เนติวิทย์เขียนถึงปลัดกระทรวงศึกษาธิการ แสดงความไม่เห็นด้วยที่กระทรวงศึกษาธิการขานรับนโยบายคณะรัฐประหาร รวมทั้งเรื่องบรรจุการร้องเพลงปลุกใจ แก้ไขตำราเรียนประวัติศาสตร์ การนำค่านิยมที่พึงประสงค์ของ คสช. มาบรรจุในแผนปฏิรูปการศึกษา "นี่มิใช่การทำให้การศึกษาไทยย้อนหลังไปในสมัยรัฐบาลเผด็จการที่ผ่านมาละหรือ"
15 ก.ค. 2557 - เนติวิทย์ โชติภัทรไพศาล เขียนจดหมายเปิดผนึกถึงสุทธิศรี วงษ์สมาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง "ขอให้ท่านทบทวนนโยบายการศึกษา อย่าวางยาพิษให้กับการศึกษาไทยและนักเรียนไทย"โดยแสดงความเป็นห่วงต่อสถานการณ์ปฏิรูปการศึกษาไทย โดยไม่เห็นด้วยที่กระทรวงศึกษาธิการขานรับนโยบายของคณะรัฐประหาร รวมทั้งการร้องเพลงปลุกใจ แก้ไขตำราเรียนประวัติศาสตร์ การนำค่านิยมคนไทยที่พึงประสงค์ฉบับคณะรัฐประหารมาปัจจุบันมาบรรจุในแผนปฏิรูปการศึกษาไทย "นี่มิใช่การทำให้การศึกษาไทยย้อนหลังไปในสมัยรัฐบาลเผด็จการที่ผ่านมาละหรือ"
โดยรายละเอียดของจดหมายมีดังนี้
000
จดหมายเปิดผนึก
15 กรกฎาคม พ.ศ.2557
เรียน นางสุทธิศรี วงษ์สมาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
เรื่อง ขอให้ท่านทบทวนนโยบายการศึกษา อย่าวางยาพิษให้กับการศึกษาไทยและนักเรียนไทย
กระผมมีความเป็นห่วงอย่างยิ่งต่อสถานการณ์การปฏิรูประบบการศึกษาไทยในขณะนี้ แม้ว่าในช่วงนี้ผมจะไม่ได้ศึกษาอยู่ที่ประเทศไทยก็ตาม อย่างไรก็ตามผมยังคงสภาพความเป็นนักเรียนและผมเองก็ได้ผ่านประสบการณ์ที่ไม่น่าประทับใจหลายอย่างของระบบการศึกษาไทยซึ่งหลายเรื่องจำเป็นต้องได้รับการปฏิรูปทันทีอาทิ การคิดวิเคราะห์ตั้งคำถาม, ชั่วโมงในห้องเรียน และอำนาจนิยมของครูของฝ่ายบริหาร เป็นต้น ทั้งผมเองและเพื่อนนักเรียนนักศึกษาอีกจำนวนมากก็เคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องมิได้นิ่งเฉย เช่นเดียวกับภาคประชาชนอื่นๆ ดังท่านน่าจะจำได้ว่าครั้งหนึ่งผมและเพื่อนเคยไปยื่นข้อเสนอปฏิรูปการศึกษาที่กระทรวงศึกษาธิการ สมัยนายจาตุรนต์ ฉายแสง เป็นรัฐมนตรีฯ ขณะนั้นท่านพึ่งเข้ามาดำรงตำแหน่งปลัดฯไม่ครบเดือน ท่านออกมารับหนังสือแทน อย่างไรก็ตามสีหน้าท่าทางกริยาของท่านก็บ่งบอกชัดเจนว่าท่านเห็นพวกเรานักเรียนนักศึกษาที่มายื่นข้อเสนอเป็นอย่างไร ผมยังจำได้ดี อย่างไรก็ตามผมไม่ขอเอ่ยในที่นี้
ดังกล่าวมาข้างต้นแล้วว่ากระผมรู้สึกเป็นห่วงยิ่งต่อสถานการณ์ปฏิรูปการศึกษาในขณะนี้อย่างมาก แม้ว่านักวิชาการ นักการศึกษาบางคนจะเห็นว่าตอนนี้เป็นโอกาสดีก็ตาม แต่เหตุใดผมถึงรู้สึกเช่นนี้ละหรือก็เพราะเราย่อมทราบจากการเรียนอยู่แล้วว่า รัฐเผด็จการย่อมมิต้องการให้คนคิดคนกล้าแสดงออกต่อต้านพวกเขา พวกเขาจะพยายามทำให้คนยอมรับและอยู่ภายใต้อำนาจของเขา สิ่งเหล่านี้เคยเกิดขึ้นแล้วในสมัยการปกครองยุคเผด็จการจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ และถนอม กิตติขจร กระผมไม่คิดว่าในวันนี้จะเกิดขึ้นอีก แต่ก็ได้เกิดขึ้นอีกแล้ว ขณะนี้ประเทศไทยถูกปกครองโดยระบอบทหารกระทรวงศึกษาธิการเองซึ่งท่านเป็นรักษาการรัฐมนตรีฯอยู่นั้นก็ออกมาขานรับให้ทุกโรงเรียนปฏิบัติเช่น การร้อง การฟังเพลงปลุกใจในโรงเรียน เป็นต้น