"อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ"ให้สัมภาษณ์ "สรยุทธ์ สุทัศนะจินดา"ในรายการเจาะข่าวเด่น ยอมรับว่าตนไม่ได้เป็นตัวกลาง ชี้ทางออกต้องมีการปฏิรูปพร้อมกับการเลือกตั้ง ซึ่งทุกฝ่ายเห็นตรงกัน แต่ต้องมาถกเถียงกันว่าจะทำตอนไหน ด้าน "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร"ยินดีรับนัดหารือร่วม
25 เม.ย. 2557 มติชนออนไลน์รายงานว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์นายสรยุทธ์ สุทัศนะจินดา ในรายการเจาะข่าวเด่น ถึงกรณีเสนอตัวเป็นผู้นำการปฏิรูปประเทศไทย ว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นขณะนี้บ้านเมืองเดือดร้อน มีปัญหาด้านเศรษฐกิจ ที่ประชาชนก็รับรู้ ทั้งความทุกข์ในปัจจุบัน และความกังวลในอนาคต ที่ยังมองไม่เห็นทางออก หากไม่มีกระบวนการมาตกลงกันและยอมรับว่าตนเองก็เป็นส่วนหนึ่งของปัญหา
อย่างไรก็ตามยอมรับว่าตนไม่ได้เป็นตัวกลาง แต่เข้าใจความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งถ้ากลับไปดำเนินการในรูปแบบเดิม ที่แต่ละฝ่ายเห็นไม่ตรงกันและต้องเลือกข้างใดข้างหนึ่ง ปัญหาที่เกิดขึ้นก็ไม่มีทางจบ แต่ต้องทำการปฏิรูปควบคู่ไปกับการเลือกตั้ง คือ ปฏิรูปทั้งก่อนเลือกตั้ง ระหว่างการเลือกตั้งและหลังเลือกตั้ง สิ่งไหนที่สามารถทำก่อนก็ให้เริ่มก่อน เพราะคือกลไลตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งหากมีการเลือกตั้งก่อนการปฏิรูป ประชาชนก็ไม่มีหลักประกัน เพราะว่านักการเมืองในขณะนี้มีคะแนนตกต่ำ ไม่ว่าจะฝ่ายไหนก็ตาม ส่วนการปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ประชาชนจะหาความชอบธรรมจากไหน และหากบังคับให้ประชาชนเลือกเหตุการณ์ก็จะไม่จบ เพราะทั้งสองฝ่ายจะไม่ยอมรับ ทางที่จะจบได้จะต้องมีการปฏิรูปพร้อมกับการเลือกตั้ง ซึ่งทุกฝ่ายเห็นตรงกัน แต่ต้องมาถกเถียงกันว่าจะทำตอนไหน อย่างไร
ทั้งนี้นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า การเดินสายเข้าพบเครือข่ายปฏิรูป เพื่อที่จะได้หาแนวทางร่วมกัน ซึ่งเครือข่ายปฏิรูปจะไม่ยึดติดกับแนวทางกับความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้น โดยจะต้องข้ามการถกเถียงที่จะดำเนินการสิ่งใดก่อนหรือหลัง แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ เพราะเกรงว่าอาจเกิดความขัดแย้งขึ้นอีก
โดยหลังจากนี้ในวันจันทร์ (28 เม.ย.) จะมีการพูดคุยกับพล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เกี่ยวกับสถานการณ์ของบ้านเมือง และเป้าหมายของความมั่นคง และ หารือกับ กกต.ในวันอังคาร (29 เม.ย.) เกี่ยวกับการวางแผนจัดการการเลือกตั้ง ต่อจากนั้นจะพูดคุยกับนายกรัฐมนตรี กลุ่ม กปปส. และ กลุ่ม นปช. ในโอกาสต่อไปอย่างไรก็ตามขอขอบคุณนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่แสดงท่าทีเห็นด้วยกับการปฏิรูปของตน
