โฆษิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์เชื่อครึ่งหลังปี 57 ศก.ไทยปรับตัวดีขึ้น ตีเลขขยายตัว 2-3% SMEs ระยะสั้นต้องการเสริมสภาพคล่อง ระยะยาวต้องปรับตัว ส่วนนโยบาย คสช. ขอให้ "ลด ละ เลิก ประชานิยม"เหตุทำหนี้ภาคครัวเรือนสูงขึ้น-นำเงินล่วงหน้ามาใช้ นอกนั้นไม่เสนอเพิ่มเพราะ คสช. มีภาระมากแล้ว - ด้านบัวหลวงออกมาตรการช่วยสภาพคล่องธุรกิจเน้นภาคท่องเที่ยว-โรงแรม-ค้าปลีก-บริการ ที่ได้รับผลกระทบการเมือง
โฆษิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ อดีต รมว.กระทรวงอุตสาหกรรม (ที่มา: ประชาไท
18 มิ.ย. 2557 - เมื่อวานนี้ (17 มิ.ย.) นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ อดีต รมว.กระทรวงอุตสาหกรรมสมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนภายหลังฟังการเสวนา “เพื่อนคู่คิด มิตรคุ่ AEC ครั้งที่ 1 เมียนมาร์: ไปอย่างไรไม่ตกขบวน” ที่ธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่ ถ.สีลม โดยนายโฆษิตกล่าวว่า ประมาณการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2557 อยู่ที่ร้อยละ 2-3 ซึ่งจะทำให้การขยายตัวของสินเชื่อธนาคารเติบโตที่ระดับร้อยละ 4-5 สอดคล้องกับการเติบโตทางเศรษฐกิจซึ่งธนาคารจะสามารถรักษาเป้าหมายให้ใกล้เคียงกับระดับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
โดยผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อเทียบกับปี 2556 จากข้อมูลของธนาคารโลกระบุว่าเศรษฐกิจไทยขยายอยู่ที่ร้อยละ 2.9
นายโฆษิต กล่าวถึงปัญหาเศรษฐกิจในภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ เอสเอ็มอี ว่า ในระยะสั้นจะเกี่ยวเนื่องกับสภาพคล่อง ขณะที่ระยะยาวเป็นเรื่องของการปรับตัวซึ่งผู้ประกอบการต้องมีแผนการดำเนินงานที่ชัดเจน เพื่อรองรับการแข่งขันที่จะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เมื่อสถานการณ์ในประเทศกลับเข้าสู่ความสงบ เชื่อว่าเศรษฐกิจจะเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ทั้งภาคท่องเที่ยว การลงทุน รวมถึงโอกาสด้านการค้าระหว่างประเทศเพื่อนบัาน โดยนายโฆษิตเชื่อว่าสถานการณ์ใน 2 ไตรมาสหลังของปี 2557 น่าจะคลี่คลายไปในทางที่ดี ซึ่งจะจะช่วยผลักดันเศรษฐกิจไทยปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตามความเสี่ยงในช่วงครึ่งปีหลังต้องจับตาดูความรุนแรงในต่างประเทศ เช่น ปัญหาความรุนแรงในประเทศอิรัก ซึ่งอาจส่งผลต่อเศรษฐกิจโลก
ต่อคำถามเรื่องนโยบายการบริหารประเทศของคณะรักษาความมั่นคงแห่งชาติ (คสช.) นายโฆษิตกล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้วต้องให้กำลังใจในการทำงาน ส่วนตัวอยากเห็นการ "ลด ละ เลิกประชานิยม"อย่างชัดเจน โดยนายโฆษิตให้เหตุผลว่า เนื่องจากที่ผ่านมาทำให้เกิดปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้น หรือมีการนำเงินล่วงหน้ามาใช้ เช่น โครงการรถยนต์คันแรก ซึ่งทำให้การบริโภคในประเทศลดลง นอกจากนี้ต้องการให้ คสช. ทำในสิ่งที่วางแผนไว้ให้ได้ ซึ่งคงไม่เสนออะไรเพิ่มเติมเพราะ คสช. มีภาระมากอยู่แล้ว
