15 มิ.ย. 2557 สมัชชาคนจนออกแถลงการณ์ 'หยุดทำร้ายคนจน'ระบุ คำสั่ง คสช. ฉบับ 64/2557 เรื่อง การปราบปรามและการหยุดยั้งการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ เป็นการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการกดขี่คนจน เลือกปฏิบัติ จี้ทบทวนคำสั่งดังกล่าว โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
แถลงการณ์สมัชชาคนจน
หยุดทำร้ายคนจน
ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มีคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 64/2557 สรุปได้ว่า ให้กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กองกำลังป้องกันชายแดนกองทัพบก และกองทัพเรือ ตลอดจนหน่วยงานที่มีภารกิจและอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการปราบปรามและจับกุมผู้บุกรุก ยึดถือ ครอบครอง ทำลาย หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำให้เสื่อมเสียแก่สภาพป่า รวมทั้งผู้สมคบและสนับสนุนช่วยเหลือ ให้ได้ผลอย่างจริงจังในทุกพื้นที่ และติดตามผลคดีป่าไม้และดำเนินการฟื้นฟูพื้นที่ป่าที่ถูกบุกรุกทำลาย ให้คืนสภาพป่าไม้ที่สมบูรณ์ดังเดิม
สมัชชาคนจนเห็นว่า ปัญหาข้อพิพาทเรื่องที่ดินป่าไม้ หรือชุมชนบุคคลที่อยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่ป่าไม้ตามกฎหมาย เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องยาวนานในสังคมไทย สาเหตุหนึ่งของปัญหาดังกล่าวเนื่องจากความไม่เป็นธรรมในการจัดสรรทรัพยากรดังกล่าวโดยรัฐ กล่าวคือ การประกาศว่าพื้นที่ใด ป่าผืนใดเป็น เขตป่าไม้ เขตป่าสงวนแห่งชาติ เขตอุทยานชาติหรือเขตป่าอนุรักษ์ เป็นแต่เพียงการขีดเส้นในแผนที่ให้ตรงไหนเป็นเขตป่าทำให้ไม่ตรงกับสภาพจริง และเกิดการทับซ้อนระหว่างพื้นที่ป่าไม้กับที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินของประชาชน ดังพระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่คณะกรรมการจัดงานวันรพี ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2516 ว่า
“...กฎหมายมีไว้สำหรับให้มีความสงบสุขในบ้านเมือง มิใช่ว่ากฎหมายมีไว้สำหรับบังคับประชาชน ถ้ามุ่งหวังที่จะบังคับประชาชน ก็กลายเป็นเผด็จการ กลายเป็นสิ่งที่บุคคลหมู่น้อยต้องบังคับบุคคลหมู่มาก ในทางตรงกันข้าม กฎหมายมีไว้สำหรับบุคคลส่วนมาก มีเสรีและอยู่ได้ด้วยความสงบ บางทีเราตั้งกฎหมายขึ้นมาก็ด้วยวิชาการซึ่งได้จากต่างประเทศ เพราะว่าวิชาการกฎหมายนี้ก็เป็นวิชาการที่กว้างขวาง จึงต้องมีอะไรทำอย่างหนึ่ง แต่วิชาการนั้นอาจไม่เหมาะสมกับสถานการณ์หรือท้องที่ของเรา…
...ในป่าสงวนซึ่งทางราชการได้ขีดเส้นไว้ว่า เป็นป่าสงวนหรือป่าจำแนกแต่ว่าเราขีดเส้นไว้ ประชาชนก็มีอยู่ในนั้นแล้ว เราจะเอากฎหมายป่าสงวนไปบังคับคนที่อยู่ในป่าที่ยังไม่ได้สงวน เพิ่งไปสงวนทีหลัง โดยขีดเส้นบนเศษกระดาษ ก็ดูชอบกลอยู่ แต่มีปัญหาเกิดขึ้นเมื่อขีดเส้นแล้ว ประชาชนที่อยู่ในนั้น ก็กลายเป็นผู้ฝ่าฝืนกฎหมายไป ถ้าดูในทางกฎหมาย เขาก็ฝ่าฝืน เพราะว่าตรามาเป็นกฎหมายโดยชอบธรรม แต่ว่าถ้าตามธรรมชาติ ใครเป็นผู้ทำผิดกฎหมาย ก็ผู้ที่ขีดเส้นนั้นเองเพราะว่าบุคคลที่อยู่ในป่านั้นเขาอยู่ก่อน เขามีสิทธิ์ในทางเป็นมนุษย์ หมายความว่าทางราชการบุกรุกบุคคล ไม่ใช่บุคคลบุกรุกกฎหมายบ้านเมือง…”
นอกจากนี้ นายธิติ กนกกวิฐากร อดีตผู้ตรวจการกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธ์พืช ได้ชี้แจ้งในที่ประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาสมัชชาคนจน ครั้งที่ 1/2555 ว่า หากไม่มีการผ่อนผันให้อยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ตามกฎหมาย ต้องจับกุมดำเนินคดีประชาชนทั่วประเทศ ทันทีกว่า 2 ล้านคน ดังนั้นการออกคำสั่งดังกล่าวนี้เป็นการลุแก่อำนาจ ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการกดขี่ ทำร้าย ทำลายคนจน โดยที่ไม่ยอมรับฟังความคิดความเห็น ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ในขณะเดียวกันก็ถือเป็นการเลือกปฏิบัติ เพราะคนที่ถูกดำเนินคดีส่วนใหญ่เป็นคนจน แต่คนร่ำคนรวยก็ถูกละเว้นไม่ดำเนินคดี ยกตัวอย่างเช่น กรณีการบุกรุกที่ดินป่าสงวนแห่งชาติที่เขายายเที่ยง เป็นต้น สมัชชาคนจนจึงขอเรียกร้องให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ทบทวนคำสั่งดังกล่าว และขอให้ชะลอการดำเนินคดีต่างๆ ไว้ก่อน เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาที่มีความเป็นธรรมกับคนจน
ประชาธิปไตยที่กินได้ การเมืองที่เห็นหัวคนจน
สมัชชาคนจน
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai