สมเด็จกรมพระนโรดม รณฤทธิ์กลับสู่เส้นทางการเมืองหนที่ 3 ในรอบ 20 ปี โดยเปิดตัวพรรคการเมืองแนวกษัตริย์นิยม หวังฟื้นฟูและสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของฝ่ายกษัตริย์นิยมในกัมพูชา เตรียมสู้ศึกเลือกตั้งปี 2561
สมเด็จนโรดม รณฤทธิ์ ให้สัมภาษณ์สื่อในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 (แฟ้มภาพ/วิกิพีเดีย/VOA)
7 มิ.ย. 2557 - เมื่อวานนี้ (6 มิ.ย.) สมเด็จกรมพระนโรดม รณฤทธิ์ ที่มีพระชันษา 70 ปี ได้เปิดตัวพรรคการเมืองใหม่ "พรรคสังคมราษฎร์ราชาธิปไตย" (Community of Royalist People's Party - CRPP) โดยพระองค์ระบุว่าเพื่อต้องการฟื้นฟูและสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของฝ่ายกษัตริย์นิยมในกัมพูชา
ทั้งนี้พรรคสังคมราษฎร์ราชาธิปไตยจดทะเบียนในเดือนมีนาคม และได้รับการรับรองเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา "พรรคสังคมราษฎร์ราชาธิปไตยตั้งขึ้นมาเพื่อขับเคลื่อนฝ่ายกษัตริย์นิยม เพื่อปกป้องฝ่ายกษัตริย์นิยมและรักษาชาติ"สมเด็จนโรดม รณฤทธิ์กล่าวในการเปิดตัวพรรคเมื่อวันศุกร์ ตามรายงานใน Global Post
ทั้งนี้กัมพูชาจะมีการเลือกตั้งทั่วไปอีกครั้งในปี พ.ศ. 2561 หรืออีก 4 ปีข้างหน้า ขณะที่ปีที่แล้วเพิ่งมีการเลือกตั้งทั่วไป โดยพรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) นำโดยสมเด็จฮุน เซ็น ซึ่งครองอำนาจมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2524 จนถึงปัจจุบัน ได้ ส.ส. 68 ที่นั่ง ส่วนพรรคสงเคราะห์ชาติ (CNRP) นำโดยสม รังสี ได้ 55 ที่นั่ง โดยเกิดวิกฤตการเมืองหลายเดือน หลังจากพรรคสงเคราะห์ชาติประท้วงว่ากระบวนการจัดการเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม
เส้นทางการเมือง การยุติบทบาทและการกลับเข้าสู่เส้นทางการเมืองอีกครั้งของสมเด็จรณฤทธิ์
สมเด็จกรมพระนโรดม รณฤทธิ์ เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่สองในสมเด็จนโรดม สีหนุแห่งกัมพูชา และพระเชษฐาต่างพระมารดากับสมเด็จนโรดม สีหมุนี พระเจ้ากรุงกัมพูชาธิบดี กษัตริย์องค์ปัจจุบัน
ภายหลังสงครามกลางเมืองในกัมพูชา และมีการจัดการเลือกตั้งในเดือนกันยายน พ.ศ. 2536 โดยสหประชาชาติ สมเด็จรณฤทธิ์ เคยเป็นอดีตหัวหน้าพรรคฟุนซินเปก (FUNCINPEC) หรือ "แนวร่วมเอกภาพแห่งชาติกัมพูชาที่เป็นเอกราช เป็นกลาง สงบสุขและเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน"โดยพระองค์เคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ร่วมกับสมเด็จ ฮุน เซน จากพรรคประชาชนกัมพูชา (CPP)
ต่อมาในการเลือกตั้งเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2546 พรรคฟุนซิกเปกแพ้การเลือกตั้ง แต่พรรคประชาชนกัมพูชาไม่ได้เสียงข้างมากเด็ดขาดหรือ 2 ใน 3 ทำให้เกิดสุญญากาศทางการเมือง จนในปี พ.ศ. 2547 จึงตกลงกันได้โดยให้สมเด็จฮุน เซ็นเป็นนายกรัฐมนตรี และสมเด็จนโรดม รณฤทธิ์เป็นประธานรัฐสภา จากนั้นมีเหตุทางการเมืองทำให้พระองค์ต้องลี้ภัยไปพำนักที่มาเลเซียพร้อมชายาใหม่ โดยพระองค์ต้องคดีหมิ่นประมาทสมเด็จฮุน เซ็น และนอกจากนี้เจ้าหญิงนโรดมมารี พระชายาตามกฎหมาย ก็ฟ้องดำเนินคดีพระองค์ฐานมีชู้ โดยเป็นกฎหมายใหม่ที่เพิ่งผ่านรัฐสภาในเวลานั้น
ทั้งนี้ในวันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2549 สมเด็จรณฤทธิ์ ทรงถูกลงมติขับออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค ด้วยข้อกล่าวหายักยอกเงินจากการขายที่ทำการพรรคเป็นเงิน 3.6 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 130 ล้านบาท และทรงถูกพิพากษาจำคุกอีกคดี
จากนั้นสมเด็จรณฤทธิ์พยายามตั้งพรรคนโรดม รณฤทธิ์ (Norodom Ranariddh Party) ขึ้นมาในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2549 โดยพระองค์เป็นหัวหน้าพรรค
ในปี พ.ศ. 2551 ภายหลังสมเด็จนโรดม สีหมุนี ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์กัมพูชาต่อจากสมเด็จนโรดม สีหนุที่สละราชสมบัติ สมเด็จนโรดม สีหมุนีได้พระราชทานอภัยโทษคดียักยอกทรัพย์ให้กับสมเด็จรณฤทธิ์ ตามที่สมเด็จฮุน เซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชาร้องขอ
ทั้งนี้หลังการเลือกตั้งเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2551 พรรคนโรดม รณฤทธิ์ที่พระองค์เป็นแกนนำได้ที่นั่ง ส.ส. เพียง 2 ที่นั่งจากนั้น 3 ตุลาคม พ.ศ. 2551 ทรงประกาศยุติบทบาททางการเมืองเป็นครั้งแรก อย่างไรก็ตามพระองค์ยังทรงมีอิทธิพลภายในพรรค
นอกจากนี้ในวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2551 ยังทรงได้รับแต่งตั้งเป็นประธานองคมนตรีในสมเด็จนโรดม สีหมุนีด้วย
สมเด็จรณฤทธิ์ กลับเข้าสู่การเมืองอีกเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2553 ภายหลังพรรคนโรดม รณฤทธิ์ เปลี่ยนชื่อเป็นพรรคชาตินิยม (Nationalist Party)
จากนั้น ในวันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2555 สมเด็จกรมพระนโรดม รณฤทธิ์ ประกาศว่าจะลาออกจากตำแหน่งทางการเมือง และมุ่งไปที่กิจกรรมด้านมนุษยธรรม (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)จนกระทั่งพระองค์กลับเข้าสู่เส้นทางการเมืองอีกครั้งในการตั้ง "คณะพรรคสังคมราษฎร์ราชาธิปไตย"ดังกล่าว