สปสช.ร่วมกับมูลนิธิราชประชาสมาสัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ สถาบันราชประชาสมาสัย ร่วมจัดประชุมผู้บริหารหน่วยงานพยาบาลทั่วประเทศ ดึงเป็นแกนนำรุกงานจัดตั้ง “องค์กรจิตอาสาราชประชาสมาสัย” ทั่วประเทศ มุ่งทำงานตามพระราชอุดมการณ์ “ปิดทองหลังพระ” เป็นกลไกหนุนงาน คสช. ช่วยแก้ไขปัญหาประเทศ “คืนความสุขให้คนไทย”
เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2557 สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ร่วมกับมูลนิธิราชประชาสมาสัย ในพระบรมราชูปถัมภ์และสถาบันราชประชาสมาสัย ได้ร่วมจัดประชุมหน่วยงานการพยาบาลภาครัฐ วิทยาลัยพยาบาลและสาธารณสุข และผู้บริหารการพยาบาลทั่วประเทศ เรื่อง “จิตอาสาราชประชาสมาสัย ทางออกประเทศไทย” โดยมี พล.ร.อ.จักรชัย ภู่เจริญยศ รองผบ.ทร. หัวหน้าที่ปรึกษาคสช.ฝ่ายความมั่นคง เป็นประธานเปิดการประชุม ซึ่งมีผู้เข้าร่วมประมาณ 350 คน อาทิ ผู้อำนวยการวิทยาลัยพยาบาลและสาธารณสุขทั้งภาครัฐและเอกชนผู้บริหารการพยาบาลของหน่วยงานรัฐ เครือข่าย/ชมรมผู้บริหารการพยาบาลทั่วประเทศ และผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จากทั่วประเทศ
ทั้งนี้ ศ.นพ.ธีระ รามสูต ประธานกรรมการมูลนิธิราชประชาสมาสัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้กล่าวถึง การจัดงานว่า การประชุมครั้งนี้จัดขึ้น 1.เพื่อร่วมหารือแนวทางการขยายการจัดตั้งชมรมจิตอาสาราชประชาสมาสัยประจำตำบลและองค์กรทั่วประเทศ โดยมีพยาบาลทั่วประเทศเป็นแกนนำ/ผู้ประสานสนับสนุน/ผู้นำการเปลี่ยนแปลง 2.ให้เครือข่ายจิตอาสาราชประชาสมาสัยประจำตำบล (องค์การบริหารส่วนตำบล/เทศบาลตำบล ) และองค์กรของโรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งหน่วยงานราชการ , รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน เป็นพลังประชาสังคมในการเสริมสร้างความเข้มแข็งของตำบล และองค์กรในการช่วยสนับสนุนด้านพัฒนาสุขภาพ และสิ่งแวดล้อมของกระทรวงสาธารณสุข และเสริมสร้างความมั่นคง จิตสำนึกด้านคุณธรรม จริยธรรม ความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และความสามัคคีปรองดองของคนไทยทั่วประเทศในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ด้าน นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า หลายปีที่ผ่านมาสังคมไทยเต็มไปดวยความเห็นต่าง และต่อมาได้ลุกลามกลายเป็นความขัดแย้ง เริ่มจากสถาบันการเมืองในที่สุดได้กระจายไปยังทุกภาคส่วนไม่เว้นแม้แต่สถาบันครอบครัว ที่ทำให้ฉุกรั้งการพัฒนาประเทศไทยในทุกด้าน ทางออกลดน้อยลงเรื่อยๆ สังคมไทยเริ่มเข้าสู่ทางตัน วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ถือเป็นวันประวัติศาสตร์วันหนึ่งที่ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย จากสภาพสังคมไร้ทางออก กลับเข้าสู่สังคมแห่งความหวัง คสช. ได้นำความหวังที่หายไปกลับคืนสู่สังคมไทย ด้วยการทำงานที่มีระเบียบแบบแผนชัดเจน
นพ.วินัย กล่าวว่า นับจากวันนี้เป็นเวลา 65 วันแล้วที่คนไทยทั้งประเทศเริ่มมีความสุขเพิ่มขึ้นจากการทำงานในระยะที่ 1 ของ คสช. ได้เห็นความสงบเรียบร้อยเกิดขึ้นในภาพรวม แต่การจะทำให้เกิดความเข้าใจ เห็นใจ และจริงใจของประชาชนในระยะยาว จำเป็นต้องทำงานเชิงลึกลงไปทั่วทุกพื้นที่ประเทศไทย และด้วยความร่วมแรงร่วใจของทุกหน่วยงาน มูลนิธิราชประชาสมาสัยจึงได้จัดตั้งชมรมจิตอาสาเพื่อมุ่งทำงานตามพระราชอุดมการณ์ “ปิดทองหลังพระ” โดยมีหลักการร่วมกันทำความดีเพื่อพ่อแห่งแผ่นดิน โดยไม่หวังผลตอบแทน เป็นการสร้างจิตอาสาให้เกิดขึ้นทั่วประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ในทุกภาคส่วนสอดคล้องกับเป้าหมายสำคัญในการ “คืนความสุขให้กับคนไทย” ของ คสช.
“การเสียสละเวลาอันมีค่าในการเป็นปรานการประชุมของท่าน ผบ.ทร.ในวันนี้ จึงเป็นสิ่งที่มีคุณค่าและมีความสำคัญในการสร้างขวัญกำลังใจให้ผู้เกี่ยวข้องได้ทำงานสนองพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผมเชื่อว่าพวกเราคนไทยที่อยุ่ในที่นี่และอีกจำนวนมาก พร้อมจะร่วมกันปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประเทศที่น่าอยู่ภายใต้ร่มพระบารมี” เลขาธิการ สปสช. กล่าว และว่า สำหรับประโยชน์ที่จะได้รับจากการประชุมครั้งนี้ 1.ผู้เข้าร่วมประชุมจะได้เรียนรู้และเข้าใจแนวคิดทฤษฎีจิตอาสาราชประชาสมาสัย 2.ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์การดำเนินงานจิตอาสา ของผู้บริหารการพยาบาล และ 3.มีการมอบหมายงานเพื่อขยายการดำเนินงานจิตอาสาราชประชาสมาสัยสู่หน่วยงานและสถานพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai