกับรัฐบาลก็เป็นสิทธิสามารถทำได้ รัฐบาลก็พร้อมรับฟัง เพราะธรรมดาที่ในโลกประชาธิปไตยจะมีความเห็นที่แตกต่างกัน แต่ขณะเดียวกันฝ่ายค้านก็ต้องคิดเหมือนกันว่า ในอดีตที่ผ่านมาตนเองทำความเสียหายอะไรกับประเทศไว้บ้าง ยังมีอีกหลายเรื่องราวของนายกรัฐมนตรีที่ไม่ได้อยู่ในปาฐกถาที่ประชาชนควรทราบ ดังนั้นหากฝ่ายค้านจะทำจดหมายก็เต็มที่ รัฐบาลไม่ขัดขวาง แต่อยากให้คิดนิดหนึ่งว่าได้ทำอะไรกับประเทศไว้บ้าง” นายสุรนันทน์ กล่าว
เมื่อถามว่า 58 ส.ว.เรียกร้องให้ออกมาขอโทษที่นายกฯไปพูดที่มองโกเลีย เลขาฯ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทำไมต้องขอโทษเพราะนายกรัฐมนตรีพูดความจริง การพูดความจริงแล้วต้องขอโทษเหรอ ถ้า ส.ว.เหล่านั้นมีมุมมองที่แตกต่างก็สามารถเสนอความคิดเห็นของตัวเองได้ แต่ก็ชัดเจนว่าในระบอบประชาธิปไตยมีหลายกลไกที่ยังไม่เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง ซึ่งวุฒิสภาก็เป็นกลไกหนึ่งที่ยังไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง เพราะคงมีน้อยประเทศที่วุฒิสภาจะมาจากเลือกตั้งครึ่งหนึ่ง แต่งตั้งครึ่งหนึ่ง ซึ่งตนคิดว่าก็ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่วนที่กรรมาธิการวุฒิสภาจะเรียกนายกรัฐมนตรีไปชี้แจงนั้น ตนยังไม่เห็นจดหมายเชิญ เห็นแต่การเชิญผ่านสื่อ ถ้าเชิญนายกรัฐมนตรีผ่านสื่อก็คงยังพิจารณาอะไรไม่ได้
ต่อข้อถามว่าหลายคนมองว่าประเทศกำลังนิ่งๆ แต่นายกฯ กลับมาเปิดแผลความขัดแย้งในประเทศเอง นายสุรนันทน์ กล่าวว่า เรื่องที่นายกรัฐมนตรีเล่าเป็นเรื่องจริง เป็นจุดยืนทางการเมือง และนายกรัฐมนตรีคิดว่าถึงเวลาที่เหมาะสมที่จะให้ความเห็น เพราะเสถียรภาพทางการเมืองก็ต้องมีประชาธิปไตย ถ้ามีกลุ่มบุคคลที่ไม่เห็นด้วยกับระบอบประชาธิปไตย เราก็ควรจะเตือนเป็นอุทาหรณ์ เพราะหากจะย้อนให้เป็นเหมือนปี 49 อีกครั้งนี้ก็คงจะยากแล้วที่จะฟื้นฟูความเชื่อมั่น และสองปีที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีเดินสายทั่วโลก กว่าจะฟื้นฟูความเชื่อมั่นของประเทศกลับมาได้ถึงจุดนี้ สิ่งที่นายกรัฐมนตรีตั้งใจในการปาฐกถาเป็นอุทาหรณ์ และในที่สุดแล้วต้องการเห็นความปรองดอง ความเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์เกิดขึ้นในประเทศ
เมื่อถามว่าการพูดนอกประเทศในลักษณะอย่างนั้น มันจะเป็นประโยชน์หรืออุทาหรณ์อะไรให้กับคนในประเทศ นายสุรนันทน์ กล่าวว่า เป็นเวทีที่เหมาะสม เพราะการที่มองโกเลียเชิญนายกรัฐมนตรีไทยไป เขาก็มองเห็นแล้วว่านายกรัฐมนตรีมาจากการเลือกตั้ง ก็เหมาะสมที่จะไปพูดในเวทีประชาธิปไตย และถือเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกที่ไปเยือนมองโกเลียอย่างเป็นทางการ เพราะมองโกเลียได้รับการยอมรับว่าเป็นประเทศที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมายาวนาน ดังนั้นเมื่อจะเชิญไปเวทีนี้ก็แสดงว่าเขายอมรับนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง และในหลายๆ เวทีต่อไปจากนี้ในโลกตนก็เชื่อว่านายกรัฐมนตรีจะไปปาฐกถาพิเศษอีก ส่วนจะเป็นเรื่องอะไรก็ต้องติดตามกัน แต่ยอมรับว่าผลกระทบครั้งนี้เป็นผลกระทบที่เราได้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่าประชาธิปไตยในโลก ทุกประเทศมาแชร์ประสบการณ์กัน มีการเติบโตที่ไม่เท่าเทียมกัน และทุกประเทศก็มีปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไข การมาแลกเปลี่ยนกันก็จะทำให้ประชาธิปไตยเข้มแข็ง
