25 มิ.ย.57 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฝ่ายกิจการพิเศษ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการเพื่อติดตามการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะ ครั้งที่ 1/2557 ภายหลัง คสช.มีคำสั่งเฉพาะที่ 12/2557 ให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้น ประกอบด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ กระทรวงการต่างประเทศ สำนักนายกรัฐมนตรี และกรมประชาสัมพันธ์ ซึ่งการประชุมมีการพิจารณาถึงการปรับโครงสร้างอำนาจหน้าที่
โดยแบ่งออกเป็น 5 คณะ คือ คณะติดตามข้อมูลด้านสื่อวิทยุ สื่อโทรทัศน์ ให้ กสทช.เป็นประธานคณะทำงาน ขณะที่ด้านสื่อสิ่งพิมพ์ ตำรวจสันติบาลจะเป็นประธานคณะทำงาน ด้านข่าวสารสื่อสังคมออนไลน์ ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเป็นประธาน และด้านข้อมูลข่าวสารต่างประเทศ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศเป็นประธานคณะทำงาน โดยมีหน้าที่ชี้แจงให้ประชาชนและสื่อมวลชนต่างๆ ได้เข้าใจ ถึงการทำงานของ คสช.พร้อมกับระงับการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ส่อไปในทางสร้างความเกลียดชังต่อ สถาบันพระมหากษัตริย์ และข้อมูลที่เป็นเท็จ
ทั้งนี้ หากพบข้อมูลเป็นเท็จกระทบกับการทำงานของ คสช.ให้รายงานข้อมูลให้กับหัวหน้า คสช.ทราบทันที รวมทั้งจัดรายงานสรุปประจำวัน ประจำสัปดาห์ เสนอหัวหน้า คสช.และประธานคณะกรรมการเพื่อติดตามการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะรับทราบ ทั้งนี้ หากพบข้อสงสัยในการเผยแพร่ให้รายงานฝ่ายเลขานุการคณะทำงานทราบเบื้องต้น ก่อนประสานหน่วยงานต้นเรื่องดำเนินการแก้ปัญหาต่อไป
ตร.ตั้งทีมมอนิเตอร์เนื้อหากระทบสถาบันฯ ในสื่อ
เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. มีรายงานว่า พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รอง ผบ.ตร. รรท.ผบ.ตร. มีคำสั่ง ตร. ที่ 311/2554 เรื่อง การป้องกันและปราบปรามการนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่มีลักษณะไม่เหมาะสม และส่งผลกระทบต่อสถาบันพระหากษัตริย์ ใจความว่า พบมีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารไม่เหมาะสม กระทบสถาบันฯและความมั่นคง จึงตั้งคณะกรรมการบริหารข้อมูลข่าวสารที่มีลักษณะไม่เหมาะสม และส่งผลกระทบต่อสถาบันพระหากษัตริย์ โดยมี ผบ.ตร.เป็นประธานกรรมการ รอง ผบ.ตร.หรือที่ปรึกษา (สบ 10) งานความมั่นคง เป็นรองประธานกรรมการคนที่ 1 รอง ผบ.ตร.หรือที่ปรึกษา (สบ1) งานกฎหมายและคดี เป็นรองประธาน คนที่ 2 มี ผบช.สันติบาล นครบาล สอบสวนกลาง สำนักงานกฎหมายและคดี สำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานยุทธศาสตร์ตำวจ สำนักงานนายตำรวจราชสำนักประจำ ผบก.กองปราบปราม กองการต่างประเทศ สันติบาล กองกฎหมาย เป็นกรรมการ ฯลฯ โดยมีอำนาจตรวจสอบข้อมูลข่าวสาร ที่เนื้อหาไม่เหมาะสม กระทบสถาบันฯ ในสื่อทุกแขนง ทั้งทางออนไลน์ สิ่งพิมพ์ สื่อมวลชน หรือการรับแจ้งผ่านช่องทางต่างๆ โดยให้มีอำนาจเสนอระงับการแพร่ตามกฎหมาย และกำหนดมาตรการป้องกัน ทั้งนี้ให้ดำเนินตามกฎหมายกับผู้ครอบครอง ให้บริการ แพร่ ส่งต่อ หรือเกี่ยวข้องใดๆ อย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ในกรณีที่มีหลักฐานชัดว่ามีการกระทำผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ให้สั่งการสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีอย่างเคร่งครัด
ที่มา:แนวหน้าและ ASTVผู้จัดการออนไลน์