รักษาการเลขาธิการสภาฯ ระบุ รธน. 50 สิ้นสุดลงตามประกาศ คสช. ทำให้สิทธิในการเข้าชื่อเสนอ กม. สิ้นสุดไป แนะเครือข่าย ปชช. เสนอร่าง กม. 4 ฉบับ ต่อหัวหน้า คสช. ด้าน ปชช. สวนอาจเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
เมื่อวันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา กองบก.เว็บไซต์ 4LAWS.INFOรายงานว่า ตามที่เครือข่ายประชาชน โดยมีนายดิเรก กองเงินเป็นตัวแทนผู้ริเริ่มเสนอร่างกฎหมาย ได้ใช้สิทธิประชาชนตามพรบ ว่าด้วยการเข้าชื่อฯ พ.ศ. 2556 เพื่อยื่นหนังสือขอเสนอร่างพระราชบัญญัติ 4 ฉบับ ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติธนาคารที่ดิน พ.ศ… ร่างพระราชบัญญัติสิทธิชุมชนในการจัดการที่ดินและทรัพยากรในรูปแบบโฉนดชุมชน พ.ศ… ร่างพระราชบัญญัติภาษีที่ดินอัตราก้าวหน้า พ.ศ…. และร่างพระราชบัญญัติกองทุนยุติธรรม พ.ศ…. ลงวันที่ 23 มิถุนายน 2557 และทางสำนักเลขาสภาผู้แทนราษฎร ได้ลงเลขรับ ที่ 1/2557, 2/2557, 3/2557, 4/2557 ลงวันที่ 23 มิถุนายนตามลำดับ ทั้งนี้เครือข่ายฯ มีเป้าประสงค์แน่วแน่ที่ใช้สิทธิในการรณรงค์สาธารณะเพื่อรวบรวมรายชื่อประชาชนอันเป็นกลไกหลักของการมีส่วนร่วมทางการเมืองผ่านการเสนอกฎหมายเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร
ซึ่งทางรักษาการเลขาธิการ สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้มีหนังสือตอบกลับมายัง นายดิเรก กองเงิน เมื่อวันที่ 10 ก.ค. ทีผ่านมา โดยมีสาระสำคัญว่า เนื่องจากรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 สิ้นสุดลงตามประกาศ คสช. ฉบับที่ 11/2557 จึงทำให้สิทธิในการเข้าชื่อเสนอกฎหมายสิ้นสุดลงไปด้วย”
นอกจากนั้น ทางรักษาการเลขาธิการ สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรยังได้ชี้แจงต่อว่า “ได้มีประกาศคสช.ฉบับที่ 30/2557 ข้อ 2 กำหนดกรณีที่มีกฎหมายบัญญัติให้การดำเนินการเรื่องใดต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา สภาผู้แทนราษฎร หรือวุฒิสภา ให้เป็นอำนาจของหัวหน้า คสช. ในการให้ความเห็นชอบแทนรัฐสภา สภาผู้แทนราษฎร หรือวุฒิสภา”
“หากพิจารณาแล้วก็น่าจะเสนอเรื่องดังกล่าวต่อหัวหน้าคสช. พร้อมทั้งคืนเรื่องการเสนอกฎหมายดังกล่าวทั้ง 4 ฉบับคืนมาให้นายดิเรก เพื่อดำเนินการต่อไป”
ทั้งนี้ กองบก.เว็บไซต์ 4LAWS.INFO และคณะทำงานเสนอร่างกฏหมาย 4 ฉบับ ได้ร่วมหารือแล้ว มีข้อสังเกตด้วยว่า “การตอบกลับของรักษาการเลขาธิการสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร อาจเข้าข่ายการละเมิดสิทธิในการเข้าชื่อเสนอกฎหมายของประชาชน และอาจเข้าข่ายการการกระทำผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เนื่องด้วยอำนาจในการวินิจฉัยตามความดังกล่าวตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติว่าด้วยการเข้าชื่อ พ.ศ. 2556 ซึ่งยังบังคับใช้อยู่ในปีจจุบันได้ให้อำนาจแก่ประธานรัฐสภาเป็นผู้วินิจฉัย ”
แต่รักษาการเลขาธิการ สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กลับทำหน้าที่วินิจฉัยเสียเอง ทั้งนี้คณะทำงานรณรงค์กฎหมาย 4 ฉบับได้ยืนยันกับกองบก.เว็บไซต์ฯ ว่า ”จะยังคงยืนอยู่บนหลักการในการใช้สิทธิของประชาชนในการเข้าชื่อเสนอกฎหมายตามพรบ. ว่าด้วยการเข้าชื่อฯ พ.ศ.2556 ซึ่งยังคงมีผลบังคับใช้ และจะใช้สิทธิประชาชนเท่าที่มีอยู่เพื่อดำเนินการให้ถึงที่สุด ในส่วนของการดำเนินการต่อไปนั้น จะมีการแจ้งให้สาธารณชนรับรู้เพื่อเป็นประโยชน์ในการร่วมกันขับเคลื่อนรณรงค์กฎหมายต่อไป”