9 มิ.ย. 2557 - วันนี้ศาลแพ่งนัดอ่านคำพิพากษา นางดารุณี กฤตบุญญาลัย แนวร่วม นปช.นางสุดสงวน สุธีสร อาจารย์คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนายพิชา วิจิตรศิลป์ ทนายความ นปช. ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1-3 ตามลำดับ ข้อหาละเมิดอำนาจศาล
โดยการฟ้องเกิดจากกรณีเมื่อวันที่ 21 ก.พ. 2557 ทั้งสามคนได้นำผู้ชุมนุม นปช. ที่ไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาคดีเพิกถอน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มารวมตัวกันที่หน้าอาคารศาลแพ่ง คดีที่นายถาวร เสนเนียม แกนนำ กปปส. เป็นโจทก์ฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับพวก ขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ซึ่งเป็นคุณแก่ฝ่ายนายถาวร ผู้ถูกกล่าวหาจึงวางพวงหรีดและใช้เครื่องขยายเสียงส่งเสียงอื้ออึง มีป้ายข้อความว่า “แด่ความอยุติธรรม”
ทั้งนี้ สำนักข่าวไทยรายงานคำพิพากษาว่า ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2, 3 ยอมรับว่าเป็นบุคคลเดียวกับคนในภาพ และขอแถลงถอนคำให้การปฏิเสธทั้งหมดกับแถลงรับสารภาพ ส่วนทนายความของนางดารุณีแถลงว่า ขอเลื่อนการไต่สวนไปก่อน เนื่องจากนางดารุณีไม่กล้ามาศาล เพราะเกรงกลัวจะได้รับอันตรายจากอำนาจ คสช. ศาลเห็นว่านางดารุณีมีเจตนาหลบหนีจึงออกหมายจับ จำหน่ายคดีเฉพาะนางดารุณี
ส่วนผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 และ 3 ศาลพิเคราะห์ข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานต่างๆ แล้วว่าเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง จำคุกคนละ 2 เดือน คำรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุกคนละ 1 เดือน ทั้งนี้ การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาเป็นการกระทำอุกอาจ ท้าทายศาล ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย และถูกกล่าวหาที่ 3 เป็นทนายความ ย่อมมีความรู้ดีว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการประพฤติไม่สมควร จึงควรลงโทษ เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง และไม่สมควรรอการลงโทษ จากนั้นผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดคนละ 50,000 บาท ขอปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์
ภายหลังนายพิชา ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 กล่าวว่า ยอมรับคำสั่งศาล ที่กระทำไปเนื่องจากไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาศาล และก็จะใช้สิทธิอุทธรณ์สู้คดีต่อไป โดยโทษที่ได้รับก็ไม่กระทบต่ออาชีพทนายความ และหากการจะออกมาแถลงการณ์อะไรในลักษณะเช่นนี้ก็ต้องระมัดระมากขึ้น และตนก็จะไม่กระทำเช่นนี้ในบริเวณศาลอีก