ธ.กรุงเทพออกมาตรการเสริมสภาพคล่องลูกค้าจากผลกระทบการเมืองเน้นภาคท่องเที่ยว-โรงแรม-ค้าปลีก
วันเดียวกัน จดหมายข่าวของธนาคารกรุงเทพ เผยว่า นายวีระศักดิ์ สุตัณฑวิบูลย์ รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารได้ออกมาตรการให้ความช่วยเหลือแก่ลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองในช่วงระหว่างเดือนตุลาคม 2556 ถึงเดือนพฤษภาคม 2557 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะลูกค้าวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่ได้รับผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจซึ่งอยู่ในบริเวณพื้นที่ที่มีการชุมนุม รวมถึงลูกค้าในภาคธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องต่างๆ เช่น ธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม ค้าปลีก และบริการ เป็นต้น โดยส่งผลกระทบให้ลูกค้ากลุ่มนี้มีรายได้ลดลงจากในช่วงสถานการณ์ปกติ จนบางรายอาจประสบปัญหาขาดสภาพคล่องและมีความสามารถในการชำระหนี้ลดลง
สำหรับมาตรการให้ความช่วยเหลือแก่ลูกค้าธนาคาร ประกอบด้วย
การอำนวยสินเชื่อใหม่หรือพิจารณาวงเงินสินเชื่อเพิ่มขึ้น เพื่อใช้สำหรับหมุนเวียนในกิจการหรือให้เป็น Term Loan ในอัตราดอกเบี้ยพิเศษที่จะพิจารณาระดับความรุนแรงของผลกระทบและความเหมาะสมเป็นรายกรณี
การปรับเงื่อนไขการชำระหนี้ ทั้งปรับลดจำนวนการผ่อนชำระเงินต้นและขยายระยะเวลาการชำระหนี้ออกไปสูงสุดไม่เกิน 12 เดือน หรือกำหนดระยะเวลาการปลอดชำระเงินต้นสูงสุดไม่เกิน 6 เดือน
การผ่อนปรนอัตราดอกเบี้ย โดยจะพิจารณาผ่อนปรนอัตราดอกเบี้ยพิเศษเป็นรายกรณีตามระดับความรุนแรงของผลกระทบที่เกิดขึ้น และการให้คำปรึกษาทางการเงิน แก่ลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ โดยผู้บริหาร ผู้จัดการ และทีมงานซึ่งเป็น
เจ้าหน้าที่ธุรกิจสัมพันธ์ผู้เชี่ยวชาญในการให้บริการและคำแนะนำด้านสินเชื่อ โดยลูกค้าสามารถขอคำปรึกษาและแสดงความจำนงในการขอรับมาตรการความช่วยเหลือได้ตั้งแต่บัดนี้ จนถึง 30 ธันวาคม 2557
นายวีระศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลอดระยะเวลาที่เกิดการชุมนุมทางการเมือง ผู้บริหาร ผู้จัดการ และเจ้าหน้าที่สินเชื่อของธนาคารได้อำนวยความสะดวกและดูแลลูกค้าทุกกลุ่มเป็นรายกรณีอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอี ทั้งการสอบถาม การให้คำปรึกษา รวมไปถึงการขออนุมัติให้ความช่วยเหลือเป็นกรณีเร่งด่วนเพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ลูกค้า และป้องกันมิให้ข้อมูลลูกค้าถูกรายงานสถานะหนี้ไปยังบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ ซึ่งจะมีผลกระทบกับสถานะหนี้ของลูกค้าแต่ละรายในทันที
สำหรับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบและมีความประสงค์ต้องการสอบถามรายละเอียดข้อมูลมาตรการดังกล่าวสามารถติดต่อผู้จัดการและเจ้าหน้าที่ธุรกิจสัมพันธ์จากสำนักธุรกิจทั่วประเทศที่ได้ติดต่ออยู่