วันที่ 1 พ.ค. 56 น.ส.บุญยืน ศิริธรรม ผู้แทนภาคประชาชนด้านเกษตรกรในบอร์ดสปสช. กล่าวว่าขณะนี้ บอร์ด สปสช.หลายคนและผู้ป่วยรวมทั้งโรงพยาบาลในระบบหลักประกันสุขภาพ สะสมความไม่พอใจที่ รมว.สาธารณสุขใช้อำนาจสั่งเปลี่ยนแปลงวันประชุมบอร์ด สั่งบรรจุวาระการประชุมบอร์ด และใช้บอร์ดเป็นตรายางออกมติที่ตัวเองต้องการหรือรับใบสั่งมา ทำให้บอร์ด สปสช. กลายเป็นบอร์ดส่วนตัวของรัฐมนตรี และล่าสุดได้สั่งให้มีมติบอร์ด และเสนอ ครม. ให้เอาเงินกองทุนหลักประกันสุขภาพ ไปใช้สำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้กับข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และประกันสังคม ทั้งๆที่หน่วยงานที่รับผิดชอบยังไม่มีระเบียบรองรับการจ่ายเงินคืนให้ สปสช. ทำให้ที่ผ่านมาใช้เงิน สปสช.ไปเป็นเงินสะสมกว่า 300 ล้านบาท จนกระทั่งขณะนี้ยังไม่สามารถเรียกเงินคืนได้ หรือยังไม่มีคำตอบว่าจะได้เงินคืนมาเมื่อไหร่ รวมทั้งจะต้องใช้เงิน สปสช. สำรองจ่ายต่อไปอีกจำนวนกี่ร้อย กี่พันล้านบาท เป็นการออกมติผิดกฎหมายหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ มาตรา 38 อย่างชัดเจน ทำให้โรงพยาบาลต่างๆโดยเฉพาะ รพ.ในชนบท ได้รับงบประมาณน้อยลง หรือได้รับงบประมาณช้าลง กระทบกับการจัดบริการผู้ป่วยระบบ สปสช.มากขึ้นเรื่อยๆ จึงมีความจำเป็นที่เครือข่ายภาคประชาชนจะจับมือกับเครือข่ายผู้อำนวยการ รพ.ที่ได้รับผลกระทบยื่นฟ้องต่อศาลอาญา ศาลปกครอง และ สตง. ในเร็วๆนี้
ด้าน นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการ รพ.จะนะ จ.สงขลา เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ รมว.สาธารณสุขได้ใช้อำนาจเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด จงใจทำผิดกฎหมายด้วยการใช้เงินกองทุนของ สปสช.ไปอุ้มข้าราชการและคนรวย ทำให้ระบบหลักประกันสุขภาพ และระบบสาธารณสุขของรัฐปั่นป่วน วุ่นวาย อ่อนแอลง และมีแนวโน้มว่าเงินชดเชยให้กับ รพ.ต่างๆในชนบทจะไม่พอ ทำให้ผู้ป่วยเดือดร้อน ในฐานะที่โรงพยาบาลมีส่วนได้เสียและรับผลกระทบโดยตรง เครือข่ายผู้อำนวยการ รพ. จะร่วมกับเครือข่ายผู้ป่วยและภาคประชาชน มอบหมายให้ทนายความยื่นเรื่องฟ้องเอาผิดทางอาญา ทางปกครอง และทางวินัย กับนายกรัฐมนตรี ที่ต้องรับผิดชอบต่อมติ ครม. และฟ้องเอาผิดกับ รมว.สาธารณสุขที่ต้องรับผิดชอบต่อการออกมติบอร์ด สปสช.ที่ผิดกฎหมายหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
“นอกจากมีการทำผิดกฎหมาย ใช้เงินผิดประเภท ผิดกองทุนแล้ว ขณะนี้มีข่าวในพื้นที่ว่ามีการวางธงที่จะย้ายผู้อำนวยการ รพ.ชุมชนบางคนที่คัดค้านการใช้อำนาจออกนโยบายทับซ้อน เอื้อประโยชน์ธุรกิจเอกชน โดยเตรียมการที่จะเคลื่อนไหว อสม. ออกมาให้กำลังใจสนับสนุนการจัดซื้อเครื่องวัดน้ำตาลในเลือดแบบพกพาที่ชมรมแพทย์ชนบทเปิดโปงว่าตั้งราคาสูงกว่าองค์การเภสัชกรรมขายในท้องตลาดหลายเท่าตัว และจะมี อสม.ออกมาคัดค้านต่อต้านการตรวจสอบทุจริตของ รพ.ชุมชน เป็นการสุมไฟให้เกิดความขัดแย้งในการทำงานเชิงรุกในพื้นที่ เสี่ยงกับการทำลายระบบควบคุมป้องกันโรคที่กระทรวงสาธารณสุข ทุ่มเทสร้างกันมายาวนาน ที่เน้นการทำงานร่วมระหว่าง รพ.ชุมชน รพ.สต. อสม.และ ท้องถิ่น”ผู้อำนวยการ รพ.จะนะ กล่าว