บอร์ดควบคุมคุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุข สปสช. หนุนเครือข่ายบริการกลุ่มโรคที่มีอัตราตายสูง โดยเฉพาะเครือข่ายโรคหัวใจและหลอดเลือด เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการได้อย่างทั่วถึง เท่าเทียมและเป็นธรรมส่งผลให้มีอัตราการรอดชีวิตมากขึ้นหลังได้รับการบริการทันท่วงทีในการรักษา
เมื่อวานนี้ (23 เม.ย.) รศ.พญ.ประสบศรี อึ้งถาวร ประธานคณะกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุข กล่าวว่า คณะกรรมการฯชุดนี้เห็นด้วยและสนับสนุนการดำเนินงานให้มีการพัฒนาระบบเครือข่ายบริการกลุ่มโรคที่มีอัตราตายสูง ทั้งโรคหัวใจและหลอดเลือดเนื่องจากมีข้อมูลระบุว่า โรคหัวใจเป็นโรคที่มีอัตราการตายติดอันดับ 1ใน 10 ของโรคที่มีอัตราการตายสูงที่สุดในประเทศไทย และยังก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจจากการป่วยเป็นโรคดังกล่าว ถึงปีละประมาณ 50,000 ล้านบาท ซึ่งนับว่าเป็นโรคที่ใช้งบประมาณในการรักษาสูงมากอีกโรคหนึ่งด้วย ดังนั้นจึงเล็งเห็นและให้ความสำคัญของการดูแลรักษาผู้ป่วยกลุ่มโรคที่มีอัตราตายสูง เพื่อจะได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ระดับปฐมภูมิจนถึงตติยภูมิ โดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในแต่ละพื้นที่อย่างคุ้มค่า และเป็นไปตามมาตรฐานการรักษาในแต่ละระดับหน่วยบริการ
ประธานคณะกรรมการฯกล่าวว่า สปสช.จึงให้ความสำคัญของการดูแลผู้ป่วยกลุ่มโรคที่มีอัตราการตายสูงซึ่งตั้งแต่ปีงบประมาณ 2552 ที่ผ่านมา สปสช.มีนโยบายสนับสนุนการให้บริการโรคที่มีอัตราการตายสูง เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงบริการที่จำเป็นได้อย่างทั่วถึง จากผลการดำเนินงานเครือข่ายโรคหัวใจและหลอดเลือด ตั้งแต่ปี2552-2555 พบว่า มีหน่วยบริการแม่ข่ายที่มีศักยภาพให้บริการได้จำนวน 18 แห่งและมีหน่วยบริการลูกข่ายที่สามารถให้ยาละลายลิ่มเลือดให้กับผู้ป่วยในโรคดังกล่าวได้ถึง 265แห่ง ขณะที่มีหน่วยบริการที่เป็นลูกข่ายที่ไม่สามารถให้ยาละลายลิ่มเลือดได้ แต่สามารถวินิจฉัยโรคได้จำนวน 650 แห่ง
อย่างไรก็ตามตั้งแต่ในปี 2553-2555 พบว่า มีหน่วยบริการให้ยาละลายลิ่มเลือดและสวนหัวใจกับผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือดสมองในระบบหลักประกันสุขภาพ กล่าวคือ ปี 2553 คิดเป็นร้อยละ43.92 ปี 2554 ร้อยละ 49.09 และปี 2555 จำนวน 52.77 ซึ่งจะเห็นได้ว่าเมื่อมีนโยบายการให้บริการโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูงทำให้ผู้ป่วยได้เข้าถึงบริการในโรคค่าใช้จ่ายสูงแล้ว ยังส่งผลให้มีอัตราการเสียชีวิตลดลง เนื่องจาก โรคที่ทำให้เกิดความพิการในระดับต้นๆ ซึ่งเป็นปัญหาของระบบสาธารณสุขไทย เมื่อเกิดอาการโรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลันแล้ว การรักษาโดยการให้ยาละลายลิ่มเลือด ภายใน 3 ชั่วโมงหลังเกิดอาการ จะช่วยลดอัตราการเสียชีวิต และทุพพลภาพของผู้ป่วยลงได้
“การพัฒนาให้มีเครือข่ายบริการให้กับผู้ป่วยได้รับยาละลายลิ่มเลือดได้รวดเร็วและทันเวลา และมีหน่วยบริการที่มีศักยภาพจะช่วยลดการสูญเสียชีวิตให้กับผู้ป่วยแล้ว ยังลดค่าใช้จ่ายให้กับผู้ป่วยที่ไม่ต้องล้มละลายจากครัวเรือนอีกด้วย ขณะเดียวกันยังช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ซึ่งทั้งนี้เกิดความสำเร็จและกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในเครือข่ายหน่วยบริการ โดยขอให้ผู้ป่วยมั่นใจหน่วยบริการที่เป็นเครือข่ายบริการนั้นได้คุณภาพ มาตรฐานในการดูแลเพราะมีคณะกรรมการควบคุมฯดูแลและขอสนับสนุนและชื่นชมในการจัดให้มีเครือข่ายบริการทางด้านโรคค่าใช้จ่ายสูง ” รศ.ประสบศรีกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในอนาคตจะต้องสนับสนุนให้มีการพัฒนาเครือข่ายบริการในระดับโรงพยาบาลชุมชนต่อไป โดยร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขและสภาวิชาชีพที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดระบบการบริการให้มีเครือข่ายมากขึ้น ทั้งนี้ การดำเนินการของเครือข่ายยังมุ่งเน้นการเสริมสร้างศักยภาพด้านระบบการบริหารจัดการ การร่วมมือกันภายในเครือข่าย และระหว่างเครือข่ายเพื่อให้เกิดความคล่องตัว ต่อเนื่องและยั่งยืน
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai