9 เม.ย.2557 เมื่อวันอังคารที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา ศาลยุติธรรมสหภาพยุโรปตัดสินว่า กฎหมาย European Data Retention Directive 2006 หรือกฎหมายสหภาพยุโรป ว่าด้วยการจัดเก็บข้อมูล ปี 2006 (พ.ศ.2549) ที่บังคับให้ผู้ประกอบการโทรคมนาคม ต้องเก็บเมทาดาทา (metadata) ส่วนตัวของผู้ใช้บริการที่ลงทะเบียนใช้งาน ไว้เป็นเวลาสองปี ว่าขัดต่อสิทธิพลเมือง ว่าด้วยความเป็นส่วนตัว
ศาลได้แถลงว่า “ข้อเท็จจริงที่ข้อมูลถูกจัดเก็บและนำไปใช้ โดยปราศจากการแจ้งให้ผู้ใช้ที่ทำการลงทะเบียนใช้งานได้ทราบ ทำให้บุคคลเหล่านั้นเกิดความกังวลว่าชีวิตส่วนตัวของพวกเขากำลังถูกสอดแนม”
ศาลตัดสินว่าการจัดเก็บข้อมูลการใช้บริการโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตตามกฎหมายนี้ อาจบ่งบอกถึงข้อมูลส่วนบุคคล เกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของผู้ที่ถูกเก็บข้อมูลที่มีความเฉพาะเจาะจงในรายละเอียด เช่น กิจวัตรประจำวัน ที่พักอาศัยทั้งชั่วคราวและถาวร ความสัมพันธ์กับผู้คนในสังคม และความถี่ในการพบปะผู้คน
การพิจารณายกเลิกกฎหมายว่าด้วยการจัดเก็บของศาลในครั้งนี้ เกิดขึ้นจากการริเริ่มของนักเคลื่อนไหวจากไอร์แลนด์ และออสเตรีย ได้แก่ กลุ่ม Digital Rights Ireland และ Austrian Working Group on Data Retention ที่ฟ้องร้องรัฐบาลของประเทศตนเองในประเด็นนี้
แปลและเรียบเรียงจาก
http://mashable.com/2014/04/08/ecj-rejects-metadata-law-privacy
ขอบเขตของข้อมูล "เมทาดาทา"นั้นกว้างแค่ไหน? เมทาดาทา (metadata) นั้นหมายถึงข้อมูลประกอบที่อธิบายข้อมูลหลักอีกที เช่น ในการโทรศัพท์หากัน เนื้อความที่พูดคุย คือข้อมูลหลัก ส่วนหมายเลขต้นทาง-ปลายทาง และเวลาที่ต่อสาย-วางสาย คือข้อมูลเมทาดาทา หรือในไฟล์ MP3 ตัวเพลงที่เราฟัง คือข้อมูลหลัก ส่วนชื่อเพลง ชื่ออัลบั้ม ชื่อนักร้อง และความยาวของเพลง เป็นข้อมูลประกอบ แม้เมทาดาทาไม่ใช่ตัวข้อมูลที่เป็นเนื้อหาหลัก แต่ก็มีความสำคัญ และหลายครั้งมันเปิดเผยตัวเนื้อหาหลักอย่างชัดเจน หรือสามารถนำเมทาดาทาหลายๆ ชิ้นมาประกอบกันเพื่อระบุอัตลักษณ์ตัวตนของคนได้ เนื่องจากกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในหลายประเทศยังเป็นกฎหมายจากยุคอนาล็อก ยุคที่พลังการจัดเก็บผ่านเครือข่ายสื่อสารยังมีไม่มาก และพลังการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ด้วยคอมพิวเตอร์ยังไม่รวดเร็วเช่นทุกวันนี้ ซึ่งการใช้ประโยชน์จากเมทาดาทาทำได้จำกัด กฎหมายเหล่านั้นก็เลยยังไม่ได้คิด ยังไม่ได้คุ้มครองข้อมูลเมทาดาทานี้ มันเลยกลายเป็นช่องโหว่ให้หน่วยงานข่าวกรองบางประเทศ อ้างว่าข้อมูลที่ตัวเองอยากจัดเก็บนั้น "เป็นเมทาดาทา"แล้วก็จัดเก็บกันดื้อๆ |