กลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ราว 10 คน ชูป้ายตั้งคำถามกรณีนาย พอละจี รักจงเจริญ หรือ “บิลลี่” แกนนำกะเหรี่ยงในอำเภอแก่งกระจาน หายตัวลึกลับ พร้อมเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่เร่งค้นหาข้อเท็จจริง
21 เม.ย. 2557 เวลา 12.30 บริเวณโรงอาหาร อมช. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ร่วมกันทำกิจกรรมแสดงออกตั้งคำถามถึงกรณีการหายตัวของนายพอละจี รักจงเจริญ หรือ “บิลลี่” แกนนำนักเคลื่อนไหวกะเหรี่ยงชาวบ้านบางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี โดยเรียกร้องขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งค้นหาข้อเท็จจริงในเรื่องนี้
นาย พอละจี รักจงเจริญ หรือ “บิลลี่” สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ห้วยแม่เพรียง และเป็นพยานในคดีที่ชาวบ้านโป่งลึก-บางกลอยยื่นฟ้องนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ในข้อหาเผาบ้าน และยุ้งฉางของชาวบ้านให้ได้รับความเสียหาย ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. วันที่ 17 เม.ย. ที่ผ่านมา ขณะเดินทางจากหมู่บ้านลงมาที่ อ.แก่งกระจาน เพื่อพบกับญาติที่ได้นัดหมายกันไว้ โดยก่อนการหายตัวไปได้ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ควบคุมตัวเพื่อสอบสวน ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะอ้างว่าได้ปล่อยตัวไปแล้วด้วย (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ แกนนำกะเหรี่ยงแก่งกระจานหายตัวลึกลับ หวั่นป่าไม้อุ้ม แม่-เมีย ยื่นหนังสือร้องผู้ว่า ตำรวจ)
จากกรณีดังกล่าว กลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ราว 10 คน ในชุดปิดปากปิดหน้า ได้ร่วมกันเขียนป้ายที่มีข้อความตั้งคำถามถึงกรณีการหายตัวไปของนายพอละจี รักจงเจริญ มีใจความเช่น “บิลลี่หายไปไหน???” “บิลลี่หายไป ใครรับผิดชอบ” “ลูกเมียพี่บิลลี่จะอยู่ยังไง?” “กะเหรี่ยง = คน?” “หยุด! ละเมิดสิทธิมนุษยชน” “Please Return Billy Safety”
กลุ่มนักศึกษาได้ถือป้ายออกมายืนอยู่โดยรอบโรงอาหารอมช.ราว 5 นาที ในช่วงที่มีนักศึกษาและบุคลากรในมหาวิทยาลัยมารับประทานอาหารกลางวันค่อนข้างมาก ก่อนเดินวนโดยรอบ และหยุดยืนที่ด้านหน้าโรงอาหาร แล้วตะโกนขานรับพร้อมกันว่า “บิลลี่หายไปไหน” - “ไม่รู้” 3-4 ครั้ง ก่อนที่จะแยกย้ายกันไป
กนกวรรณ มีพรหม นักศึกษาคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หนึ่งในผู้ร่วมทำกิจกรรมครั้งนี้ กล่าวว่าในฐานะนักศึกษาที่ทำงานด้านสิ่งแวดล้อมและชุมชน รู้สึกว่าการที่คนๆ หนึ่งหายไปโดยที่เขากำลังทำอะไรเพื่อสังคมอยู่ โดยเท่าที่ทราบมีนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนที่หายตัวไปกว่า 28 คนแล้ว ไม่ว่าจะถูกฆ่าหรือถูกอุ้มก็ตาม จึงไม่อยากให้กรณีบิลลี่เป็นคนที่ 29 และเห็นว่านักศึกษาน่าจะมีการออกมาเคลื่อนไหวบ้าง โดยในกรณีนี้สื่อกระแสหลักก็ค่อนข้างเงียบ เห็นการเคลื่อนไหวในโลกออนไลน์บ้าง แต่ก็ไม่มากนัก
กนกวรรณกล่าวว่า กิจกรรมนี้เป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ โดยการปิดปากแสดงถึงว่าการหายตัวอย่างลึกลับ แล้วสังคมก็ต้องการคำตอบจากผู้เกี่ยวข้องว่าพี่บิลลี่หายไปไหน และต้องการให้กระบวนการสืบสวน ไม่ว่าจะเป็นส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ช่วยกันรีบค้นหาความจริงในกรณีนี้ และให้คำตอบต่อสังคม รวมไปถึงให้คำตอบต่อลูกและเมียของบิลลี่ ที่ควรจะได้รับความเป็นธรรมด้วย ไม่ใช่เป็นข่าวขึ้นมา แล้วก็ปล่อยให้เรื่องนี้เงียบหายไป
ด้านแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนเร่งหาตัวบิลลี่อย่างรอบด้านและรวดเร็วที่สุด
“การสูญหายของบุคคล ถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง ในหลายกรณีผู้เสียหายไม่เพียงถูกควบคุมตัวโดยไม่มีข้อกล่าวหา หรือไม่ได้รับการไต่สวน และมักเสี่ยงที่จะถูกทรมานหรือถูกสังหารในระหว่างการควบคุมตัว” นางสาวปริญญา บุญฤทธ์ฤทัยกุล ผู้อำนวยการ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย กล่าว
"ทั้งนี้ การสูญหายของบุคคล เป็นสิ่งที่รัฐไม่ควรยินยอมให้เกิดขึ้น และต้องดำเนินการสืบสวนสอบสวน นำผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ให้การคุ้มครองอย่างเป็นธรรมต่อผู้เสียหาย ผู้แจ้งความ พยาน และครอบครัวของพวกเขาในระหว่างที่มีการดำเนินคดีด้วย"
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai