25 กรกฎาคม 2557 การประชุมคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) ที่มี พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และหัวหน้าฝ่ายกิจการพิเศษ ในฐานะประธานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ณ โรงแรมปริ๊นซ์ พาเลซ มหานาค กรุงเทพฯ มีมติเห็นชอบให้เตรียมเสนอครม.แก้ไขกระบวนการมีส่วนร่วมในการเจรจาการค้าและทำหนังสือสัญญาระหว่างประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับข้อเสนอจากการประชุมวิชาการ การค้าระหว่างประเทศและสุขภาพ ปี 2556-2557 ตามที่ คณะกรรมการสนับสนุนการศึกษาและติดตามการเจรจาการค้าระหว่างประเทศที่มีผลกระทบต่อสุขภาพและนโยบายสุขภาพ (คจคส.) เสนอ
ดร.ศิรินา ปวโรฬารวิทยา กรรมการสุขภาพแห่งชาติจากผู้ทรงคุณวุฒิกลุ่มธุรกิจ ประธานคณะกรรมการสนับสนุนการศึกษาและติดตามการเจรจาการค้าฯ กล่าวว่า การเจรจาการค้าเสรีภายใต้กรอบความร่วมมือต่างๆ มีความเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อคนไทยทั้งประเทศ ทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับระบบสุขภาพ ยารักษาโรค การเข้าถึงยา การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา และบริการทางสุขภาพ
เมื่อเร็วๆนี้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงเห็นถึงความสำคัญถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ใน รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2557 จึงมีบทบัญญัติในมาตรา 23 ระบุว่า การจัดทำหนังสือสัญญาระหว่างประเทศที่กระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจหรือสังคมของประเทศอย่างกว้างขวาง ต้องได้รับความเห็นชอบของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
อย่างไรก็ตามคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ต้องการเสนอต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติให้เพิ่มเติมมาตรา 23 เรื่องกระบวนการมีส่วนร่วมผ่านการรับฟังความเห็นจากภาคประชาชน ทั้งก่อน ระหว่างและหลังกระบวนการการเจรจาการค้า เพื่อให้เกิดความรอบคอบในการดำเนินงาน และลดผลกระทบที่จะเกิดในอนาคต
สำหรับ ข้อเสนอแนะจากการประชุมวิชาการ การค้าระหว่างประเทศและสุขภาพ ปี 2556-2557
ต่อกระบวนการเจรจาการค้าระหว่างประเทศที่มีผลกระทบต่อสุขภาพและนโยบายสุขภาพ ประกอบด้วย 4 ด้าน ประกอบด้วย
1. การค้าระหว่างประเทศ ควรใช้การเจรจาการค้าเสรี (Free Trade agreement : FTA) เป็นเครื่องมือในการพัฒนาเศรษฐกิจและเป็นโอกาสในการปฏิรูปเศรษฐกิจ เพื่อความยั่งยืนของประเทศ แต่ต้องรับฟังความห่วงกังวลต่างๆ และร่วมกันพิจารณาผลกระทบด้านสุขภาพและสังคม มีดุลยภาพระหว่างผู้ได้รับประโยชน์และผู้เสียประโยชน์
2.ประเด็นอื่นๆที่มีผลกระทบต่อระบบสุขภาพ ควรพิจารณาถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นทั้งทางตรง ทางอ้อม และผลกระทบในทางสุขภาพอย่างชัดเจน ในการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (Trans-Pacific Partnership : TPP) เนื่องจากเป็นกรอบการค้าที่มีแนวโน้มเอื้อประโยชน์ให้แก่ประเทศพัฒนาแล้ว
3.ระบบยา การเข้าถึงยา การคุ้มครองด้านทรัพย์สินทางปัญญาและประเด็นอื่นที่เกี่ยวข้องในการเจรจาการค้าเสรี ควรเร่งส่งเสริมนักวิจัยไทยและอุตสาหกรรมยาที่มีศักยภาพสูง พัฒนาต่อยอดในการค้นคว้าวิจัยและผลิตยา ที่มีคุณภาพ รับมือกับข้อเรียกร้องของต่างชาติ ที่เรียกร้องขยายอายุสิทธิบัตรยาและขอผูกขาดตลาดยามากขึ้น
4. ระบบบริการสุขภาพ ศึกษาถึงต้นทุน ความพร้อม และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น จากนโยบายศูนย์กลางสุขภาพ (Medical Hub) พร้อมวางแผนกำลังคนทางการแพทย์ เพื่อรับมือการเข้าสู่สังคมประชากรผู้สูงอายุ (Ageing population)
ทั้งนี้ในการประชุมคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติครั้งนี้ ได้เน้นย้ำถึงแนวทางระยะยาว เพื่อเตรียมรับมือกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการเจรจา บนฐานข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบ ทั้งผลด้านบวกและลบจากการเจรจาการค้าอย่างรอบด้าน และที่สำคัญยึดหลักการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการเจรจาการค้าด้วย โดยจะเสนอแนวทางดังกล่าวให้ครม.เห็นชอบต่อไป
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai