สุเทพอ่านแถลงการณ์ทางออกของประเทศไทย ครั้งที่ 1 แนะให้ประธานวุฒิสภาปรึกษา ประธานศาลฎีกา ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประธานศาลปกครองสูงสุดสูงสุด และประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ดำเนินการหารือให้มีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ทันที ด้าน 'จตุพร'ชี้ทำไม่ได้หวั่นรุนแรง
สุเทพ เทือกสุบรรณ และแกนนำ กปปส. อ่านแถลงการณ์ทางออกของประเทศไทย ครั้งที่ 1 (ที่มา: เพจสุเทพ เทือกสุบรรณ)
10 พ.ค. 2557 มติชนออนไลน์รายงานว่าเมื่อเวลา 16.00 น. ที่แยกมิสกวัน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. พร้อมแกนนำ อาทิ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย นายเอกนัฏ พร้อมพันธ์ นายสมบัติ ธำรงธัญญวงศ์ นายนิติธร ล้ำเหลือ แถลงข่าวร่วมกัน
นายสุเทพได้อ่านแถลงการณ์ทางออกของประเทศไทย ครั้งที่ 1 ว่า การต่อสู้ของมวลมหาประชาชนในช่วงตลอดหกเดือนที่ผ่านมาทำให้ระบอบทักษิณล่มสลาย ซึ่งการ การทุจริต และการแทรกแซงนิติบัญญัติ กระบวนการยุติธรรม รวมทั้งการใช้สมุนบริหาร มาคุกคามองค์กรอิสระ ประธานศาลรับธรรมนูญ ผู้พิพากษา สื่อมวลชน และประชาชน จนทำให้ประชาชนไม่สามารรถอดทนได้อีกต่อไป ในที่สุดศาลรัฐธรรมนูญ และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) วินิจฉัยชี้มูลนางสาว ยิ่งลักษณ์ ชิวัตร และ คณะรัฐมนตรีจนสิ้นสภาพ ทำให้ประเทศไทยอยู่ในสภาพที่ไม่มีรัฐบาลบริหารประเทศ เพราะไม่มีนายกรัฐมนตรี หรือรักษาการนายกรัฐมนตรี คงมีแต่รักษาการรองนายกรัฐมนตรี และรักษาการ คณะรัฐมนตรีเท่านั้น ซึ่งรักษาการรองนายกรัฐมนตรีไม่มีฐานะที่จะเป็นหัวหน้ารัฐบาล ไม่สามารถใช้อำนาจนายกรัฐมนตรีได้ ประเทศไทยในขณะนี้ไม่มีนายกรัฐมนตรี หรือผู้ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีได้โดยชอบด้วยกฎหมาย
นายสุเทพ อ่านแถลงการณ์ ต่อว่า ในกรณีที่สิ้นสภาพ หากในสถานการณ์ปกติ สภาผู้แทนราษฏรจะทำหน้าที่เลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ทันที ทว่าตอนนี้ไม่มีสภาผู้แทนราษฏร์ ซึ่งวุฒิสภาจึงเป็นองค์กรเดียวที่เหลืออยู่ มวลมหาประชาลชนของวิงวอนให้ประธานวุฒิช่วยปรึกษา ประธานศาลฎีกา ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประธานศาลปกครองสูงสุดสูงสุด และประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ดำเนินการหารือให้มีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ทันที ทั้งนี้มวลมหาประชาชนชนจะชุมนุมต่อไปอย่างสันติ อหิงสา จนกว่าจะมีนายกรัฐมนตรีมาบริหารประเทศปฏิบัติตามเจตนารมณ์ต่อไป
“ในฐานตัวแทนมวลมหาประชาชน ผมได้ทำหนังสือถึงประธานวุฒิสภา ประธานศาลฏีกา ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประธานศาลปกครองสูงสุด และประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เรียบร้อยแล้ว ผมยืนยันว่า มวลมหาประชาชนทั้งหลายมีความรักชาติรักแผ่นดิน อยากเห็นบ้านเมืองสงบ มีการปฏิรูปประเทศ เพื่ออนาคตของลูกหลานไทยทุกคน ผมขอใช้โอกาสนี้ให้ทุกฝ่าย และคนเสื้อแดงได้ร่วมใจกันทำงานเพื่อชาติและแผ่นดินทุกคน ขอขอบคุณครับ” นายสุเทพ อ่านแถลงการณ์ฯ
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่นายสุเทพได้อ่านแถลงการณ์ทางออกของประเทศไทย ครั้งที่ 1 เสร็จแล้ว นายสุเทพได้กล่าวปราศรัยทักทายผู้ชุมนุมต่อ ซึ่งบรรยากาศโดยทั่วไปนั้นมีความคึกคัก และมีผู้ชุมนุมเนืองแน่นเต็มพื้นที่แยกมิสกวันอีกด้ว
จตุพรยันข้อเสนอสุเทพเป็นไปไม่ได้
ด้านนายจตุพร พรหมพันธ์ ประธาน นปช. เปิดแถลงข่าวในเวลาต่อมาว่า กรณีนายสุเทพ ออกแถลงว่าขณะนี้ประเทศไทยไม่มีรัฐบาลรักษาการ และรองนายกรัฐมนตรีที่ปฏิบัติหน้าที่แทนไม่สามารถใช้อำนาจของนายกรัฐมนตรีได้ และยังประสานงานไปยังประธานวุฒิสภา ว่าให้มีการแแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนกลางนั้น ยืนยันว่าข้อเสนอดังกล่าวไม่สามารถเกิดขึ้นได้ โดยประธานวุฒิสภานั้นยังไม่ได้รับการโปรดเกล้าแต่งตั้ง โดยคนที่จะลงนามโปรดเกล้านั้นคือนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายสุเทพก็เชื่อเองว่า ปัจจุบันยังไม่มีนายกรัฐมนตรีแต่กลับจะใช้กลไกวุฒิสภาเลือกนายกฯ
ทั้งนี้การเลือกประธานวุฒิสภาเมื่อวานนั้นเป็นการเลือกที่ผิดกฏหมาย เพราะเลือกกันนอกวาระ โดยหากมีการร้องว่ากระบวนการเลือกไม่ถูกต้อง การแต่งตั้งประธานวุฒิสภาก็จะล่าช้าไปด้วย จึงถือว่าตำแหน่งประธานวุฒิสภาจึงยังไม่เกิดขึ้น ส่วนข้อเสนอไปยังประธานศาลปกครอง ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประธานศาลฎีกา และประธานวุฒิสภานั้น ยืนยันว่าไม่สามารถประชุมเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีได้ เพราะไม่มีกฏหมายรองรับ ส่วนข่าวที่่ว่าจะประชุมกันวันจันทร์เพื่อสรรหานายกรัฐมนตรีคนกลางนั้น ขอเรียกร้องไปยังประธานศาลฏีกา ว่าไม่ให้เข้าประชุม เพราะเป็นคนเดียวที่ยังไม่มีข้อครหาใดๆ ส่วนคนอื่นก็ขอให้ใช้วิจารณญานกันเอง ยืนยันว่าทางออกขณะนี้คือการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น เพราะขณะนี้ยังไม่มีสุญญากาศทางการเมืองเกิดขึ้น โดยหากยิ่งทำให้เกิดนายกฯคนกลางด้วยวิธีนอกรัฐธรรมนูญนั้น ปัญหาทางการเมืองจะยิ่งมีความรุนและซับซ้อนมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้นายจตุพรยังยืนยันว่าการชุมนุมครั้งนี้จะมีการชุมนุมยืดเยื้อยาวนานจนกว่าจะได้รับชัยชนะ และจะไม่มีการเคลื่อนขบวนออกจากที่ตั้ง นอกจากนี้ หากยังมีกระบวนการตั้งนายกรัฐมนตรีคนกลาง นปช.ก็จะใช้วิธีการต่อสู้ทางกฏหมายเพราะขณะนี้ประเทศไทยยังไม่เกิดสูญญากาศทางการเมือง คู่ไปกับการชุมนุมโดยสงบ สันติ อหิงสาอย่างแท้จริง