นอกจากนี้นายอภิสิทธิ์ ระบุว่า การปฏิรูปที่จะจัดทำไม่สามารถบังคับใครได้ แต่ประชาชนทุกฝ่ายทั้งคนที่ชื่นชอบพรรคประชาธิปัตย์ รัฐบาล กปปส. หรือนปช. และแม้กระทั่งคนที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดก็พร้อมที่จะหาทางออกให้ประเทศ โดยไม่เสียของอุดมการณ์ของตนเอง ซึ่งจะสำเร็จหรือก็ยังไม่สามารถตอบได้ แต่เวลานี้ต้องการทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด ทั้งนี้การปฏิรูปที่ได้วางไว้มีหลายทางเลือก แต่รายละเอียดยังไม่ตรงกัน รวมทั้งตอนนี้สถานการณ์บ้านเมืองยังไม่คลี่คลาย จึงไม่สามารถเปิดเผยได้ และหากไม่มีใครปฏิเสธหลักการนี้ก็จะดำเนินการพูดคุยกันรายละเอียดต่อไป
ส่วนกรณีของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. นายชัยเกษม นิติสิริ ปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ ร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง ผอ.ศอ.รส. ที่กล่าวถึง นายกรัฐมนตรีคนกลาง และการทูลเกล้าขอพระบรมราชวินิจฉัยตาม มาตรา 7 นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตอนนี้ประเทศอยู่ในสถานการณ์ที่รัฐธรรมนูญยังไม่มีความชัดเจน ซึ่งแต่ละคนให้คำตอบของ มาตรา 7 ไม่ตรงกัน แต่อย่างไรก็ตามยังไม่จำเป็นที่จะต้องพูดคุยถึงเรื่องนี้
อย่างไรก็ตามนายอภิสิทธิ์หวังว่า ความสำเร็จของการปฏิรูปจะมากกว่าการเสนอแนวคิดที่หรูหรา ซึ่งต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง และค่อยๆดำเนินการไปในกระบวนการหาคำตอบ ยืนยันไม่ได้ซื้อเวลาและคาดว่าภายใน 10 วันจะรู้คำตอบว่าสำเร็จหรือไม่ พร้อมกันนี้นายอภิสิทธิ์ยังระบุอีกว่า ในส่วนของการพูดคุยกับนางสาวยิ่งลักษณ์ และนายสุเทพ จะเป็นส่วนสุดท้าย ซึ่งเวลานี้สิ่งที่ต้องทำมีเพียงอย่างเดียวคือการปฏิรูปภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญ
"ยิ่งลักษณ์"ยินดีรับนัดหารือร่วม "อภิสิทธิ์"
ด้านเนชั่นทันข่าวรายงานวันเดียวกันนี้ (25 เม.ย.) เมื่อเวลา 13.25 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหนัาพรรคประชาธิปัตย์เดินสายพูดคุยเพื่อหาทางออกให้กับประเทศ ว่า ตนมองว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดีที่เราจะได้หันหน้ามาเจรจากัน และสิ่งที่ดีอย่างน้อยคือเรื่องของจุดร่วมของนายอภิสิทธิ์ที่เห็นด้วยกับการเลือกตั้ง และเห็นด้วยว่าการพูดคุยกันนั้นต้องอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนอย่างเห็นซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีพร้อมพูดคุยกับนายอภิสิทธิ์หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ความจริงแล้วเราก็เปิดกว้างมาโดยตลอดที่จะให้มีการพูดคุยกัน ถ้าผู้นำฝ่ายค้านได้มีการมามาร่วมพูดคุยกันเพื่อหาทางออก ตนก็ถือว่าเป็นโอกาสที่เราจะหาทิศทางที่จะเดินไปด้วยกัน เพื่อที่จะทำอย่างไรให้ประเทศกลับเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ และสิ่งที่เราดีใจอีกเรื่องหนึ่งคือการที่นายอภิสิทธิ์เห็นด้วยว่าการใช้กำลังรุนแรง การปฏิวัติรัฐประหารไม่ใช่คำตอบของการทำให้ประเทศกลับสู่สันติภาพได้
เมื่อถามว่านายอภิสิทธิ์ได้มีการนัดหมายพูดคุยแล้วหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวสั้นๆ ว่า "ยังเลยค่ะ"
เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีมองว่าเริ่มเห็นแสงสว่างในการแก้ไขปัญหาของประเทศให้เดินหน้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า เรียกได้ว่าถึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ตนก็คงต้องศึกษาในรายละเอียดก่อน แต่อย่างน้อยตนเชื่อว่าถ้าเราเริ่มเห็นด้วยกรอบใดกรอบหนึ่ง หรือจุดร่วมใดจุดหนึ่งแล้วค่อยหันไปหากัน อาจต้องใช้เวลาบ้าง แต่ตนเชื่อว่าเป็นแนวทางที่ดีกว่าต่างคนต่างไม่หันหน้าเข้าหากัน
เมื่อถามถึงการที่นายอภิสิทธิ์จะพูดคุยกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พี่ชายด้วย น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ต้องเรียนว่านายอภิสิทธิ์เองคงต้องคุยกับทุกคน เพราะต้องให้แน่ใจว่าแนวความคิดหรือจุดเริ่มต้นนี้คนส่วนใหญ่เห็นด้วย ตนก็คิดว่าเป็นสิ่งที่ดีที่เราจะเดินสายคุยกับหลายๆ คน และในส่วนของรัฐบาลเองก็อยากเปิดโอกาสให้กับทุกคนได้มีจุดเริ่มต้นและแนวทางร่วมกันในการหาทางออกให้กับประเทศอย่างไร เพราะว่าเมื่อก่อนเราอาจจะเห็นความเห็นต่างๆ ทำได้ยาก เพราะเนื่องจากไม่สามารถปฏิบัติได้ตามกรอบของรัฐธรรมนูญ แต่วันนี้แนวทางของนายอภิสิทธิ์อยู่ภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญจึงถือว่าเป็นสิ่งที่ดี
เมื่อถามถึงกรณีที่กลุ่มนปช.นัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 6 พฤษภาคม และกลุ่มกำนันผู้ใหญ่บ้านนัดชุมนุมในวันที่ 28 เมษายน อยากให้ชะลอการชุมนุมไว้ก่อนหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ความจริงแล้วต้องเรียนว่า การชุมนุมต่างๆ นั้นหากชุมนุมโดยสงบและอยู่ภายใต้กรอบกฏหมายนั้นก็เป็นสิทธิเสรีภาพที่ทำได้ แต่ต้องขอร้องทุกฝ่ายว่าการชุมนุมต่างๆ ต้องของความกรุณาว่าให้ยึดปฏิบัติตามกรอบของกฏหมาย และขออย่านำไปซึ่งความรุนแรง รวมถึงอย่าทำให้เหตุการณ์ต่างๆ ก่อให้เกิดความรู้สึกไม่มั่นใจ ซึ่งเราทุกคนต้องช่วยกันสร้างบรรยากาศที่ดี
เมื่อถามว่าในการชุมนุมของกลุ่ม นปช. วันที่ 6 พฤษภาคมที่จะออกมาปกป้องนายกรัฐมนตรีจากการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ก็อย่างที่บอกว่าการชุมนุมนั้นต้องอยู่ในกรอบของกฏหมายถ้าตามกรอบของกฎหมายก็เป็นสิทธิเสรีภาพที่ทำได้ แต่ในส่วนของการตัดสินของศาลเราพูดคุยกันอยู่แล้วว่าการตัดสินนั้นขึ้นอยู่กับผู้ที่ตัดสินที่จะต้องปฏิบัติตามกระบวนการยุติธรรมและให้ความเป็นธรรมอย่างเท่าเทียมกันทั้งผู้ถูกกล่าวหาและผู้กล่าวหา หากมีความเป็นธรรมผลการตัดสินออกมาอย่างไรทุกคนก็คงต้องยอมรับ ถ้าต่างคนต่างไม่ได้รับความเป็นธรรม เราก็เป็นห่วงในเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น ตนก็ตั้งความหวังทั้งกับศาลรัฐธรรมนูญและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะต้องคำนึงถึงจุดนี้ด้วย และศาลก็ยืนยันแล้วว่าจะปฏิบัติกับทุกคนอย่างเท่าเทียมกันตามหลักสากล
เมื่อถามว่าควรให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส. เข้ามาร่วมพูดคุยด้วยหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ก็เป็นความหวังที่ดี และคิดว่านายอภิสิทธิ์ควรที่จะหารือกับนายสุเทพไว้บ้าง ซึ่งน่าจะเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้รับฟังและค่อยๆ ปรับกันตามกรอบของรัฐธรรมนูญ
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai