แถลงการณ์พรรคฯ ยังวิจารณ์ว่า รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยไม่จริงใจตอบสนองข้อเรียกร้องประชาชน เอาความคิดตนเองเป็นใหญ่ มองแต่ผลประโยชน์คนใกล้ชิด และพยายามที่จะหยิบยกข้อกฎหมายที่เป็นประโยชน์กับตนเองมาอ้างเพื่อรักษาฐานอำนาจ มากไปกว่านั้น ยังมีการสมรู้ร่วมคิดให้มีการใช้ความรุนแรงผ่านกระบวนการใช้อาวุธสงครามต่างชนิด ไม่จริงจังในการค้นหาตัวผู้กระทำผิดกรณีเกิดความรุนแรงต่อกลุ่มผู้ชุมนุมหรือฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาล ปล่อยให้กรุงเทพมหานครกลายเป็นสมรภูมิรบของผู้ที่ต้องการใช้อาวุธทำร้ายประชาชนอย่างเปิดเผย และไม่ต้องเกรงกลัวเจ้าหน้าที่บ้านเมือง
"พรรคประชาธิปัตย์จึงเห็นว่าสถานการณ์ในขณะนี้ผู้ที่เป็นตัวถ่วงกระบวนการเดินหน้าประเทศไทยก็คือรัฐบาล และพรรคเพื่อไทย ทั้งๆ ที่สาเหตุของวิกฤตินั้นเกิดจากพฤติกรรมของคนในฝั่งรัฐบาล แต่กลับไม่รับผิดชอบและปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหา"
แถลงการณ์ ปชป. ชี้ด้วยว่า ขณะฝ่ายต่างๆ เช่น สุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย พยายามช่วยหาทางออก แต่พรรคเพื่อไทยกลับตั้งธงปฏิเสธ กล่าวหา และลดความน่าเชื่อถือของการทำงานของบุคคลเหล่านี้ นับว่ารัฐบาลและพรรคเพื่อไทย “มือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ” และว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยไม่หลอกตัวเองก็ย่อมรู้ดีว่าแม้การเลือกตั้งที่พรรคเพื่อไทยเพียรพยายามจะให้เกิดขึ้นนั้นสามารถผ่านพ้นไปได้ หรือแม้แต่มีผลของการเลือกตั้งออกมาตามที่พรรคเพื่อไทยต้องการ แต่ก็ไม่ใช่หลักประกันว่าประเทศจะเข้าสู่สภาวการณ์ปกติได้ ตรงกันข้ามจะเป็นการราดน้ำมันลงบนกองไฟที่ทำให้การต่อต้านรุนแรงและซ้ำเติมปัญหาของประเทศมากกว่า
"ดังนั้นหากรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยปรารถนาจะเห็นกระบวนการประชาธิปไตยกลับคืนประเทศโดยสมบูรณ์ ขอให้พิจารณาทบทวนบทบาทของตนเอง และก้าวออกจากอำนาจเพียงชั่วระยะเวลาหนึ่ง เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่ทุกฝ่ายให้การยอมรับเข้ามาทำหน้าที่แก้ไขวิกฤติ ส่วนภาคการเมืองก็สามารถกลับไปเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งที่จะมาถึงเมื่อทุกฝ่ายให้การยอมรับ และประเทศจะสามารถเดินหน้าปฏิรูปไปสู่สิ่งที่ดีกว่าอย่างเป็นรูปธรรม"แถลงการณ์พรรคประชาธิปัตย์ระบุ
รายละเอียดแถลงการณ์มีดังนี้
“พรรคประชาธิปัตย์” ออกแถลงการณ์ เรียกร้องรัฐบาล พรรคเพื่อไทย ทบทวนบทบาทตัวเอง 1. พรรคประชาธิปัตย์ขอย้ำว่าวิกฤติการเมืองในปัจจุบันนั้นเกิดจากพฤติกรรมของพรรคเพื่อไทยที่ทำให้พี่น้องประชาชนนั้นหมดความอดทนและเสื่อมศรัทธาในระบอบประชาธิปไตยไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตคอร์รัปชั่น การลุแก่อำนาจใช้ความรุนแรงในการข่มขู่คุกคาม การปล่อยให้ขบวนการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง และความพยายามในการทำลายระบบนิติรัฐผ่านกระบวนการออกกฎหมายล้างผิด พระราชบัญญัตินิรโทษกรรมเหมาเข่ง 2. หลังจากเกิดเหตุการณ์วิกฤติดังกล่าวพี่น้องประชาชนจำนวนมากได้ออกมาแสดงจุดยืนต่อต้านรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อย่างสงบ แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งคุณยิ่งลักษณ์ตัดสินใจยุบสภาโดยหวังว่าการเลือกตั้งจะสามารถแก้ไขปัญหาหรือกลบเกลื่อนสิ่งที่คุณยิ่งลักษณ์ และพรรคเพื่อไทยได้กระทำมา ซึ่งเป็นแนวคิดลักษณะเดียวกับคุณทักษิณ ที่มักอ้างเสียงข้างมากเพื่อเอาชนะความถูกต้อง หรือกฎหมายของประเทศ 3. อย่างไรก็ตามพี่น้องประชาชนจำนวนมากที่หมดความศรัทธากับกระบวนการทางการเมืองเดิมๆ ได้ปฏิเสธการกลับเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้ง และต้องการให้มีการปฏิรูปอย่างเป็นรูปธรรมก่อนการเลือกตั้ง เพื่อให้แน่ใจว่านักการเมืองผู้ซึ่งรับมอบอำนาจของประชาชนจะไม่เอาอำนาจนั้นไปใช้ในทางที่ผิดหรือทางที่เป็นโทษต่อประชาชน และประเทศชาติต่อไป 4. เป็นที่น่าเสียใจว่ารัฐบาลและพรรคเพื่อไทยไม่เคยสำนึกในผลการกระทำของตนเองและไม่เคยคิดตอบสนองข้อเรียกร้องของพี่น้องประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศ แต่กลับมุ่งหน้ากระชับอำนาจตัวเองผ่านกระบวนการเลือกตั้ง โดยไม่สนใจว่ามีประชาชนจำนวนมากไม่ให้ความร่วมมือและไม่ไปลงคะแนนเลือกตั้งจนทำให้คะแนนเสียงของผู้มาใช้สิทธิ์เลือกพรรคการเมืองนั้นน้อยลงกว่าปกติถึงกว่า 20 ล้านเสียง และยังเกิดการคัดค้าน ต่อต้าน การเลือกตั้งจนเป็นสาเหตุให้การเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ. 57 เป็นโมฆะ และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินก็ได้มีการแจ้งเตือน เรียกร้องให้รัฐบาลรับผิดชอบกับงบประมาณแผ่นดินดังกล่าวที่สูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ 5. พรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันพร้อมสนับสนุนกระบวนการคืนความสงบสุขให้กับประเทศ และพรรคฯ ยืนยันว่าประเทศต้องได้รับการผลักดันการปฏิรูปอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อให้ประเทศพ้นวิกฤติอย่างถาวร และไม่เกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองขึ้นอีก โดยพรรคฯ สนับสนุนกระบวนการจัดการเลือกตั้งที่ทุกฝ่ายให้การยอมรับและเข้ามามีส่วนร่วม เป็นการเลือกตั้งที่เป็นเสรี เป็นธรรม ในบรรยากาศที่เหมาะสม แต่ต้องไม่ใช่การเลือกตั้งที่เป็นเพียงพิธีกรรมทางประชาธิปไตยเพื่อให้นักการเมืองเอาอำนาจของประชาชนไปใช้ในทางฉ้อฉล 6. พรรคประชาธิปัตย์ โดยหัวหน้าพรรค ได้เสนอแผนเดินหน้าประเทศไทยในวันที่ 3 พ.ค. 2557 โดยหวังให้การเดินหน้าแก้ไขปัญหาของประเทศนั้นถูกผลักดันอย่างเป็นรูปธรรมและเพื่อหลีกเลี่ยงความสูญเสีย การเผชิญหน้า การฉีกรัฐธรรมนูญ ตลอดจนการรัฐประหาร โดยมีความตั้งใจเป็นอย่างยิ่งว่า หากทุกฝ่ายให้ความร่วมมือประเทศไทยก็จะมีคำตอบที่เหมาะสม โดยไม่ต้องให้ใครนั้นเป็นผู้ที่ต้องเสียสละอยู่ฝ่ายเดียว 7. แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า จนถึงขณะนี้การเดินหน้าแก้ไขปัญหาของประเทศไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้เพราะรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยมิได้มีความจริงใจต่อการตอบสนองข้อเรียกร้องของประชาชน แต่กลับเอาความคิดของตนเองเป็นใหญ่ มองแต่ผลประโยชน์ของคนใกล้ชิด ไม่คำนึงถึงสาธารณประโยชน์โดยรวม และพยายามที่จะหยิบยกข้อกฎหมายที่เป็นประโยชน์กับตนเองมาอ้างเพื่อรักษาฐานอำนาจของตน มากไปกว่านั้น ยังมีการสมรู้ร่วมคิดให้มีการใช้ความรุนแรงผ่านกระบวนการใช้อาวุธสงครามต่างชนิดซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า ทุกครั้งที่มีความรุนแรงต่อกลุ่มผู้ชุมนุมหรือฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาลจะไม่มีการเอาจริงเอาจังในการค้นหาตัวผู้กระทำผิด ไม่มีความพยายามในการหาเบาะแสของผู้กระทำ แต่กลับปล่อยให้กรุงเทพมหานครกลายเป็นสมรภูมิรบของผู้ที่ต้องการใช้อาวุธทำร้ายประชาชนอย่างเปิดเผย และไม่ต้องเกรงกลัวเจ้าหน้าที่บ้านเมืองแต่อย่างใด 8. พรรคประชาธิปัตย์จึงเห็นว่าสถานการณ์ในขณะนี้ผู้ที่เป็นตัวถ่วงกระบวนการเดินหน้าประเทศไทยก็คือรัฐบาล และพรรคเพื่อไทย ทั้งๆ ที่สาเหตุของวิกฤตินั้นเกิดจากพฤติกรรมของคนในฝั่งรัฐบาล แต่กลับไม่รับผิดชอบและปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหา 9. ในขณะนี้การดำเนินการของฝ่ายต่างๆ ในการร่วมกันหาทางออกมีความคืบหน้าเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะการดำเนินการของนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ซึ่งเป็นความพยายามในการที่จะแก้ไขปัญหา แต่กลับถูกโจมตีจากพรรคเพื่อไทยด้วยเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น เพราะการดำเนินการของคุณสุรชัยนั้น มิใช่เป็นการเรียกประชุมวุฒิสภา แต่เป็นการดำเนินการในฐานะประธานวุฒิสภา ที่พยายามแสวงหาความร่วมมือและรับฟังความคิดเห็นของฝ่ายต่างๆ เพื่อมาประมวลให้เหมาะสม แต่พรรคเพื่อไทยยังไม่ทันที่จะเข้ามาร่วมรับฟัง หรือร่วมแสดงความคิดเห็น กลับตั้งธงในการปฏิเสธ กล่าวหา และลดความน่าเชื่อถือของการทำงานของบุคคลเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นการเข้าแจ้งความ การอ้างข้อกฎหมาย นับว่ารัฐบาลและพรรคเพื่อไทยได้ปฏิบัติตนสมกับสุภาษิตว่า “มือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ” 10. ขณะนี้สถานการณ์ของประเทศต้องการความร่วมมือจากทุกฝ่ายในการร่วมกันหาทางออก และป้องกันการสุ่มเสี่ยงที่ประเทศจะเข้าสู่สภาวะมิคสัญญี ดังนั้นถ้ารัฐบาล และพรรคเพื่อไทย ยังมีสำนึกแห่งความเป็นคนไทยอยู่ ก็น่าจะร่วมกันหลีกเลี่ยงปัจจัยใดๆ ที่จะนำประเทศไปสู่ความล้มเหลว และความสูญเสีย มิใช่หรือ ถ้าพรรคเพื่อไทยไม่หลอกตัวเองก็ย่อมรู้ดีว่าแม้การเลือกตั้งที่พรรคเพื่อไทยเพียรพยายามจะให้เกิดขึ้นนั้นสามารถผ่านพ้นไปได้ หรือแม้แต่มีผลของการเลือกตั้งออกมาตามที่พรรคเพื่อไทยต้องการ แต่ก็ไม่ใช่หลักประกันว่าประเทศจะเข้าสู่สภาวการณ์ปกติได้ ตรงกันข้ามจะเป็นการราดน้ำมันลงบนกองไฟที่ทำให้การต่อต้านรุนแรงและซ้ำเติมปัญหาของประเทศมากกว่า 11. พรรคประชาธิปัตย์ ขอย้ำว่าการดำเนินการใดๆ ของทุกภาคส่วนในขณะนี้เป็นการแก้ไขปัญหาให้กับประเทศไทยโดยรวม และไม่ใช่การตอบสนองความต้องการของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ดังนั้นหากรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยปรารถนาจะเห็นกระบวนการประชาธิปไตยกลับคืนประเทศโดยสมบูรณ์ ขอให้พิจารณาทบทวนบทบาทของตนเอง และก้าวออกจากอำนาจเพียงชั่วระยะเวลาหนึ่ง เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่ทุกฝ่ายให้การยอมรับเข้ามาทำหน้าที่แก้ไขวิกฤติ ส่วนภาคการเมืองก็สามารถกลับไปเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งที่จะมาถึงเมื่อทุกฝ่ายให้การยอมรับ และประเทศจะสามารถเดินหน้าปฏิรูปไปสู่สิ่งที่ดีกว่าอย่างเป็นรูปธรรม |