ผบ.ทร. และรองหัวหน้า คสช. เป็นประธานเปิดอาคาร บก.กองเรือดำน้ำ ที่สัตหีบ โดยเป็นแผนปี 54 ตั้งกองเรือดำน้ำ มีการส่งกำลังพลไปฝึกด้านเรือดำน้ำแล้วที่เยอรมนีและเกาหลีใต้ มีการก่อสร้างอาคารสำหรับเป็นกองบัญชาการแล้ว ส่วนเรือดำน้ำอยู่ระหว่างตัดสินใจจัดซื้อ
พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ และ พล.ร.อ.พิจารณ์ ธีรเนตร ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ถ่ายรูปร่วมกับกำลังพลกองเรือดำน้ำ เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 (ที่มา: เพจกองเรือดำน้ำ กองเรือยุทธการ)
พล.ร.ท.ศักดิ์นรินทร์ เจริญสุข เสนาธิการกองเรือยุทธการ ตรวจเยี่ยมอาคารกองบัญชาการกองเรือดำน้ำแห่งใหม่ และการเตรียมการจัดพิธีเปิดอาคารกองบัญชาการกองเรือดำน้ำ ณ ฐานทัพเรือสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยมี พล.ร.ต.ภาณุ บุณยะวิโรจ ผู้บัญชาการกองเรือดำน้ำ ให้การต้อนรับ เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2557 (ที่มา: เพจกองเรือดำน้ำ กองเรือยุทธการ)
10 ก.ค. 2557 - เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เว็บไซต์กองทัพเรือรายงานว่า พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ และรองหัวหน้า คสช. ฝ่ายสังคมจิตวิทยา เป็นประธานในพิธีเปิดอาคาร กองบัญชาการกองเรือดำน้ำ กองเรือยุทธการ ณ กองบัญชาการกองเรือดำน้ำ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
ทั้งนี้ตั้งแต่ พ.ศ. 2554 พล.ร.อ.กําธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือในขณะนั้น ได้อนุมัติให้มีการจัดตั้งกองเรือดำน้ำ เพื่อเตรียมรองรับการมีเรือดำน้ำของกองทัพเรือ ต่อมา พ.ศ. 2555 พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผู้บัญชาการทหารเรือในขณะนั้น ได้อนุมัติการเตรียมความพร้อมแบ่งออกเป็น 3 ด้าน ได้แก่ การเตรียมการด้านองค์ความรู้ การเตรียมการด้านโครงสร้างพื้นฐาน และการเตรียมการด้านการเสริมสร้างสมรรถนะการปฏิบัติการใต้น้ำ ทั้งนี้เมื่อปี 2556 กองทัพเรือได้ส่งกำลังพลไปศึกษาและอบรมด้านเรือดำน้ำมาแล้วที่สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี โดยเป็นหลักสูตร 32 สัปดาห์ และที่สาธารณรัฐเกาหลีเป็นหลักสูตร 8 สัปดาห์
ขณะที่การเตรียมโครงสร้างพื้นฐาน กองทัพเรือได้อนุมัติแผนการก่อสร้างอาคารกองบัญชาการกองเรือดำน้ำ บริเวณท่าเรือแหลมเทียน ฐานทัพเรือสัตหีบ และจัดหาเครื่องฝึกศูนย์ยุทธการเรือดำน้ำ พร้อมอาคารฝึกศูนย์ยุทธการเรือดำน้ำ จากบริษัท Rheinmetall Defence Electronics (GmbH) และมีพิธีเปิดอาคารเมื่อวันที่ 7 ก.ค. ดังกล่าว
โดยขณะนี้กองทัพเรือไทยอยู่ระหว่างจัดหาเรือดำน้ำมาประจำการ โดยรายงานในวารสารด้านความมั่นคง Janesในเดือนตุลาคม 2556 ระบุว่ากองทัพไทยต้องการจัดซื้อเรือดำน้ำพลังดีเซล 1 ลำ ภายในปี พ.ศ. 2567
ทั้งนี้หลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เริ่มมีเรือดำน้ำในประจำการแล้ว โดยอินโดนีเซียมีเรือดำน้ำประจำการตั้งแต่ พ.ศ. 2524 เป็นเรือดำน้ำ Type 209 จากเยอรมนี 2 ลำ และขณะนี้อยู่ระหว่างต่อเรือที่เกาหลีใต้อีก 3 ลำ สิงคโปร์เริ่มมีเรือดำน้ำประจำการใน พ.ศ. 2538 ปัจจุบันมีเรือดำน้ำ 6 ลำ ทั้งหมดเป็นเรือดำน้ำจากสวีเดน แบ่งเป็นเรือดำน้ำ Sjoormen class 4 ลำ และเรือดำน้ำ Vastergotland-class 2 ลำ
ส่วนมาเลเซียมีเรือดำน้ำ The Scorpene class จากฝรั่งเศส 2 ลำ ประจำการตั้งแต่ พ.ศ. 2547 ที่ฐานทัพเรือในรัฐซาบาห์ ทางตอนเหนือของเกาะบอร์เนียว ขณะที่ฟิลิปปินส์ และพม่า มีแผนที่จะจัดซื้อเรือดำน้ำมาประจำการเช่นกัน
เรือหลวงสินสมุทรและลูกเรือ เป็น 1 ใน 4 เรือดำน้ำของกองทัพเรือที่ประจำการระหว่างปี พ.ศ. 2481 - 2494 (ที่มา: แฟ้มภาพ/วิกิพีเดีย)
ก่อนหน้านี้ รัฐสภาไทยอนุมัติการจัดซื้อเรือดำน้ำตั้งแต่ปี พ.ศ. 2478 โดยเป็นส่วนหนึ่งภายใต้งบประมาณตามพระราชบัญญัติบำรุงกำลังทางเรือ พ.ศ. 2478 ทั้งนี้มีการตั้งงบจัดซื้อเรือดำน้ำจำนวน 3 ลำ รวมวงเงิน 6.9 ล้านบาท ต่อมาในการประมูลเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2478 บริษัทมิตซูบิชิจากประเทศญี่ปุ่นเป็นผู้ชนะการประมูลโดยเสนอต่อเรือดำน้ำจำนวน 4 ลำ ราคาลำละ 8.2 แสนบาท
ข้อมูลจากวิกิพีเดียระบุว่า เรือดำน้ำ 4 ลำ ประกอบด้วย เรือหลวงสินสมุทร เรือหลวงมัจฉาณุ เรือหลวงวิรุณ และเรือหลวงพลายชุมพล เป็นประเภทเรือดำน้ำรักษาฝั่งขนาดเล็ก ระวางขับน้ำต่ำกว่า 500 ตัน ประกอบขึ้นที่อู่ต่อเรือบริษัทมิตซูบิชิ เมืองโกเบ ประเทศญี่ปุ่น โดยมีการส่งมอบในวันที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2480 และเข้าปะจำการที่ไทยในวันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2481 ต่อมามีการปลดประจำการพร้อมกันทั้ง 4 ลำเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2494 เนื่องจากขาดแคลนอะไหล่ และประเทศญี่ปุ่นถูกห้ามผลิตอาวุธหลังสิ้นสงครามโลกครั้งที่สอง และภายหลังเหตุการณ์กบฎแมนฮัตตันเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2494 มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างกองทัพเรือ มีคำสั่งยุบหมวดเรือดำน้ำ