ในระดับนโยบายเช่นแก้ไขวิชาประวัติศาสตร์ไทยให้สอดคล้องกับความคิดของ คสช, การนำค่านิยมคนไทยที่พึงประสงค์ฉบับคณะรัฐประหารมาปัจจุบันมาบรรจุในแผนปฏิรูปการศึกษาไทย เป็นต้น นี่มิใช่การทำให้การศึกษาไทยย้อนหลังไปในสมัยรัฐบาลเผด็จการที่ผ่านมาละหรือ ปัจจุบันเราอยู่ในช่วงสมัยแห่งเทคโนโลยี ความเป็นสมัยใหม่รวมถึงหลังสมัยใหม่แล้วด้วยซ้ำ กระทรวงศึกษาธิการควรส่งเสริมและพัฒนาให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นมิใช่หรือ ใยกลับออกนโยบายเพื่อให้นักเรียนไทยย้อนกลับไปในยุคก่อนสมัยใหม่ ก่อนหน้าประชาธิปไตย ไม่ต้องคิดอ่าน และยัดเยียดพวกเขาให้เชื่อฟังทำตามอย่างเดียวหรือ กระทรวงศึกษาธิการ ถ้าท่านและคนที่อยู่ในกระทรวงฯ เป็นคนมีความคิดความอ่านก็น่าจะถอยออกจากนโยบายที่ผิดพลาดนี้ ไม่ทำตัวเป็นคุณแม่รู้ดีว่า นักเรียนต้องอย่างนี้อย่างนั้นตามท่าน ให้พวกเขาสามารถมีความคิดความอ่านเป็นตัวของตัวเองบ้าง
อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อว่าท่านเองก็คงรู้และรู้สึกไม่ค่อยดีกับการขานรับตามนโยบายคณะรัฐประหารอย่างออกหน้าออกตา โดยท่านอาจคิดว่าเป็นข้าราชการก็ต้องปฏิบัติตามคำสั่งเจ้านาย แต่โปรดคิดด้วยว่า นโยบายที่ท่านได้ขานรับ ได้ประดิดประดอยเอาใจคณะรัฐประหารนั้นเป็นการทำลายคุณค่าของนักการศึกษาที่ท่านอ้างว่าตัวเองเป็น เป็นการทำลายนักเรียนนักศึกษาในขณะนี้และอนาคต และสิ่งที่ท่านพูดต่อไปเช่น เด็กไทยมีปัญหาเรื่องการคิดตั้งคำถาม การเป็นตัวของตัวเอง เป็นต้น คำพูดเหล่านี้ก็จะกลับมาทำร้ายตัวท่านเอง เพราะท่านไม่มีหลักการทางการศึกษา และสร้างพิษร้ายให้เด็กไทย ในส่วนการเป็นข้าราชการนั้น ถ้าเดินตามลมตามคำสั่งซึ่งมาจากเผด็จการนั้น ศักดิ์ศรีอยู่ที่ไหน คุณค่าในการทำงานของตนเองอยู่ที่ไหน
ขอให้ท่านปลัดกระทรวงศึกษาธิการ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ โปรดพิจารณาสิ่งที่ผมได้กล่าวไว้ในที่นี้อย่างตรึกตรองยิ่ง การลาออกจากตำแหน่งไม่ใช่เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้สำหรับท่าน แม้ตำแหน่งนี้จะสูงค่าสูงส่ง แต่การมีความกล้าหาญทางจริยธรรมทำในสิ่งที่ถูกต้อง รักษาจุดยืนในทางคุณธรรม สำคัญยิ่งสำหรับมนุษย์ทุกคน ทุกการกระทำการตัดสินใจของท่านมิได้ส่งผลต่อท่านคนเดียวหรือในกระทรวงฯ โปรดตราไว้ แต่รวมถึงคนรุ่นใหม่ นักเรียนนักศึกษาไทย รวมถึงคนรุ่นอนาคตด้วย
ด้วยความเป็นห่วงเป็นใยอย่างยิ่งยวด
เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล
สาธารณรัฐอินเดีย
ปัจฉิมลิขิต: ผมมีความเชื่อมั่น และความหวังอย่างมากที่ท่านจะตอบจดหมายของผม มิใช่ว่าท่านต้องลดความสูงส่งของตนมาตอบแต่เป็นมารยาทที่พึงทำอยู่แล้ว ดังก่อนหน้านี้ผมส่งจดหมายถึงคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนก็ดี รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการในอดีตก็ดีล้วนตอบจดหมายผมทั้งนั้นจะสั้นจะยาวมีสาระหรือไม่ก็ตาม อย่างไรก็ตาม ไม่นานนี้ผมเขียนจดหมายถึงหัวหน้าคณะรัฐประหาร คสช. แม้เขาจะไม่เห็นด้วยหรือเห็นแย้งกับผม แต่เขาไม่ไยดีจะตอบจดหมายเอาเลย โดยทั้งวัยวุฒิ คุณวุฒิ รวมถึงการมาสู่ชนชั้นปกครองที่ต้องรับผิดชอบต่อประชาชน มิได้ทำให้เขาตระหนักหรือว่าเป็นมารยาทอันพึงมี