‘ชมรมแพทย์ชนบท’ ร้องหยุดทำลายประเทศ จี้รัฐมนตรีที่เหลือลาออกในทันที

 

 

 

 

สืบเนื่องจากการที่ศาลรัฐธรรมนูญได้อ่านคำพิพากษาและมีมติให้นายกรัฐมนตรีพร้อม 9 รัฐมนตรีสิ้นสภาพการทำหน้าที่ เพราะมีการใช้อำนาจโดยมิชอบโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนสี เพื่อหมายให้ พลตำรวจเอกเพรียวพันธุ์ ดามาพงศ์ ซึ่งเป็นญาติใกล้ชิดกับนายกมารับตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นการโยกย้ายที่ขัดต่อหลักนิติธรรมและประโยชน์ของประเทศชาติ แต่อย่างไรก็ตามในรัฐบาลรักษาการยังมีรัฐมนตรีที่ยังไม่ได้ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่อีกจำนวนหนึ่ง ยังพยายามดิ้นรนเป็นรัฐบาลต่อไปทั้งๆที่หมดสิ้นความชอบธรรมโดยสิ้นเชิงไปแล้ว

 

ชมรมแพทย์ชนบทเห็นว่า บัดนี้ประเทศไทยได้เดินหน้ามาสู่ช่วงระยะทางสุดท้ายของการทลายกำแพงระบอบเผด็จการทุนสามานย์แล้ว พลังของมวลมหาประชาชนที่มุ่งมั่นต่อสู้อย่างยืนหยัด สงบ สันติ อหิงสา ตลอดจนการปฏิบัติหน้าที่ขององค์กรตามรัฐธรรมนูญที่เป็นไปตามหลักนิติธรรม ได้ทำให้ความชอบธรรมของรัฐบาลรักษาการและพรรคเพื่อไทยนั้นหมดสภาพโดยสมบูรณ์ การยื้อให้อยู่ในอำนาจต่อไปโดยที่ไม่มีความชอบธรรมใดๆ เหลืออยู่อีกนั้น รังแต่จะทำร้ายทำลายประเทศไทย ทำลายโอกาสในการพัฒนาและการปฏิรูปประเทศที่เป็นความหวังของคนบนแผ่นดินไทยทั้งมวล รวมทั้งลูกหลานไทยในอนาคต นับว่าเป็นการกระทำที่ไร้หิริโอตัปปะอย่างน่าอดสูใจที่สุดที่ไม่เคยมีรัฐบาลทรราชใดก่อนหน้ามาเทียบเคียงได้

 

ชมรมแพทย์ชนบทจึงขอเรียกร้องให้

 

1. ขอให้รัฐมนตรีที่เหลืออยู่ทั้งหมดใช้ดุลยพินิจที่เป็นอิสระจากการสั่งการของนายใหญ่ แสดงความกล้าหาญทางจริยธรรมและเห็นแก่ผลประโยชน์ชาติมากกว่าผลประโยชน์ตระกูลชินวัตร ด้วยการลาออกจากการเป็นรัฐมนตรีรักษาการทุกคน

 

2. ชมรมแพทย์ชนบทขอประณามความรุนแรงที่กระทำโดยใช้ M-79 ที่ยิงถล่มสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ บ้านพักของนายสุพจน์ ไข่มุกด์ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและสำนักงานใหญ่ธนาคารไทยพาณิชย์ซึ่งเป็นการใช้ความรุนแรงต่อชีวิตและทรัพย์สินอย่างป่าเถื่อนต่ำช้าเยี่ยงพวกอนารยะอันไม่อาจให้อภัยได้ อีกทั้งเป้าหมายทั้งสามนั้นมีความเชื่อมโยงเชิงสัญลักษณ์กับสถาบันพระมหากษัตริย์ จึงนับเป็นการข่มขู่เชิงสัญลักษณ์ที่รุนแรงและหวังมุ่งจงใจทำลายสถาบันหลักของชาติที่คนไทยทั้งประเทศเคารพศรัทธา

 

3. ขอให้มวลมหาประชาชนออกมาชุมนุมแสดงพลังในวันที่ 9 พฤษภาคม เป็นต้นไปให้มากที่สุด เพื่อขับไล่รัฐบาลทรราชและหยุดยั้งระบอบเผด็จการทุนสามานย์ ตลอดจนตอกย้ำเจตนารมณ์การปฏิรูปก่อนการเลือกตั้งให้บรรลุเป้าหมายให้จงได้