สหภาพแรงงานภาครัฐอังกฤษหยุดงานประท้วงนโยบายแช่แข็งค่าแรง

 

 

 

 

เมื่อวันที่ 10 ก.ค. 2014 ที่ผ่านมาสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าสหพันธ์แรงงานพนักงานภาครัฐและภาคธุรกิจ (PCS) ได้นำพนักงานภาครัฐไม่ว่าจะเป็น พนักงานดูแลเด็ก ครูประถม อาจารย์  พนักงานทำความสะอาด พนักงานดับเพลิง ฯลฯ ในอังกฤษหยุดงาน รวมทั้งนำประชาชนออกมาประท้วงตามท้องถนนในหลายเมืองใหญ่ 

 

โดยกลุ่มผู้ประท้วงระบุว่าตั้งแต่รัฐบาลผสมของอังกฤษที่นำโดยพรรคพรรคอนุรักษ์นิยมของนายเดวิด คาเมรอน (David Cameron) เข้าสู่ตำแหน่งเมื่อปี ค.ศ. 2010 กลับมีนโยบายแช่แข็งการขึ้นค่าแรงให้กับพนักงานภาครัฐ โดยเงินเดือนพนักงานภาครัฐขึ้นได้เพียง 1% ต่อปี ตามนโยบายรัดเข็มขัดของรัฐบาล โดยการที่รายปรับขึ้นไม่ทันค่าครองชีพนี้ถูกเรียกว่า "Poverty Pay"หรือค่าแรงที่ทำให้จนลง อันเป็นม๊อตโต้หลักของการประท้วงครั้งนี้ซึ่งถือว่าเป็นการประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดของอังกฤษในรอบ 3 ปีเลยทีเดียว

 

นอกจากนี้กลุ่มผู้ประท้วงยังระบุว่าการตัดเงินบำนาญและค่าใช้จ่ายภาครัฐก็ได้ส่งผลกระทบต่อคนทำงานส่วนใหญ่ ในขณะที่คนรวยและชั้นสูงในอังกฤษกลับไม่มีใครแตะต้อง ทำให้ความเหลื่อมล้ำระหว่างชนชั้นจะยิ่งเพิ่มมากขึ้นทุกทีในอังกฤษ โดยกลุ่มผู้ประท้วงยังได้นำการขึ้นเงินเดือนของ ส.ส.ในสภาถึง 11% ในปีนี้มาเปรียบเทียบกับการแช่งแข็งการขึ้นค่าแรงให้แก่คนกลุ่มใหญ่ 

 

การประท้วงครั้งนี้ของครูอาจารย์ส่งผลให้โรงเรียน เนิร์สเซอรี และวิทยาลัยต่างๆ ทั่วอังกฤษและเวลส์ต้องปิดการเรียนการสอนกว่า 3,000 แห่ง ด้านนายคาเมรอน กล่าวในสภาต่อการประท้วงว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องจำกัดอำนาจของสหภาพแรงงานในการหยุดงานประท้วงรัฐบาล เนื่องจากได้ส่งผลเสียหายต่อเศรษฐกิจของอังกฤษ