เล็งเสนอให้ กกต. มีอำนาจบริหารเลือกตั้งเองไม่ต้องรอนายกรัฐมนตรี

เลขาธิการ กกต. เผยได้เตรียมเรื่องปฏิรูปกระบวนการเลือกตั้ง โดยเห็นว่าควรกำหนดสถานะ ขรก.การเมือง เมื่อยุบสภาแล้วควรพ้นตำแหน่งตามไปด้วยให้ปลัดกระทรวงทำแทน และห้ามคนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด-คดี ม.112 สมัครเลือกตั้ง เตรียมชงปลัดกระทรวงกลาโหมเพื่อวางแนวทางปฏิรูป

8 ก.ค. 2557 - สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยรายงานว่า นายภุชงค์ นุตราวงค์ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. กล่าวว่า เมื่อวันที่ 7 ก.ค. กกต.ได้ ประชุมเพื่อพิจารณาความคิดเห็นที่จะเสนอต่อคณะทำงานเตรียมการปฏิรูป ภายหลังจาก พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ ปลัดกระทรวงกลาโหม ได้ให้ กกต. เสนอความคิดเห็นใน 6 ประเด็น เสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยส่วนใหญ่เป็นข้อเสนอเพื่อปรับปรุงกระบวนการเลือกตั้งให้เป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม อาทิ กกต. ได้ให้ความเห็นต่อรัฐธรรมนูญ ปี 2540 และ 2550 ว่า รัฐธรรมนูญแต่ละฉบับมีจุดเด่น หรือจุดด้อย ต่อการก้าวเข้าสู่อำนาจนิติบัญญัติหรือไม่ อย่างไร

ส่วนจำนวน ส.ส. แบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อ ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ควรจะมีจำนวนเท่าใดนั้น ยังไม่สามารถให้ความเห็นได้ชัดเจนเนื่องจากต้องนำข้อมูลในด้านต่าง ๆ มาประกอบการพิจารณาให้ครบถ้วน ขณะเดียวกันเห็นว่า ในอนาคตควรมีข้อกำหนดของขอบเขตและสถานะการดำรงตำแหน่งของข้าราชการการเมืองให้ชัดเจน โดยเห็นว่า ข้าราชการการเมืองควรมีสถานะในการดำรงตำแหน่งตลอดเวลา เนื่องจากที่ผ่านมาเคยเกิดกรณีมีผู้ร้องว่า มีข้าราชการการเมืองหาเสียงโดยใช้วิธีการเดินทางไปตรวจราชการ และเห็นว่า หากมีการยุบสภา ข้าราชการทางการเมือง ควรพ้นจากตำแหน่งตามไปด้วย โดยมีปลัดกระทรวงทำหน้าที่แทน

ส่วนการกำหนดลักษณะต้องห้ามของผู้สมัคร ส.ส. นั้น เห็นว่า ผู้ที่มีพฤติกรรมทุจริตการเลือกตั้ง มีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และผู้ที่มีความผิดเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่คดีถึงที่สุดแล้ว จะต้องไม่มีสิทธิลงสมัครอย่างเด็ดขาด และเห็นว่าผู้ที่เป็นพยานในคดีที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง จะต้องได้รับการคุ้มครองตามกฏหมาย

ส่วนอำนาจหน้าที่ของ กกต. ในการบริหารจัดการการเลือกตั้ง กรณีที่เกิดเหตุสุดวิสัยทำให้จัดการเลือกตั้งในอนาคตไม่สำเร็จ เห็นว่า กกต. ควรจะมีอำนาจในการบริหารจัดการโดยไม่ต้องขอคำปรึกษา หรือขอความคิดเห็นจากนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ กกต. เตรียมนำข้อเสนอทั้งหมด เสนอต่อปลัดกระทรวงกลาโหม และคณะทำงานเตรียมการปฏิรูป ในวันพรุ่งนี้ (8 ก.ค.57) เพื่อนำไปพิจารณาในการจัดกรอบแนวทางปฏิรูปประเทศต่อไป