เมื่อถามว่าคิดว่าขณะนี้รัฐบาลยืนอยู่บนประชาธิปไตยแล้วหรือยัง นายสุรนันทน์ กล่าวว่า รัฐบาลยืนอยู่บนประชาธิปไตยแล้ว เพราะรัฐบาลมาจากการเลือกตั้งของประชาชนอย่างแท้จริง แต่ยังมีกลไกบางอย่างที่ยังไม่เป็นประชาธิปไตย ซึ่งต้องได้รับการแก้ไข เมื่อถามว่า ประเด็นที่นี้จะทำให้การเดินหน้าสร้างความปรองดองของรัฐบาลสะดุดหรือไม่ นายสุรนันท์ กล่าวว่า ความจริงแล้วประสบการณ์ของหลายประเทศที่มีความขัดแย้งทางการเมือง และเริ่มกระบวนการปรองดอง ซึ่งกระบวนการปรองดองนั้นต้องเริ่มด้วยการพูดความจริง มาดูว่าเราจะมาเจอกันตรงจุดไหนได้ ถึงเวลาแล้วที่คนไทยต้องรู้ความจริงจากผู้นำของประเทศ.
'แดงเชียงใหม่'ขนโลงพวงหรีดประท้วง'ชัย ราชวัตร'
3 พ.ค. 56 - แนวหน้ารายงานว่านายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 พร้อมสมาชิกที่เป็นกลุ่มคนเสื้อแดงหลายสิบคน รวมตัวชุมนุมกันที่บริเวณหน้าศูนย์ข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ประจำจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อประท้วงและแสดงความไม่พอใจกรณี "ชัย ราชวัตร"หรือชื่อจริงสมชัย กตัญญุตานันท์ เจ้าของคอลัมน์การ์ตูนล้อเลียนการเมืองชื่อดังของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เขียนข้อความลงในเฟซบุ๊คส่วนตัวว่า “โปรดเข้าใจ กระหรี่ไม่ใช่หญิงคนชั่ว กระหรี่แค่เร่ขายตัว แต่หญิงคนชั่วเที่ยวเร่ขายชาติ”
เนื่องจากกลุ่มเสื้อแดงเชื่อว่าข้อความดังกล่าวหมายถึงกรณีที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไปปาฐกถาเรื่องประชาธิปไตยเวทีประชาคมประชาธิปไตยที่ประเทศมองโกเลีย ซึ่งเห็นว่าเป็นการดูถูกสตรีเพศ สร้างความเข้าใจผิดทางการเมือง ก่อให้เกิดความแตกแยก เต็มไปด้วยอคติ
ทั้งนี้ กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ได้นำโลงศพและพวงหรีดกว่าสิบพวงมาวางหน้าสำนักงานศูนย์ข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐประจำจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมยื่นหนังสือเรียกร้องให้ดำเนินการ 4 ข้อ คือ กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ขอประณามพฤติกรรมของนายชัย ราชวัตร กับการกระทำดังกล่าว ว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่ดี ไม่รู้จักกาลเทศะและจะทำการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจของรัฐในการดำเนินคดีกับสมชัย กตัญญุตานันท์ ในข้อหาหมิ่นประมาทต่อผู้บริหารประเทศที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน
ขอให้คณะกรรมการบริหารหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ได้พิจารณายุติการว่าจ้างนายสมชัย ขอให้หนังสือพิมพ์ไทยรัฐแจ้งผลการดำเนินการในกรณีนี้ โดยต้องประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั่วประเทศได้รับทราบ พร้อมทั้งออกแถลงการณ์ขออภัยต่อพี่น้องประชาชนและสตรีไทยทั่วประเทศภายใน 7 วัน
โดยทางกลุ่มได้วางโลงศพและพวงหรีดไว้เป็นเวลา 7 วัน ห้ามเคลื่อนย้าย หากมีการเคลื่อนย้ายและยังไม่ดำเนินการตามข้อเรียกร้อง จะเคลื่อนไหวกดดันอีกครั้ง
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai