สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีต ผอ.ศอฉ. ขึ้นศาล ยอมรับกรณีสลายแดง ปี 53 สั่งให้ทหารใช้อาวุธปืนลูกซองจริงปกป้องตัวเอง แต่ต่ำกว่าหัวเข่า ยันมีกองกำลังติดอาวุธ ระบุไม่เกี่ยวกับ ‘อภิสิทธิ์’
9 มิ.ย.2557 ไทยรัฐออนไลน์รายงานว่า ที่ศาลอาญา ศาลอาญารัชดา นัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ในคดีที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกรัฐมนตรี และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมเจ้าหน้าที่ รวม 4 ราย ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ,ความผิดต่อเจ้าพนักงานและเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และมาตรา 200 จากกรณีที่ร่วมกันตั้งข้อหาร่วมกันฆ่าคนตายโดยเจตนาและเล็งเห็นผล จากการประกาศใช้ พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อควบคุมความไม่สงบ ในเหตุการณ์ชุมนุม ระหว่าง เม.ย. - พ.ค. 53
ด้านนายสวัสดิ์ เจริญผล ทนายความของ นายสุเทพ กล่าวว่า คดีนี้ นายอภิสิทธิ์ ได้ขึ้นเบิกความต่อศาลไปแล้ว เหลือเพียง นายสุเทพ ที่จะเดินทางมาเบิกความต่อศาลด้วยตนเองในวันนี้
โดยนายสุเทพ เบิกความ ยอมรับต่อศาลว่า ได้สั่งทหารเข้ากระชับพื้นที่ บริเวณถนนราชดำเนิน เมื่อช่วงเดือนเมษายน ปี 2553 ด้วยอุปกรณ์ควบคุมฝูงชน ที่เป็นไปตามหลักสากล แต่ปรากฎว่า มีกองกำลังติดอาวุธใช้อาวุธสงคราม ยิงใส่ทหารจนมีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บ จนต้องถอยร่น จึงสั่งให้ทหารใช้อาวุธปืนลูกซองจริงปกป้องตัวเอง และคุ้มครองประชาชน โดยให้ยิงระดับต่ำกว่าหัวเข่า และรักษาระยะห่างกับผู้ชุมนุม เพื่อความปลอดภัย ซึ่งการออกคำสั่งดังกล่าว นายสุเทพ ยอมรับว่า เป็นผู้ออกคำสั่งโดยไม่เกี่ยวข้องกับนายอภิสิทธิ์ แต่อย่างใด ขณะที่นายสุเทพ ยังคงงดให้สัมภาษณ์ ในประเด็นการเมือง เนื่องจากสถานการณ์ขณะนี้คงไม่เหมาะสมหาก จะแสดงความเห็นใดๆ